คืนรอยยิ้มสู่พี่น้องชายแดน ครั้งที่ 2

สระแก้ว 20 ก.ย.- “บุ๋ม ปนัดดา” จัดกิจกรรม คืนรอยยิ้มสู่พี่น้องชายแดน ครั้งที่ 2 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนที่บ้านหนองหญ้าแก้ว เช้านี้แม้ยังไม่พบการเคลื่อนไหวของชาวกัมพูชา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ประมาท เฝ้าระวังเต็มที่ หลังจากตึงเครียดกันมาหลายวัน วันนี้ที่โรงเรียนทัพพระยาพิทยา อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ได้จัดคอนเสิร์ตคืนรอยยิ้มสู่พี่น้องชายแดน ครั้งที่ 2 โดยในคอนเสิร์ตครั้งนี้มีนักร้องและนักแสดงตลกมาร่วมสร้างสีสันมากมาย ถือเป็นการบรรเทาความเครียดให้กับชาวบ้านหนองจานได้เป็นอย่างดี กิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้มีแค่คอนเสิร์ตที่เริ่มต้นเมื่อตอนเที่ยงตรงเท่านั้น แต่ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นมา ก็มีกิจกรรมเล่นเกมสนุก ๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพา เพื่อคลายเครียดให้กับชาวบ้าน จากนั้นมีการมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียน และมอบทุนช่วยเหลือให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบเหตุทุ่นระเบิดจำนวน 10 ราย พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จากภาพมุมสูงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ยังไม่พบความเคลื่อนไหวรวมกลุ่มของชาวกัมพูชาบริเวณรั้วลวดหนามอย่างที่เป็นมาก่อนหน้านี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้วางใจ เพราะคาดว่าอาจมีกลุ่มคนหรือเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาซ่อนตัวอยู่ตามแนวต้นไม้ทึบ จึงต้องเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ การประชุมร่วมกันระหว่าง ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วกับผู้ว่าราชการจังหวัดบ็อนเตียย์เมียนเจ็ย ที่จุดผ่านแดนถาวรปอยเปต เมื่อวานนี้ ซึ่งทางกัมพูชามี 4 ข้อเสนอ คือ ทางจังหวัดสระแก้วได้ออกแถลงการณ์ พร้อมทำหนังสือตอบกลับ 4 ข้อเสนอของทางกัมพูชา ดังนี้ […]

พบชาวกัมพูชายังปักหลักอยู่จุดที่เคยปะทะ

สระแก้ว 19 ก.ย. – กองทัพบก นำคณะสื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ที่บริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว พบยังคงมีชาวกัมพูชาปักหลักอยู่จุดที่เคยปะทะ บรรยากาศช่วงเช้า ที่บริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้นำคณะสื่อลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ พบว่ายังคงมีชาวกัมพูชาปักหลักอยู่ที่บริเวณรั้วลวดหนามจำนวนมาก ใกล้กับจุดที่เกิดการประทะกันเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ซึ่งคาดว่าเป็นความพยายามเพื่อจะยึดพื้นที่ที่เป็นดินแดนของไทย พันเอกชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.12 ชี้แจงถึงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วบางส่วน ที่มีความพยายามจากชาวกัมพูชา อ้างว่าอาศัยอยู่มานานแล้ว แต่ในข้อเท็จจริง ยืนยันว่าพื้นที่ในสามเหลี่ยมสีฟ้า เป็นของไทยทั้งหมด โดยอ้างอิงตาม MOU 43 ที่มีเส้นเขตแดนของทั้งสองฝั่งที่ยังตกลงกันไม่ได้ คือเส้นสีแดงและสีน้ำเงินเท่านั้น และยืนยันว่า ไม่ว่าจะมีการทำลายหรือย้ายหมุดอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้เส้นเขตแดนไทยเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งการดำเนินการหากมีการรุกล้ำเข้ามาในแนวรั้วลวดหนาม จะใช้วิธีการทางกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนัก ส่วนกำลังทหารจะเพียงช่วยดูแลหากมีการพังรั้วลวดหนาม แต่จะไม่มีการใช้อาวุธใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้เกิดการเพลี่ยงพล้ำในเวทีโลก พร้อมยืนยันว่าทางการไทย เคยส่งหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชา นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นจำนวนถึง 12 ครั้ง รวมถึงปักป้ายประกาศให้ชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่ แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดจากทางฝั่งกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้ไทยสามารถยึดคืนพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วคืนจากชาวกัมพูชาได้แล้วกว่า 100 ไร่ ที่ปรากฏตามแนวรั้วลวดหนาม เหลือส่วนที่ยังมีชาวกัมพูชาอาศัยอยู่อีก […]

