ป.ป.ช.รับตัว “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ” กลับมาดำเนินคดีเงินทอนวัด

28 ก.ย. – ป.ป.ช. รับตัว “นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์” อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ กลับมาดำเนินคดี “เงินทอนวัด” หลังหลบหนีไปสหรัฐ เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยึด อายัด และติดตามทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริตกลับคืน นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อมูลว่าทางการสหรัฐอเมริกา ได้จับกุมตัวนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ถูคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด หรือ “คดีเงินทอนวัด” ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนของทางการไทย ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ขอให้อัยการสูงสุดประสานไปยังสหรัฐอเมริกา ให้ส่งตัวนายนพรัตน์ กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย นั้น นายนิติพันธุ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการควบคุมตัวนายนพรัตน์กลับมายังประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว และประสานงานกับพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. จะดำเนินการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการยึด อายัด และติดตามทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริตกลับคืน ตามหลักการและพันธกรณีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. […]

ปธน.โคลอมเบีย กล่าวหาสหรัฐละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

โบโกตา 28 ก.ย. – ประธานาธิบดีกุสตาโบ เปโตร ของโคลอมเบีย ไม่ยอมรับการตัดสินใจของสหรัฐที่เพิกถอนวีซ่าของเขาเมื่อวันเสาร์ และกล่าวหาว่าสหรัฐละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ จากกรณีที่เขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์สงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา เมื่อวันศุกร์ สหรัฐแถลงว่าจะยกเลิกวีซ่าของนายเปโตร หลังจากเขาเข้าร่วมการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ บนถนนในนครนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ และได้เรียกร้องให้ทหารสหรัฐฝ่าฝืนคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นายเปโตรแสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดียว่า เขาไม่มีวีซ่าเดินทางไปสหรัฐอีกต่อไป เขาไม่แคร์ เขาไม่จำเป็นต้องมีวีซ่า เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่พลเมืองโคลอมเบียเท่านั้น แต่เป็นพลเมืองยุโรปด้วย และเขาถือว่าตัวเองเป็นบุคคลที่มีอิสระในโลกอย่างแท้จริง เขายังกล่าวในโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การยกเลิกวีซ่าเพื่อลงโทษการประณามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แสดงให้เห็นว่าสหรัฐไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศอีกต่อไปแล้ว อิสราเอลได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากการปฏิบัติการในกาซามาโดยตลอด และยืนยันว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนเอง อย่างไรก็ตาม ภาพของชาวปาเลสไตน์ที่กำลังอดอยาก ซึ่งรวมถึงเด็กๆ ได้สร้างความไม่พอใจไปทั่วโลกต่อการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 65,000 ราย และทำให้ประชากรทั้งหมดในพื้นที่ต้องพลัดถิ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชน นักวิชาการ และคณะกรรมการสอบสวนของสหประชาชาติหลายรายกล่าวว่าการกระทำนี้ถือเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อิสราเอลเรียกการกระทำของตนว่าเป็นการป้องกันตนเอง หลังจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสในเดือนตุลาคม 2023 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,200 ราย และมีตัวประกันถูกจับไปกว่า 250 คน นายเปโตรได้กล่าวปราศรัยต่อผู้ประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์นอกสำนักงานใหญ่สหประชาชาติในย่านแมนฮัตตัน โดยเรียกร้องให้มีกองกำลังติดอาวุธระดับโลกที่มีภารกิจสำคัญในการปลดปล่อยชาวปาเลสไตน์ และกระตุ้นให้ทหารสหรัฐฝ่าฝืนคำสั่งของนายทรัมป์ และปฏิบัติตามคำสั่งของมนุษยชาติ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า จะเพิกถอนวีซ่าของนายเปโตร เนื่องจากการกระทำที่ประมาทและยั่วยุของเขา […]

สหประชาชาติกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง

สหประชาชาติ 28 ก.ย. – องค์การสหประชาชาติกลับมาใช้คำสั่งห้ามส่งอาวุธและมาตรการคว่ำบาตรอื่นๆ ต่อประเทศอิหร่านอีกครั้งในวันเสาร์ ตามการริเริ่มของกลุ่มประเทศมหาอำนาจหลักในยุโรป ซึ่งเป็นสิ่งที่อิหร่านเตือนว่าจะต้องเผชิญกับการตอบโต้ที่รุนแรง อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ได้ร่วมกันผลักดันให้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านกลับมาบังคับใช้ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดบกล่าวหาว่าอิหร่านละเมิดข้อตกลงปี 2015 ที่มีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ แม้ว่าอิหร่านจะปฏิเสธว่าไม่ได้แสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ไว้ครอบครองก็ตาม การสิ้นสุดลงของข้อตกลงนิวเคลียร์ที่มีอายุยาวนานทศวรรษ ซึ่งเดิมได้มีการลงนามร่วมกันระหว่างอิหร่าน อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐ รัสเซีย และจีน มีแนวโน้มที่จะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังจากที่อิสราเอลและสหรัฐ ได้ทิ้งระเบิดใส่สถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติที่เคยกำหนดโดยมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในช่วงปี 2006 ถึง 2010 ได้กลับมามีผลบังคับใช้ในเวลา 20.00 น. ของวันเสาร์ (ตามเขตเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ) หรือ 07.00 น. ของวันอาทิตย์ (ตามเวลาประเทศไทย) ความพยายามที่จะชะลอการกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดต่ออิหร่านไม่ประสบความสำเร็จในการประชุมสมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติประจำปีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังพ้นกำหนดเส้นตายในการประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตร รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมนี ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยระบุว่า ขอเรียกร้องให้อิหร่านและทุกรัฐปฏิบัติตามมติเหล่านี้อย่างครบถ้วน อิหร่าน ได้เตือนถึงการตอบโต้ที่รุนแรง แต่ประธานาธิบดี มาซูด เปเซชเคียนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า […]

US Deputy Secretary of State Christopher Landau and Moroccan Foreign Minister Nasser Bourita

สหรัฐ-โมร็อกโกย้ำความเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์

นิวยอร์ก 27 ก.ย.- สหรัฐและโมร็อกโกย้ำความเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ในเขตภูมิภาคแอฟริกาตอนเหนือ สถานทูตโมร็อกโกประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา นายคริสโตเฟอร์ แลนเดา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ และนายนัสเซอร์ บูริต้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของโมร็อกโก ได้ประชุมร่วมกันนอกรอบการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 หรือยูเอ็นจีเอ 80 (UNGA80) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ นายแลนเดาแจ้งในการประชุมว่า สหรัฐจะสนับสนุนให้เพิ่มการลงทุนในจังหวัดทางตอนใต้ของประเทศโมร็อกโก (Southern Provinces of Morocco) ให้เป็นไปตามความริเริ่มของสหรัฐที่จะส่งเสริมการทูตเชิงเศรษฐกิจและการค้า แถลงการณ์ระบุว่า นับตั้งแต่สหรัฐให้การรับรองแผนการปกครองตนเองบนพื้นที่ซาฮาร่า ภายใต้อำนาจอธิปไตยของโมร็อกโกเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2563 ทั้งสองฝ่ายได้ส่งเสริมให้การหารือเพื่อตอกย้ำถึงการรับรองนี้ ครอบคลุมไปถึงโครงการการลงทุนหลายโครงการของสหรัฐในพื้นที่ซาฮาร่าของโมร็อกโก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลสหรัฐที่จะริเริ่มโครงการการลงทุนในจังหวัดทางตอนใต้ของประเทศโมร็อกโกผ่านเรื่องนี้ และผ่านสาส์นแสดงความยินดีไปยังสมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 แห่งโมร็อกโก เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 สถานทูตโมร็อกโกประจำประเทศไทยระบุด้วยว่า เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนในหลากหลายมิติระหว่างสหรัฐกับพันธมิตรประเทศต่าง ๆ โมร็อกโกได้วางจุดยืนประเทศเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐในทวีปแอฟริกา.-814.-สำนักข่าวไทย

