ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨 : ระวัง ! กลโกงรูปแบบใหม่ หลอกโอนเงินผ่าน “บัญชีม้านิติบุคคล” สูญเงินไม่รู้ตัว

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB ได้เปิดเผยถึงรูปแบบการกระทำความผิดของมิจฉาชีพในปัจจุบัน ซึ่งมีการใช้บัญชีธนาคารที่จดทะเบียนในนามบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน (นิติบุคคล) เป็นเครื่องมือในการรับเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่มักใช้บัญชีในนามบุคคลธรรมดา จากการตรวจสอบพบว่า การใช้บัญชีนิติบุคคลทำให้ผู้เสียหายเกิดความไว้วางใจได้ง่ายกว่า เนื่องจากเข้าใจว่าการทำธุรกรรมกับบริษัทมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ โดยมิจฉาชีพจะใช้วิธีการ 2 รูปแบบหลักในการได้มาซึ่งบัญชีเหล่านี้ 1) การจ้างวานบุคคลอื่นให้ไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ 2) การซื้อหรือนำบัญชีของนิติบุคคลที่เคยจดทะเบียนไว้แล้วแต่ได้หยุดดำเนินการไป มาใช้ในการกระทำความผิด ทำให้เหยื่อไม่ทันได้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนและต้องสูญเสียทรัพย์สินในที่สุด ดังนั้น ก่อนการโอนเงินไปยังบัญชีของนิติบุคคลใด ๆ ควรทำการตรวจสอบข้อมูลของบริษัทนั้น ๆ ทุกครั้ง โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เพื่อพิจารณาว่าบริษัทดังกล่าวมีตัวตนจริงหรือไม่ และมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการตรงกับสินค้าหรือบริการที่กำลังจะชำระเงินหรือไม่ ทั้งนี้ CIB ขอย้ำเตือนว่า การเปิดบัญชีหรือขายบัญชีให้กับผู้อื่นเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิดนั้น มีโทษตามกฎหมาย ดังนี้ จึงขอให้ประชาชนโปรดใช้ความระมัดระวังและตระหนักถึงภัยอันตรายจากมิจฉาชีพในรูปแบบดังกล่าว 30 กันยายน 2568ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทย อสมท

ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨: อย่าหลงเชื่อ ! รพ.รามา ยืนยันไม่มีนโยบายโทรขอเงิน-ข้อมูลส่วนตัว

รพ.รามาธิบดี ออกประกาศเตือนภัยประชาชน หลังพบมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อโรงพยาบาล โทรหลอกลวงขอเงินและข้อมูลส่วนตัว โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกประกาศเตือนภัยเร่งด่วน เนื่องจากขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพได้โทรศัพท์ไปหาประชาชน โดยแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯ เพื่อหลอกลวงให้โอนเงินในรูปแบบต่างๆ เช่น อ้างเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือหลอกว่าจะมีการโอนเงินบริจาค/เงินนำเข้าให้ ทางโรงพยาบาลรามาธิบดีขอยืนยันว่า “ไม่มีนโยบาย” ในการโทรศัพท์ไปหาประชาชนเพื่อขอให้โอนเงิน ขอข้อมูลส่วนตัว หรือส่งลิงก์ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ ทั้งสิ้น การกระทำดังกล่าวเป็นการหลอกลวงจากมิจฉาชีพทั้งสิ้น เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการตกเป็นเหยื่อ ขอให้ประชาชนโปรดระมัดระวังและยึดหลักปฏิบัติดังนี้: หากท่านได้รับโทรศัพท์หรือข้อความในลักษณะดังกล่าว โปรดอย่าหลงเชื่อ ให้วางสายทันที และสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้โดยตรงผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการของโรงพยาบาลรามาธิบดีเท่านั้น หากตกเป็นผู้เสียหายให้รีบแจ้งความดำเนินคดีทันที 29 กันยายน 2568ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทย อสมท

ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨 : เช็กก่อนแอด ! ไลน์ PEA ปลอมระบาด แอบอ้างหลอกโอนเงิน

