อ.ปริญญา ชี้จับเด็ก 13 ส่งกลับกัมพูชาผิดสิทธิเด็ก

28 ส.ค. – อ.ปริญญา ชี้จับเด็ก 13 ส่งกลับกัมพูชาผิดอนุสัญญาสิทธิเด็ก ด้าน “สุนัย” ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์ วอทช์ ประจำประเทศไทย โพสต์ล่าสุด ระบุน้องได้อยู่เรียนหนังสือในไทย ไม่โดนเนรเทศ อ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ ใจความสรุปว่าประเทศไทยเป็นประเทศภาคี ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก การจับกุมเด็กและส่งเด็กออกไปนอกประเทศเช่นนี้ จึงเป็นการผิดอนุสัญญาสิทธิเด็กอย่างรุนแรง และเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศ การที่ตำรวจสุรินทร์ ไปจับกุมเด็กโดยไม่มีหมายจับ และไม่ได้มีเหตุทำผิดซึ่งหน้าหรือหลบหนี และไปจับในโรงเรียน จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ยังผิดกฎหมายในเรื่องการคุ้มครองเด็ก ประเทศไทยเป็นประเทศภาคีอนุสัญญาสิทธิเด็ก กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มีการทำ MOU กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจะไม่มีการจับกุมและส่งเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยออกนอกประเทศโดยที่ยังไม่มีการหาแนวทางช่วยเหลือที่เหมาะสม อัยการ วอนเสพข่าวเด็กกัมพูชา 13 ปี ให้รอบด้าน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ถึงกรณีนี้ว่า เรื่องนี้หากมองตามหลักกฎหมายก็ต้องยอมรับว่าผิดจริง จึงอยากให้ สังคมที่ติดตามข่าวนี้ดูตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่ใช้ความสงสารเป็นที่ตั้ง […]

“มาริษ” คุย ICRC ยื่นหลักฐานกัมพูชาใช้โล่มนุษย์-วางทุ่นระเบิดเกิดเหตุซ้ำ

สวิตเซอร์แลนด์ 28 ส.ค.-“มาริษ” คุย ICRC ยื่นหลักฐานกัมพูชาใช้โล่มนุษย์-วางทุ่นระเบิดเกิดเหตุซ้ำ ยันละเมิดสิทธิมนุษยชนสากล ยกกรณีบ้านหนองจานเป็นพื้นที่ที่ไทยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมร่วมกับ ICRC ยุคสงครามกลางเมือง ประธาน ICRC ชื่นชมไทยใช้ความอดทนอดกลั้น ยึดมั่นกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ผ้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 ส.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสวิตเซอร์แลนด์ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบ นางมีรยานา สปอลยาริส เอ็กเกอร์ (Mirjana Spoljaric Egger) ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) นายมาริษเปิดเผยภายหลังการหารือว่าวันนี้ได้นำหลักฐานที่ไทยยื่นประท้วงกัมพูชาต่อรัฐภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขณะเดียวกันตนได้อธิบายถึงสิ่งที่ไทยประสบปัญหากับกัมพูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร และวันนี้มาใช้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีที่กัมพูชาใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์กดดันประเทศไทย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศทุกอย่าง นายมาริษ ได้ย้ำต่อประธาน ICRC ว่าไทยดำเนินมาตรการทุกอย่าง ทั้งมาตรการทางต่างประเทศและมาตรการทางทหาร สอดคล้องกับกฏบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศทุกประการ และการเดินทางมาครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ประเทศไทยใช้วิธีตอบสนองกับช่องทางในการสื่อสารที่เป็นทางการเท่านั้น ซึ่งประธาน ICRC ได้ชื่นชมที่ไทยใช้ความอดทนอดกลั้น ซึ่งจากสิ่งต่างๆ ที่ไทยทำ ทำให้การเดินทางมากรุงเจนีวาในครั้งนี้ได้รับการยอมรับว่าไทยยึดมั่นในกรอบจารีตประเพณีของประชาคมโลก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ […]