Colombia President speaks in front of UN headquarters in New York

สหรัฐจะเพิกถอนวีซ่า ปธน.โคลอมเบีย

วอชิงตัน 27 ก.ย.- สหรัฐจะเพิกถอนวีซ่าเข้าประเทศของประธานาธิบดีกุสตาโบ เปโตรของโคลอมเบีย โดยระบุว่า ผู้นำโคลอมเบียเรียกร้องให้ทหารอเมริกันขัดขืนไม่ฟังคำสั่งและยุยงให้เกิดความรุนแรงขณะอยู่ในสหรัฐ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐโพสต์ผ่านเอ็กซ์ (X) เมื่อวันศุกร์ว่า กระทรวงจะเพิกถอนวีซ่าของนายเปโตร เพราะการกระทำที่ไร้ความยั้งคิดและก่อความไม่สงบของเขา สหรัฐประกาศเรื่องนี้หลังจากผู้นำโคลอมเบีย  ซึ่งไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 หรือยูเอ็นจีเอ 80 (UNGA80) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ กล่าวกับฝูงชนหน้าสำนักงานใหญ่ยูเอ็นว่า ขอให้ทหารทุกนายในกองทัพสหรัฐไม่เล็งปืนไปที่ประชาชน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ปฏิบัติตามคำสั่งด้านมนุษยธรรม ประธานาธิบดีเปโตร วัย 65 ปี ใช้การกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้นำโลกเมื่อวันที่ 23 กันยายนตามเวลาท้องถิ่น กล่าวโจมตีนายทรัมป์ว่า สมรู้ร่วมคิดในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา พร้อมกับเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีอาญากับสหรัฐ กรณีที่ใช้ขีปนาวุธยิงทำลายเรือต้องสงสัยค้ายาเสพติดที่กำลังแล่นในทะเลแคริบเบียน ผู้นำโคลอมเบียได้นำคลิปที่เขาไปกล่าวกับกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ที่ชุมนุมประท้วงในนครนิวยอร์กมาโพสต์ซ้ำในสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเมื่อวันศุกร์ เขาเป็นหนึ่งในผู้แสดงตัวคัดค้านอย่างเปิดเผยต่อการที่อิสราเอลทำสงครามในกาซา และได้สั่งระงับการส่งออกถ่านหินไปให้อิสราเอล นายเปโตรเป็นอดีตสมาชิกกลุ่มกองโจรเอ็ม-19 (M-19) ที่เคลื่อนไหวในโคลอมเบียช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 และคริสต์ทศวรรษ 1980 เคยถูกกองทัพจับกุมในปี 2528 ข้อหาครอบครองอาวุธและถูกจองจำนาน 18 เดือน ต่อมาในปี 2533 เขาและพรรคพวกยอมวางอาวุธ หลังจากเจรจากับรัฐบาลเรื่องการนิรโทษกรรมและผันตัวเป็นพรรคการเมือง […]

ยุโรปไม่พบหลักฐานยาแก้ปวดโยงออทิสติก

บรัสเซลส์ 24 ก.ย. – ยุโรปยืนยันไม่พบหลักฐานการใช้ยาพาราเซตามอลกับหญิงตั้งครรภ์เชื่อมโยงกับอาการออทิสติกตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวอ้าง ขณะที่ออสเตรเลียยืนยันยาพาราเซตามอลปลอดภัยต่อสตรีมีครรภ์ คณะกรรมาธิการยุโรปยืนยันว่า ตามข้อมูลจากหน่วยงานด้านยาของสหภาพยุโรป ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงการใช้พาราเซตามอลระหว่างตั้งครรภ์กับโรคออทิสติก หลังจากที่นายทรัมป์ ออกมาเตือนในเรื่องนี้ โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยว่า องค์การยาแห่งยุโรป ได้ทบทวนข้อมูลจำนวนมากจากหญิงตั้งครรภ์ที่ใช้พาราเซตามอลในช่วงตั้งครรภ์ และไม่พบหลักฐานใดที่ชี้ถึงความเสี่ยงของความพิการแต่กำเนิดในทารก หรือผลกระทบต่อทารกแรกเกิด คำกล่าวอ้างนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก ซึ่งอธิบายว่า หลักฐานที่เชื่อมโยงเรื่องนี้ยังไม่สอดคล้องกัน และเตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการสรุปผล ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออสเตรเลียยืนยันว่า ยาแก้ปวดพาราเซตามอลปลอดภัยต่อสตรีมีครรภ์ เพื่อตอบโต้คำกล่าวอ้างของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ยาดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับโรคออทิสติก โดยยาพาราเซตามอลจัดอยู่ในกลุ่มยาสำหรับหญิงตั้งครรภ์ประเภท A ในออสเตรเลีย ซึ่งหมายความว่ายานี้ถือว่าปลอดภัยสำหรับการใช้ในระหว่างตั้งครรภ์ สมาคมแพทย์ออสเตรเลียบอกว่า ปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ใช้พาราเซตามอลให้น้อยที่สุดกับสตรีมีครรภ์ เช่นเดียวกับยาอื่น ๆ แต่สำหรับอาการปวดและเป็นไข้ในระหว่างตั้งครรภ์ ออสเตรเลียยังคงยืนยันคำแนะนำเดิมว่า พาราเซตามอลยังคงเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลและปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์แก่หญิงตั้งครรภ์และพ่อแม่ของเด็กเล็ก ด้วยการเชื่อมโยงอาการออทิสติกกับการฉีดวัคซีนในเด็ก และการที่หญิงตั้งครรภ์รับประทานยาพาราเซตามอล และบอกว่าไม่ควรใช้หรือให้บุตรใช้ยาพาราเซตามอล และแนะนำว่าไม่ควรฉีดวัคซีนหลายชนิดพร้อมกัน หรือในช่วงเวลาที่เด็กยังอายุน้อย ข้อแนะนำผิดๆ ของทรัมป์ทำให้ประเด็นที่ขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ถูกยกมาอยู่ในระดับนโยบายสาธารณสุขของสหรัฐ.-815.-สำนักข่าวไทย