24 กันยายน 2568 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เตือนประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่กำลังแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. ให้บริการผ่านบัญชีไลน์ปลอม โดยอ้างว่า กฟภ. ได้เปิดบัญชีไลน์ใหม่ ยกระดับบริการออนไลน์ ใช้ชื่อไลน์ไอดี pea463 กฟภ. ขอย้ำชัดเจนว่าบัญชีไลน์ดังกล่าวไม่ใช่บัญชีทางการของ กฟภ. และ กฟภ. มีช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันไลน์เพียงช่องทางเดียวเท่านั้นคือ LINE Official Account ชื่อว่า “@PEAThailand” ซึ่งจะมีสัญลักษณ์โล่สีเขียวปรากฏอยู่ข้างหน้าชื่อบัญชี ประชาชนควรตรวจสอบให้ดี อย่าหลงเชื่อบุคคลหรือบัญชีไลน์ที่ไม่เป็นทางการที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กฟภ. โดยเด็ดขาดหากได้รับข้อความหรือการติดต่อที่น่าสงสัย ขอให้ติดต่อสอบถามกับ กฟภ. โดยตรงผ่านช่องทางต่อไปนี้เท่านั้น 1129 PEA Contact Center สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ชัวร์ก่อนแชร์ CyberAlert!🚨: ระวัง ! มิจฉาชีพอ้างเป็นพนักงานทรูหลอกโอนเงินค่าสมัคร

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งเตือนลูกค้า อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นพนักงานทรู เสนอโปรโมชั่นติดตั้งอินเทอร์เน็ตราคาถูก พร้อมเรียกเก็บค่าสมัครหรือค่าบริการใด ๆ โดยไม่มีใบแจ้งค่าบริการจากทรูและให้โอนเงินเข้าบัญชีบุคคล ทรู ขอยืนยันว่า พนักงานมีหน้าที่เพียงเสนอขาย ให้คำแนะนำสินค้าและบริการเท่านั้น โดยไม่มีนโยบายเรียกเก็บเงินสดหรือให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคลแต่อย่างใด หากลูกค้าสมัครบริการสำเร็จ จะได้รับการยืนยันข้อมูลและนัดหมายติดตั้งจากหมายเลข 1242 หรือตรวจสอบรายละเอียดการสมัครบริการได้ด้วยตนเองผ่านทรูแอป ทั้งนี้การชำระค่าบริการที่ถูกต้อง จะทำผ่านใบแจ้งค่าบริการที่ทรู จัดส่งไปยังที่อยู่ที่ระบุไว้เท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อป้องกันภัยมิจฉาชีพข้างต้น ทรูขอแนะนำลูกค้าดังนี้ ทรูให้ความสำคัญสูงสุดในการปกป้องลูกค้าทุกท่าน และจะดำเนินมาตรการอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

“ริชชี่” เล่าทั้งน้ำตา น้องชายถูกมิจฉาชีพหลอกเงินเกลี้ยงบัญชี

10 ก.ย. – นักแสดงสาว “ริชชี่ อรเณศ” ควงแฟนหนุ่ม “ก๊อต อิทธิพัทธ์” ไลฟ์เล่าเรื่องสุดช็อกเพิ่งทราบน้องชายตนเองถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินเก็บก้อนใหญ่ของครอบครัวนับล้านบาทจนเกลี้ยงบัญชี ส่วนตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จับกุมตัว 2 ชายชาวมาเลเซีย และหญิงชาวไทย 1 คน หลอกอดีตพยาบาลวัย 74 ปี ลงทุนที่ดิน ริชชี่ เล่าเสียงสั่น บางช่วงน้ำตาคลอ ว่ากลลวงของมิจฉาชีพส่งหนังสือมาจริงจัง พร้อมทั้งมีข้อความข่มขู่น้องชายวัย 19 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 1 ว่าฟอกเงิน ห้ามบอกใคร ไม่อย่างนั้นจะทำลายอนาคต น้องเป็นคนตั้งใจเรียน พอโดนขู่แบบนี้มา 20 กว่าวันก็รู้สึกเครียดมาก ตนเสียใจมากตรงที่ตนเองอยู่กับน้องที่กรุงเทพฯ แต่ไม่รู้เลยว่าน้องถูกขู่มาตลอด จนเขาโอนเงินไป 800,000 กว่าบาท ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าเท่าไร เพราะน้องไม่กล้าบอก ตอนนี้บัญชีของแม่ที่มีเงินเกือบล้านบาทเหลือศูนย์บาท เมื่อโอนแล้วมิจฉาชีพยังสั่งให้ลบแอปฯ ทั้งหมดด้วย ไม่เคยคิดว่าเคสแบบนี้ยังหลอกคนได้อีก สาเหตุที่น้องตนเชื่อมากๆ เพราะมิจฉาชีพส่งเอกสารราชการมาจริงจัง และข่มขู่มากมาย พร้อมกับอายัดบัญชีธนาคารของน้อง จนน้องหวาดกลัวและเลือกที่จะทำแบบนั้น จึงอยากมาแชร์ […]