กสม. ออกแถลงการณ์เน้นย้ำหลักการประโยชน์สูงสุดของเด็ก

กสม. 28 ส.ค.-คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์เน้นย้ำหลักการประโยชน์สูงสุดของเด็ก หลังเกิดเหตุตำรวจเข้าจับกุมนักเรียนรหัส G ส่งกลับกัมพูชา ตามที่ปรากฏข่าวกรณีครูเล่าถึงเหตุการณ์ที่นักเรียนชายวัย 13 ปี ซึ่งศึกษาอยู่ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถเข้าไปจับตัวในโรงเรียน ด้วยข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและพำนักอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเตรียมส่งตัวกลับไปยังประเทศกัมพูชา ทั้ง ๆ ที่เด็กได้รับการกำหนดรหัสประจำตัวนักเรียนรหัส G ซึ่งเป็นรหัสที่กำหนดให้แก่เด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย สามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาของไทยได้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอเน้นย้ำว่าอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม มีหลักการสำคัญระบุให้การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ไม่ว่าจะกระทำโดยสถาบันทางสังคม หรือองค์กรใด ผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก และรัฐภาคีต้องยอมรับสิทธิของเด็กที่จะได้รับการศึกษาบนพื้นฐานของโอกาสที่เท่าเทียมกัน กสม. เห็นว่า กรณีการจับกุมเด็กนักเรียนชายรายดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักสิทธิเด็กและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องด้วยเป็นการจับกุมที่ไม่มีหมายจับ ไม่มีเหตุแห่งการกระทำความผิดซึ่งหน้า เด็กมีสถานะเป็นเพียงผู้ติดตามมารดาเข้าเมืองมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กและไม่มีเจตนาหลบหนี อีกทั้งการเข้าไปจับกุมเด็กในพื้นที่โรงเรียนอาจสร้างบาดแผลทางจิตใจให้แก่เด็กได้ในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้น การส่งตัวกลับประเทศต้นทางในทันทีอาจทำให้เด็กนักเรียนชายรายดังกล่าวซึ่งไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาประเทศบ้านเกิดได้ เสียสิทธิ ขาดโอกาสและความต่อเนื่องในการได้รับการศึกษาโดยสิ้นเชิง จากกรณีข้างต้น กสม. จึงขอเน้นย้ำหลักการสิทธิเด็กด้วยความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง ขอให้การดำเนินการใด ๆ ของทุกฝ่ายคำนึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นที่ตั้ง โดยไม่ควรมีกรณีการจับกุมเด็กต่างชาติในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ กสม. ขอให้สังคมร่วมกันยุติการสร้างความเกลียดชังด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติในทุกรูปแบบเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมที่พึ่งพาอาศัยกันได้อย่างสันติ.-314.-สำนักข่าวไทย

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

ทบ.แจงหลักฐานชัดทุ่น PMN-2 เป็นของใหม่ จี้เขมรหยุดปฏิเสธ

28 ส.ค.- ทบ.ชี้แจงหลักฐานวางทุ่น PMN-2 เป็นของใหม่ ไม่ใช่ตกค้างจากสงคราม จี้กัมพูชาเคารพกติกาสากล หยุดปฏิเสธ หลังพบคลิป-ภาพชัด มีการวางทุ่น PMN-2 จริง จากกรณีเมื่อ 27 ส.ค. 68 ที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกมาปฏิเสธต่อเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด โดยระบุว่า กัมพูชายืนยันว่าไม่ได้มีการใช้หรือวางทุ่นระเบิดใหม่ และยังคงปฏิบัติตามพันธกรณีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาตอบโต้ว่า บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา จะมีผู้เกี่ยวข้องอยู่เพียงสองฝ่ายคือไทยและกัมพูชา ซึ่งที่ผ่านมา มีเพียงฝ่ายไทยที่เป็นผู้ประสบเหตุมาโดยตลอด ประกอบกับเมื่อวันที่ 4 ส.ค.68 จากการสถาปนาความมั่นคงโดยหน่วยทหารช่าง บริเวณพื้นที่ภูมะเขือมีการตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งที่เตรียมไว้รอนำไปติดตั้ง และที่ติดตั้งแล้ว บริเวณแนววางกำลังเดิมของฝ่ายกัมพูชาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 68 มีการตรวจพบทหารกัมพูชา 2–3 นาย แต่งกายในลักษณะหน่วย BHQ ปฏิบัติการดักซุ่มตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตกของเนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย จึงได้ยิงขับไล่ไป เมื่อเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ […]

“มาริษ” แจงนานาชาติ ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลง

เจนีวา 28 ส.ค. – “มาริษ” รมว.ต่างประเทศ เดินสายชี้แจงนานาชาติที่เจนีวา กรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง ยืนยันไทยปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หารือกับนางสาวอิชิกาวะ โทมิโกะ ประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา และนางสาวแคโรลีน-เมลานี เรกิมบัล หัวหน้าสำนักงานกิจการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เพื่อชี้แจงถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา และรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชาที่เป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา จากนั้นนายมาริษได้เข้าร่วมหารือกับสมาชิกรัฐภาคีโดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมจาก 14 ประเทศ ซึ่งในกลุ่มนี้มีประเทศผู้บริจาคแก่กัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วย นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่าประเทศเหล่านี้สนใจมาร่วมรับฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนได้แสดงหลักฐานต่างๆ ที่ไทยประสบปัญหาของการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชา การละเมิดอำนาจอธิปไตย ที่กัมพูชาเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุด มีทหารไทยเหยียบกับระเบิดสังหารบุคคล ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ซึ่งตนได้ใช้โอกาสนี้ยื่นประท้วงและเรียกร้องให้รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ร่วมกันเรียกร้องให้กัมพูชามาชี้แจงในสิ่งที่เกิดขึ้นตามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ถือเป็นโอกาสดีที่ตนได้ยื่นหลักฐานและข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการตามกลไกอนุสัญญาออตตาวา ทั้งนี้ประเทศที่เป็นสมาชิกของรัฐภาคีได้พูดชัดเจนและขอบคุณประเทศไทยที่ใช้ความยับยั้งชั่งใจที่ไม่ละเมิดกฎหมายร่วมประเทศและชื่นชมว่าเราตอบโต้โดยใช้มาตรการที่เหมาะสมทุกอย่าง -สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : “โล่มนุษย์” พฤติกรรมต้องห้ามเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม