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]

รอง ผบ.ทสส. ยันระมัดระวังสร้างรั้วอิเล็กทรอนิกส์ด้านด่านคลองลึก

สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ 19 ก.ย.- รอง ผบ.ทสส. เดินหน้าสร้างรั้วอิเล็กทรอนิกส์ 2-3 จุด ด่านคลองลึก อรัญประเทศ ด้วยความระมัดระวัง พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รอง ผบ.ทสส.) กล่าวถึงกรณีติดตั้งรั้วอิเล็กทรอนิกส์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้นแรกบริเวณด่านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า การสร้างรั้วบริเวณพื้นที่ชายแดนต้องมีความระมัดระวัง เพราะเกี่ยวข้องกับเส้นเขตแดน ดังนั้นบางพื้นที่จึงไม่สามารถสร้างเป็นรั้วลวดหนามได้ ส่วนจุดที่สามารถสร้างเป็นรั้วอิเล็กทรอนิกส์ ก็คือจุดที่มีหลักเขตเห็นตรงกัน ซึ่งจะมีการสร้างอีกประมาณ 2-3 หลัก บริเวณด่านอรัญประเทศ พร้อมระบุว่า อย่าใช้คำว่า ปักปันเสร็จแล้ว แต่ให้ใช้คำว่า หลักเขตที่เห็นตรงกัน จึงจะสามารถดำเนินการสร้างรั้วอิเล็กทรอนิกส์ได้.-119-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

“อนุทิน” มอบกองทัพดำเนินการ-ชี้แจง เหตุชายแดนสระแก้ว

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-“อนุทิน” มอบกองทัพดำเนินการ-ชี้แจง หลังเหตุก่อกวนชายแดนสระแก้ว ย้ำไม่มีเปิดด่าน พร้อมให้คำมั่น รัฐบาลเปิดรับฟังเจ้าหน้าที่แนวหน้า ไม่สน “ฮุน มาเนต” โร่ฟ้องผู้นำโลก ชี้ทุกประเทศต้องปกป้องผลประโยชน์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย- กัมพูชา โดยขอให้ฝ่ายทหารเป็นผู้ดำเนินการ และชี้แจงต่อไป อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวการประกาศกฎอัยการศึกแล้ว อำนาจการตัดสินใจจึงอยู่ที่ฝ่ายทหาร ขณะนี้ตนยังไม่ได้เข้าไปบริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นทางการ แต่ให้คำมั่นสัญญากับประชาชน และผู้ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงแล้วว่า หากรัฐบาลนี้เข้าไปบริหารงาน เรื่องกิจการด้านความมั่นคง รัฐบาลจะรับฟังผู้ปฏิบัติหน้าที่ในชายแดนโดยตรง นายอนุทิน ย้ำถึงการเปิดด่านชายแดน ว่าขออย่าไปคาดเดาอะไร ขณะนี้ไม่มีการดำเนินการ ส่วนการที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดินหน้าฟ้องร้องผู้นำโลกแล้วนั้น นายอนุทิน มองว่า ผู้นำทุกประเทศก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศนั้น เช่นเดียวกับผู้นำประเทศไทย ก็ต้องรักษาของประเทศไทยในประเทศอื่น ต้องรักษาความผาสุก ความมั่นคง อธิปไตยของประเทศ ความปลอดภัยของประชาชน แล้วจะยึดถือกรอบนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง.-319.-สำนักข่าวไทย