ภูมิต้านภัย : ระวัง! เครื่อง FBS ส่ง SMS แนบลิงก์หลอกดูดเงิน

7 ก.ย.- แก๊งมิจฉาชีพ ยังจ้องดูดเงินจากโทรศัพท์มือถือเราตลอดเวลา ล่าสุดพบกลุ่มจีนเทา ตระเวนใช้เครื่องยิงสัญญาณมือถือปลอม หลอกยิง SMS แนบลิงก์ ที่น่ากลัว คือจะตั้งชื่อผู้ส่งตรงกับชื่อองค์กรจริง ทำให้ประชาชนตายใจ .-สำนักข่าวไทย

ระวังมิจฉาชีพ เปิดบัญชีหลอกรับเงินบริจาคช่วยทหารชายแดน

ทำเนียบ 21 ส.ค.-เตือนประชาชนระวัง “คนร้ายเปิดบัญชีหลอกรับเงินบริจาคช่วยทหารชายแดน” เสี่ยงสูญเงิน-ข้อมูลส่วนบุคคล ระวังเผยแพร่ข้อมูลเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center : AFNC) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบพบข่าวที่เกี่ยวข้องประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาเป็นจำนวนมาก จากสถิติตั้งแต่วันที่ 1 – 15 สิงหาคม 2568 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ได้ทำการคัดกรองจำนวนข้อความทั้งหมด 2,133,333 ข้อความ. โดยมีจำนวนข้อความที่เข้าเกณฑ์การตรวจสอบ 222,679 ข้อความ ทั้งนี้ มีเรื่องที่ส่งตรวจสอบ จำนวน 459 เรื่อง ได้รับการตรวจสอบแล้ว จำนวนทั้งหมด 447 เรื่อง โดยสามารถแยกเป็นเรื่องนโยบายรัฐบาล และความมั่นคงของประเทศ 129 เรื่อง ได้แก่ (1) ข่าวปลอม จำนวน […]

รวบเครือข่ายอ้างเป็นหลานเพื่อนตีซี้หลอกลงทุน เสียหายกว่า 12 ล้าน

สน.พลับพลาไชย 6 ส.ค. – MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.26 ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายอ้างเป็นหลานเพื่อนสนิท ตีซี้ชวนลงทุนหลอกโอนรัวๆ กว่า 12 ล้าน อายัดทันเกือบ 5 แสน นำคืนผู้เสียหาย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.26” ตำรวจไซเบอร์รวบเครือข่ายอ้างเป็นหลานเพื่อนสนิท ตีซี้ชวนลงทุน หลอกโอนรัวๆ กว่า 12 ล้าน อายัดทันเกือบ 5 แสน นำคืนผู้เสียหาย สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “MONEY CASH […]

ตำรวจไซเบอร์แนะ 3 วิธี เช็กเพจปลอม !