‘ทรัมป์’ แถลงที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นครั้งแรกใน 5 ปี

นิวยอร์ก 24 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าวสุนทรพจน์บนเวทีสหประชาชาติครั้งแรกในรอบ 5 ปี โจมตีนโยบายผู้อพยพของประเทศต่างๆ และปฏิเสธเรื่องภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกอย่างสิ้นเชิง เมื่อวานนี้ นายทรัมป์ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNGA เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 เริ่มจากพูดติดตลกเรื่องเครื่องบอกบท (teleprompter) ที่เสีย โดยกล่าวว่า “ใครก็ตามที่กำลังควบคุมเครื่องนี้อยู่คงเดือดร้อนแน่” ก่อนที่ทรัมป์จะกล่าวสุนทรพจน์ยาวเหยียดถึง 56 นาที นานกว่าเวลาที่กำหนดไว้ 15 นาทีมาก ทรัมป์อธิบายสิ่งที่ทำให้สหรัฐเป็นประเทศที่ร้อนแรงที่สุดในโลก และกำลังเข้าสู่ยุคทอง จากความสำเร็จทั้งการลงทุนในประเทศ อัตราเงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่ต่ำ รวมถึงข้อตกลงการค้าครั้งประวัติศาสตร์หลายฉบับที่มีการลงนามหลังจากเขาใช้มาตรการภาษีศุลกากรทั่วโลก จากนั้น ผู้นำสหรัฐสลับไปพูดเรื่องวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับเวทีโลก โดยพูดถึงสงคราม 7 แห่งที่เขาอ้างว่า ยุติลงได้ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของเขา ขณะที่สหประชาชาติไม่แม้แต่จะช่วยหาทางออก ทรัมป์ย้ำด้วยว่า ผู้ที่กำลังเจรจาข้อตกลงหยุดยิงในกาซาต้องทำให้สำเร็จให้ได้ และตัวประกันจะต้องได้รับการปล่อยตัว โดยไม่ลืมโจมตีการรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์ที่ชาติยุโรปหลายแห่งประกาศก่อนหน้านี้ ว่าเป็นการให้รางวัลแก่ความโหดร้ายของกลุ่มฮามาส ต่อมา ทรัมป์หันไปโจมตีใน 2 ประเด็น ได้แก่เรื่อง ผู้อพยพ […]