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

ทภ.1 ยกระดับคุมเข้มชายแดน ยันไทยไม่หลงทาง

สระแก้ว 18 ก.ย. – กองทัพภาค 1 แถลงประณามผู้นำกัมพูชา ปล่อยให้เกิดเหตุรุนแรงที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ใช้เด็ก พระ มายั่วยุ หวังสร้างสถานการณ์ให้เห็นว่าไทยทำร้าย พลตรีสุรวิชญ์ แดงจันทร์ โฆษกกองทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงเหตุการณ์บ้านหนองหญ้าแก้ว เมื่อวานนี้ว่า ยืนยันเราไม่หลงทาง รู้ว่าทางกัมพูชาจะใช้แนวทางนี้ สุดท้ายเหตุการณ์ก็เกิดขึ้น กัมพูชาบิดเบือนว่าถูกฝั่งไทยทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ขอถามว่า การใช้แก๊สน้ำตาของไทย จะทำให้บาดเจ็บสาหัสตรงไหน ฝากไปถึงสื่อเขมรด้วยให้ดูความถูกต้อง เมื่อวานตอนเย็น ฝ่ายเขมรก็สร้างละครขึ้นมาทันที ไม่จบสิ้น มีการใช้เด็ก พระ ขอถามความจริงใจไปยังผู้นำเขมร ข้อตกลงต่างๆ อย่าให้เป็นกระดาษ คำเขียน ขอให้นำสู่การปฏิบัติ ยืนยัน ภาค 1 จังหวัดสระแก้ว จริงใจนำไปสู่สันติวิธี และต้องการการตอบรับจากเขมรเช่นกัน เราเป็นผู้ใหญ่ใจดีมานานมากแล้ว 30-40 ปี ให้อยู่อย่างบ้านใกล้เรือนเคียงมีความสุขด้วยกัน แต่เขากลับออกนอกกติกาตลอด ยืนยันจะไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดีอีกต่อไปแล้ว หากผิดข้อตกลง จะทำตามขั้นตอนจากเบาไปหนัก โดยใช้วิธีที่สุขุมและรอบคอบ ขอให้เลิกยืนอยู่ข้างหลังผู้หญิงได้แล้ว ยืนยันแผ่นดินของเราก็ต้องเป็นของเรา ส่วนคำถามที่ว่าทำไมต้องใช้ตำรวจ เพราะเราไม่หลงกลเขมร […]

ฟางเส้นสุดท้าย “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

สระแก้ว 17 ก.ย. – ประธานคณะ IOT ชื่นชมไทยที่ปฏิบัติตามหลักสากลต่อการยั่วยุของฝั่งกัมพูชา ล่าสุดการยั่วยุยังเกิดขึ้นจนทางการไทยต้องดำเนินการผลักดันตามขั้นตอน ด้าน จ.สระแก้ว เตรียมขีดเส้นตายให้คนกัมพูชาออกจากพื้นที่อธิปไตยไทย.-สำนักข่าวไทย

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ชายแดนบ้านหนองจานครึกครื้น

สระแก้ว 14 ก.ย. – “กัน จอมพลัง – เจ๊เอ๋” ลงพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ให้กำลังใจทหารชายแดน สร้างบรรยากาศครึกครื้น ประชาชนรวมตัวร้องเพลงชาติไทยกระหึ่ม ย้ำชัดไม่สนับสนุนเปิดด่าน บรรยากาศที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว แนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ “กัน จอมพลัง” ยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมนำกล้องส่องทางไกลรุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถบันทึกภาพและวิดีโอได้ มอบให้กับกำลังพลทหารและตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อใช้ในการสอดส่องและเฝ้าระวังการรุกล้ำอธิปไตย ขณะเดียวกันมีประชาชนจำนวนมากจากทั้งในพื้นที่และใกล้เคียงต่าง ทยอยเดินทางเข้ามาที่บ้านหนองจาน เพื่อให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เป็นกันเอง มีการหยอกล้อ พูดคุย และให้กำลังใจกันและกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม และยังมีการรวมกลุ่มร้องเพลงชาติไทยและเพลงปลุกใจเสียงดังสนั่น เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารและตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในแนวชายแดน บางส่วนยังคงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยชูป้ายและเปล่งเสียงเรียกร้อง แสดงพลังสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เจ๊เอ๋เข้ามาร่มสมทบด้วย พร้อมแสดงจุดยืน ไม่ยอมเปิดด่าน และยังบอกว่าวันนี้จะทำขนมจีน แกงเขียวหวาน และอาหารท้องถิ่นอื่นๆ มาให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้กินกันด้วย.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 28
...