ท่ามกลางสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา กลุ่มมิจฉาชีพมักอาศัยจังหวะที่ผู้คนติดตามข่าวสาร นำเพจปลอมที่เคยใช้หลอกลวงมาเปลี่ยนชื่อใหม่โดยแอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐ ใช้เผยแพร่ข้อมูลเท็จ สร้างความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม หวังผลประโยชน์แอบแฝง 3 วิธี ตรวจสอบเพจปลอมก่อนหลงเชื่อ แจ้งความและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หากพบเห็นเพจหรือข่าวที่น่าสงสัย สามารถแจ้งความออนไลน์ และตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับข่าวสารมากมายบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนเช่นนี้ การตรวจสอบความถูกต้องของแหล่งที่มาก่อนเชื่อหรือแชร์ต่อจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้รู้ทันมิจฉาชีพและไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบได้ที่ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์” 4 สิงหาคม 2568ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทย อสมทรวบรวมและเรียบเรียง โดย นัฐภรณ์ ผลพฤกษา ข้อมูลจากกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

พ.ร.ก.ปราบโจรออนไลน์ ได้ผล สกัดความเสียหายได้กว่า 5,800 ล้านบาท

ทำเนียบ 24 ก.ค.-พ.ร.ก.ปราบโจรออนไลน์ ได้ผล หลังบังคับใช้สกัดความเสียหายได้กว่า 5,800 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าปราบมิจฉาชีพต่อเนื่อง นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการบังคับใช้พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 14 เมษายน – 20 กรกฎาคม 2568 สามารถยับยั้งความเสียหายที่เกิดจากการหลอกลวงทางออนไลน์ได้แล้วกว่า 5,895 ล้านบาท ถือเป็นความคืบหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายความมั่นคงปลอดภัยในโลกดิจิทัลของรัฐบาล โดย ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ดำเนินการปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์แล้วจำนวน 19,676 URLs และแพลตฟอร์มหลอกลวงอีก 14,143 URLs พร้อมระงับบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงกับการกระทำผิด 181,989 บัญชี และสามารถจัดการคดีอาชญากรรมออนไลน์ได้แล้วกว่า 88,995 คดี สะท้อนถึงการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ขณะเดียวกัน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในกระบวนการคัดกรองเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงานลงได้ถึง 5 วันทำการ […]

รัฐบาลเตือน ระวัง 14 เพจอันตราย หลอกประชาชน

ทำเนียบ 24 ก.ค.-รัฐบาลเตือน ระวัง 14 เพจอันตราย หลอกประชาชน ย้ำระดมกวาดล้างจับกุม แนะใช้แพลตฟอร์มตัวกลางช่วยตรวจสอบได้ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าปัจจุบันในยุคที่เทคโนโลยีและดิจิทัลมีความก้าวหน้าและพัฒนาอย่างรวดเร็ว สร้างความท้าทายใหม่ๆ ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งปัจจุบันยังพบการหลอกลวงเหยื่อ โดยมักจะใช้วิธีการที่มาในรูปแบบของการสร้างแรงจูงใจผ่านรูปแบบต่าง ๆ เช่น หลอกให้ลงทุน หลอกหารายได้พิเศษ หรือหลอกให้หลงเชื่อใส่ข้อมูลส่วนตัว ด้วยวิธีการหลอกลวงดังกล่าว กลุ่มมิจฉาชีพมักจะใช้วิธีการแอบแฝงในโลกออนไลน์โดยมาในรูปแบบของการสร้างเว็บไซต์ หรือเพจปลอม โดยล่าสุด สภาองค์กรของผู้บริโภค เผยตัวเลขช่วงระยะเวลาดำเนินงานเฝ้าระวังและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปิดกั้นเพจปลอมที่หลอกลวงผู้บริโภคตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – พฤษภาคม 2568 จำนวนกว่า 325 เพจ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังคงพบ 14 เพจ ที่ถูกรายงานแล้ว แต่ยังคงพบการเปิดดำเนินการซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อผู้บริโภค นายอนุกูล กล่าวว่า เพื่อสร้างความตระหนักรู้เท่าทันต่อกลโกงของมิจฉาชีพ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงในรูปแบบของการโฆษณาชวนเชื่อ ผ่านการหลอกลวงด้วยข้อเสนอที่ดึงดูด หรือขายสินค้าราคาถูกเกินจริง ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังต่อเว็บไซต์หรือเพจ จำนวน 14 เพจ ดังต่อไปนี้ 1. เพจ […]

1 2 3 38
...