เกาหลีเหนือพร้อมคุยกับสหรัฐหากเลิกกดดันเรื่องอาวุธนิวเคลียร์

โซล 22 ก.ย. – สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือ เคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือรายงานวันจันทร์ว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ กล่าวว่าไม่มีเหตุผลที่จะหลีกเลี่ยงการเจรจากับสหรัฐ หากสหรัฐหยุดยืนกรานให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่เขาจะไม่ยอมแลกเปลี่ยนคลังอาวุธนิวเคลียร์กับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร นายคิมกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาประชาชนสูงสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า โดยส่วนตัวแล้ว เขายังคงมีความทรงจำที่ดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ โดยผู้นำทั้งสองเคยพบปะกันสามครั้งในช่วงที่นายทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก นายคิมกล่าวว่า หากสหรัฐละทิ้งความหมกมุ่นที่ไร้สาระเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์และยอมรับความเป็นจริง รวมถึงต้องการการอยู่ร่วมกันอย่างสันติอย่างแท้จริง ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เกาหลีเหนือจะไม่นั่งลงเจรจากับสหรัฐ นายคิมให้เหตุผลว่า การสร้างอาวุธนิวเคลียร์เป็นเรื่องของการอยู่รอดของประเทศ เพื่อปกป้องความมั่นคงจากภัยคุกคามร้ายแรงของสหรัฐและเกาหลีใต้ เขาอ้างถึงการซ้อมรบทางทหารของพันธมิตรทั้งสองที่เขากล่าวว่าได้พัฒนาเป็นการซ้อมรบเพื่อทำสงครามนิวเคลียร์ นายคิมกล่าวว่า ข้อเสนอการเจรจาล่าสุดจากสหรัฐและเกาหลีใต้นั้นไม่จริงใจ เพราะเจตนาพื้นฐานที่จะทำให้เกาหลีเหนืออ่อนแอและทำลายระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และข้อเสนอแบบเป็นขั้นตอนจากเกาหลีใต้เรื่องการยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนในเรื่องนี้ เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหลายฉบับที่บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการห้ามส่งอาวุธ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเงินทุนในการพัฒนาทางทหาร แต่เกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธทรงอานุภาพ ประธานาธิบดีลี แจ-มย็อง ของเกาหลีใต้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า มาตรการคว่ำบาตรเหล่านั้นท้ายที่สุดแล้วไม่สามารถยับยั้งเกาหลีเหนือได้ ซึ่งปัจจุบันยังคงเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมหาศาล 15 ถึง 20 หัวรบเข้าสู่คลังแสงทุกปี เขากล่าวว่า ในความเป็นจริงคือแนวทางเดิมในการคว่ำบาตรและกดดันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่กลับทำให้มันแย่ลง นายลีได้แสดงท่าทีเป็นมิตรตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมิถุนายน โดยกล่าวว่าการเจรจากับเกาหลีเหนือเป็นสิ่งจำเป็น และได้เสนอขั้นตอนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในที่สุด นายลีกล่าวกับรอยเตอร์ว่า มีอุปสรรคสำคัญในการรื้อฟื้นการเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่เขายังคงเชื่อว่าแนวทางแบบเป็นขั้นตอนในการปลดโครงการนิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่สมจริง และจำเป็นต้องสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมเพื่อนำเกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา โดยนายทรัมป์มีบทบาทสำคัญในความพยายามเหล่านี้.-813.-สำนักข่าวไทย

คณะ สส.สหรัฐเยือนจีนครั้งแรกในรอบหลายปี

ปักกิ่ง 21 ก.ย. – คณะผู้แทนจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเดินทางเยือนจีนเพื่อเจรจาในวันอาทิตย์ ถือเป็นการเยือนครั้งแรกของคณะผู้แทนจากรัฐสภานับตั้งแต่ปี 2019 รายงานข่าวจากกลุ่มสื่อที่จัดขึ้นโดยสถานทูตสหรัฐในจีนระบุว่า คณะผู้แทนจากทั้งสองพรรคการเมืองของสหรัฐ ทั้งรีพับลิกันและเดโมแครต จะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน ที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง การเดินทางดังกล่าว ซึ่งประกาศแจ้งให้ทราบในเดือนนี้ มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากทั้งสองประเทศกำลังมองหาแนวทางเพื่อก้าวผ่านช่วงเวลาของความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด ซึ่งรุนแรงขึ้นจากความขัดแย้งทางการค้า ข้อจำกัดของสหรัฐต่อชิปเซมิคอนดักเตอร์ การเป็นเจ้าของ ติ๊กต็อก กิจกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน ซึ่งปักกิ่งอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตน คณะผู้แทนสหรัฐ นำโดยนายอดัม สมิธ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นอดีตประธานและเป็นสมาชิกอาวุโสจากพรรคเดโมแครตในคณะกรรมการด้านการทหารของสภาผู้แทนราษฎร ที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงกลาโหมและกองทัพสหรัฐ นายสมิธเคยให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์เอ็นบีซี เมื่อวันที่ 9 กันยายนว่า การเปิดการเจรจาทวิภาคีกับจีนเป็นสิ่งสำคัญ แค่การได้พูดคุยกับจีน ไม่ได้หมายความว่าสหรัฐเห็นด้วยกับทุกสิ่งที่จีนทำ จีนเป็นประเทศที่ใหญ่และทรงพลัง สหรัฐก็เป็นประเทศที่ใหญ่และทรงพลังเช่นกัน เขาคิดว่าจำเป็นต้องพูดคุยกัน หลังจากมีการประกาศการเยือนครั้งนี้ได้ไม่นาน นายพีท เฮ็กเซท รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พูดคุยกับนายตง จวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีนเป็นครั้งแรก โดยย้ำว่าสหรัฐไม่ได้แสวงหาความขัดแย้งกับจีน แต่จะปกป้องผลประโยชน์สำคัญของตนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก.-813.-สำนักข่าวไทย