27 ส.ค. – กรณีที่บ้านหนองจาน ชัดเจนว่า กัมพูชาได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศตามที่มีหลักฐานประจักษ์มากมาย ถือว่าผิดกฎหมายข้อใดบ้าง ติดตามจากรายงาน 9 ทันโลก. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” จ่อคุยวงใหญ่รัฐภาคี “ออตตาวา” โน้มน้าวกัมพูชากู้ทุ่นระเบิด

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เดินสายพบข้าหลวงใหญ่ยูเอ็น เจนีวา รายงานข้อเท็จจริง “กัมพูชา” ละเมิดสิทธิมนุษยชน-สังหารพลเรือน-ใช้ข่าวปลอมสร้างโฆษณาชวนเชื่อ จ่อคุยวงใหญ่รัฐภาคี “ออตตาวา” ให้โน้มน้าวกัมพูชากลับมากู้ทุ่นระเบิด-หยุดละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือต่อ นางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริง ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้เคยยื่นหนังสือได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติจัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชาในอาณาเขตของประเทศไทยไปแล้ว เป็นไปตามพันธะกรณีภายในอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรืออนุสัญญาออตตาวา ขณะที่การเข้าพบรองข้าหลวงใหญ่ฯ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในวันนี้ เป็นการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของไทยในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านช่องทางทางการทูตตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรของสหประชาชาติ โดยได้ยื่นหลักฐานทั้งเอกสารและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ทราบว่ามีการปฏิบัติการที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่สามารถยอมรับได้ ทั้งการโจมตีแบบไม่เลือกเป้า การโจมตีในเขตพื้นที่พลเรือน การใช้ทุนระเบิดสังหารบุคคล และการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ ซึ่งขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ โอกาสนี้ รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยเดินทางมาด้วยตัวเอง ทำให้สามารถพูดคุยสอบถามได้โดยตรง และเป็นการแสดงความจริงใจและจริงจังในการแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนตลอดแนวพรมแดนระหว่างไทยกับประเทศกัมพูชา นอกจากนั้นยังมีหนังสือตอบกลับเพื่อเน้นย้ำความสำคัญเกี่ยวกับการใช้การสื่อสารในทางโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) เพื่อสร้างความขัดแย้งในหมู่ประชาชน ทำให้เกิดความแตกแยกปลุกปั่นให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ […]

มทภ.2 ประณามกัมพูชา หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด

กทม. 27 ส.ค.- มทภ.2 ประณามกัมพูชา ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-อนุสัญญาออตตาวาไม่หยุด หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดข้อเท้าขาด 1 นาย ชี้ทุ่นระเบิดมีโครงสร้างพลาสติก เครื่องตรวจหาไม่เจอ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและอนุสัญญาออตตาวา ต่อเนื่อง หลังวันนี้ เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว พล.ท.บุญสิน ระบุว่า เนิน 350 ปราสาทตาควาย เป็นพื้นที่ที่ทหารกัมพูชาวางกำลังหนาแน่น และมีทุ่นระเบิดรอบพื้นที่ โดยวันนี้ทหารไทยออกลาดตระเวน ซึ่งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดตรวจหาไม่เจอ เนื่องจากทุ่นระเบิดดังกล่าวโครงสร้างเป็นพลาสติก คาดเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ เบื้องต้นได้ทำหนังสือประท้วงไปทางฝ่ายกัมพูชาแล้ว และเตรียมกำหนดแผนทางการทหารต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : เปิดโปงอีก กัมพูชา-แหล่ง Sextortion

25 ส.ค. – กัมพูชาถูกเปิดโปงอาชญากรรมอีกด้านที่ร้ายแรงมาก โดยมีบทวิเคราะห์ว่าเรื่องนี้เกี่ยวโยงกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐด้วย จะเป็นเพราะเหตุใด และเป็นอาชญากรรูปแบบไหน ติดตามได้ในรายงาน 9 ทันโลกวันนี้ .-สำนักข่าวไทย

1 3 4 5 6 7 123
...