‘ไบต์แดนซ์’ จะได้ที่นั่งในบอร์ดบริหาร ‘ติ๊กต็อก’ 1 ที่

วอชิงตัน 21 ก.ย. – เจ้าหน้าที่อาวุโสทำเนียบขาวของสหรัฐเปิดเผวันเสาร์ว่า ข้อตกลงระหว่างสหรัฐ-จีนเกี่ยวกับกิจการ ติ๊กต็อก ในสหรัฐนั้น จะให้สิทธิ์แก่ “ไบต์แดนซ์” (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่สัญชาติจีนของติกต็อกในโควตากรรมการจำนวนหนึ่งที่นั่งจากจำนวนทั้งสิ้นเจ็ดที่นั่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัทใหม่ ส่วนอีกหกที่นั่งที่เหลือจะเป็นชาวอเมริกันทั้งหมด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามจะป้องกันไม่ให้แอปพลิเคชันวิดีโอสั้นที่มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ 170 ล้านคนถูกห้ามให้บริการในสหรัฐ หลังจากที่รัฐสภาสหรัฐผ่านกฎหมายในปี 2024 ที่สั่งให้ติ๊กต็อกปิดบริการภายในเดือนมกราคม 2025 หากเจ้าของอย่างไบต์แดนซ์ ไม่ขายกิจการในสหรัฐ นายทรัมป์ได้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไปจนถึงช่วงกลางเดือนธันวาคม เพื่อเปิดทางให้มีการแยกสินทรัพย์ของ ติ๊กต็อกในสหรัฐ ออกจากแพลตฟอร์มระดับโลกนี้ หาผู้ลงทุนชาวอเมริกัน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเป็นเจ้าของใหม่นั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎหมายปี 2024 กำหนดไว้ ความคืบหน้าของข้อตกลงที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการเจรจาที่ยืดเยื้อมาหลายเดือนระหว่างสองประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งพยายามจะคลี่คลายสงครามการค้าที่สร้างความกังวลให้กับตลาดโลก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายทรัมป์กล่าวว่าเขาและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน มีความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงติ๊กต็อกในการสนทนาทางโทรศัพท์ และจะพบปะกันแบบตัวต่อตัวในอีกหกสัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงจากฝั่งจีนยังไม่ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าความคืบหน้าดังกล่าวอยู่ในระดับใดแล้ว รายละเอียดของข้อตกลงที่เจ้าหน้าที่อาวุโสทำเนียบขาวเปิดเผยนั้น ส่วนใหญ่สอดคล้องกับรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์และสื่ออื่นๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กล่าวว่านายทรัมป์จะขยายเวลาการระงับการบังคับใช้กฎหมายปี 2024 ออกไปอีก 120 วัน ซึ่งหมายความว่ากำหนดเส้นตายถัดไปสำหรับการสรุปข้อตกลงการซื้อ-ขายกิจการติ๊กต็อกจะอยู่ในเดือนเมษายนปีหน้า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าข้อตกลงในสถานะปัจจุบันจะเข้าข่ายการขายกิจการทั้งหมดตามที่รัฐสภากำหนดไว้ในกฎหมายปี 2024 หรือไม่ นายทรัมป์เคยให้เครดิตกับติ๊กต็อกว่าช่วยให้เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว […]

‘ทรัมป์’ ขู่ ‘สิ่งเลวร้าย’ จะเกิดหากอัฟกานิสถานไม่คืนฐานทัพบากรัม

วอชิงตัน 21 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าวเตือนว่า “สิ่งเลวร้าย” จะเกิดขึ้นกับอัฟกานิสถาน หากไม่ยอมคืนฐานทัพอากาศบากรัม (Bagram Air Base) ให้สหรัฐเข้าไปควบคุมดูแลอีกครั้ง และปฏิเสธที่จะตอบอย่างชัดเจนว่าจะส่งทหารเข้าไปยึดคืนฐานทัพหรือไม่ นายทรัมป์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม “ทรูธโซเชียล” (Truth Social) ว่า หากอัฟกานิสถานไม่คืนฐานทัพอากาศบากรัมให้แก่ผู้ที่สร้างมันขึ้นมา ซึ่งก็คือสหรัฐ สิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี นายทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐได้พยายามที่จะทวงคืนฐานทัพแห่งนี้ ซึ่งเคยเป็นฐานหลักของกองทัพสหรัฐ หลังเหตุวินาศกรรมในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 และในวันศุกร์เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ากำลังเจรจากับอัฟกานิสถานเรื่องนี้ การถอนกำลังทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานในปี 2021 ส่งผลให้กลุ่มตอลิบานเข้ายึดครองฐานทัพต่างของสหรัฐและโค่นล้มรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐในกรุงคาบูล เจ้าหน้าที่ของอัฟกานิสถานเองก็แสดงความไม่เห็นด้วยที่จะให้มีทหารอเมริกันในประเทศอีก ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่ของสหรัฐต่างแสดงเห็นส่วนตัวแสดงความกังวลเว่า การกลับเข้าไปยึดครองฐานทัพอากาศบากรัมอีกครั้งอาจเหมือนกับการกลับไปรุกรานอัฟกานิสถานอีกครั้ง ซึ่งอาจต้องใช้ทหารกว่า 10,000 นาย พร้อมระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัย ทรัมป์ ซึ่งเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าต้องการให้สหรัฐเข้าครอบครองดินแดนและสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่คลองปานามาไปจนถึงกรีนแลนด์ ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับฐานทัพบาแกรมมาหลายปีแล้ว เมื่อถูกถามในวันเสาร์ว่าเขาจะส่งทหารสหรัฐเข้าไปยึดคืนฐานทัพหรือไม่ นายทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะตอบตรงๆ โดยกล่าวว่า เขาจะไม่พูดถึงเรื่องนั้น และเสริมว่า ตอนนี้สหรัฐกำลังคุยกับอัฟกานิสถาน และต้องการฐานทัพคืนโดยเร็วที่สุด ถ้าพวกไม่ทำ ก็รอดูว่าเขาจะทำอะไรต่อไป สนามบินที่กว้างใหญ่ของฐานทัพอากาศบากรัมเคยเป็นฐานทัพหลักของกองกำลังอเมริกันในอัฟกานิสถานตลอดช่วงสงครามสองทศวรรษ […]

Trump to impose $100,000 fee per year for H-1B visas, in likely blow to tech

สหรัฐขึ้นค่าวีซ่าคนทำงานทักษะสูงเป็นกว่า 3 ล้านบาท

วอชิงตัน 20 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ลงนามคำสั่งเก็บค่าวีซ่าทำงานเอช 1 บี (H1B) สำหรับคนทำงานทักษะสูง เป็นปีละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.18 ล้านบาท) เสี่ยงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาคเทคโนโลยีของสหรัฐที่ต้องพึ่งพาแรงงานทักษะสูงจากอินเดียและจีน ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 2 ฉบับเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ฉบับแรกเป็นการกำหนดวีซ่าประเภทใหม่สำหรับผู้ที่ยินดีจ่ายเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31.83 ล้านบาท) เพื่อเข้าสหรัฐ เขาเรียกวีซ่าประเภทนี้ว่า “บัตรทองทรัมป์” และอ้างว่าจะนำเงินเข้าประเทศมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 3.18 ล้านล้านบาท) ซึ่งรัฐบาลจะนำไปใช้ในการลดภาษีและชำระหนี้ เจ้าหน้าที่ที่ขอสงวนนามเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังจะออก “บัตรแพลตินัม” เพื่อใช้แทนวีซ่านักลงทุนในปัจจุบัน บัตรนี้จะมีมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 159 ล้านบาท) อนุญาตให้ชาวต่างชาติพำนักอยู่ในสหรัฐได้สูงสุด 270 วันโดยไม่ต้องเสียภาษีรายได้ที่เป็นรายได้นอกสหรัฐ นายทรัมป์ยังได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารที่เป็นคำประกาศขึ้นค่าวีซ่าเอช 1 บีจากปีละ 215 […]

1 2 3 600
...