นายกฯ รับรายงานยังมีโดรนสอดแนม-กองกำลังกัมพูชาประชิดชายแดน

สามเสน 26 ก.ย.-นายกฯ รับรายงานยังมีโดรนสอดแนม-กองกำลังกัมพูชา เคลื่อนกำลังประชิดแนวชายแดน แต่ยังไม่ล้ำอธิปไตยไทย เผยประสาน “บิ๊กเล็ก” ให้การตัดสินใจทุกอย่างในกรอบอำนาจกองทัพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนว่า ได้รับรายงานสถานการณ์ชายแดนล่าสุดมีการส่งอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน และมีการเคลื่อนย้ายสับเปลี่ยนกำลังเข้ามาตามชายแดน แต่ไม่ได้รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงของไทยเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา และได้ประสานไปยัง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องของการตัดสินใจทุกอย่างในกรอบที่กองทัพดูแลรับผิดชอบดูแล.-319.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” มองการเจรจาไม่เกิดขึ้น หากกัมพูชาเสริมกำลังพล-อาวุธหนัก

สามเสน 24 ก.ย. – “อนุทิน” เผยห่วง ปชช.แนวชายแดน เร่งจ่ายเงินเยียวยา หลังแถลงนโยบายต่อสภาฯ มองการเจรจาไม่เกิดขึ้น หากกัมพูชาเสริมกำลังพล-อาวุธหนัก ยัน 4 เดือนทำเต็มที่ ไม่สูญเสียอธิปไตยของไทย เวลา 23.00 น. วันที่ 24 ก.ย. 68 ที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีภายหลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วจะลงไปเยี่ยมพื้นที่ชายแดนหรือไม่ ว่า ตนก็ต้องไปอยู่แล้ว เพราะมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย ตอนนี้ที่ชายแดนเราก็มีทั้งกองทัพ มีทหาร และมีฝ่ายปกครอง โดยหน้าที่แล้วและความรับผิดชอบก็ต้องไปด้วยตัวเอง อยู่แล้ว เมื่อถามว่ารัฐบาลกัมพูชาจะอ่อนข้อกับเรามากขึ้นหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทางรัฐบาลกัมพูชาอย่างเป็นทางการ แต่จุดยืนของเราก็ยังมีความชัดเจนว่าการรักษาอธิปไตย เรายังให้ทางฝ่ายกองทัพตัดสินใจผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ และในพื้นที่ได้มีการประกาศกฎอัยการศึกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการตัดสินใจก็สามารถกระทำได้โดยผู้ที่รับผิดชอบ นั่นคือแม่ทัพภาคที่ 2 แม้จะมีการเปลี่ยนตัวหลังเดือนกันยายนนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว คงมีการส่งไม้กันอย่างราบรื่น และวันนี้ที่ตนได้แต่งตั้งให้ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ เข้ามาช่วยอีกแรงในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะท่านก็เป็นแม่ทัพภาคที่ […]

Indonesia's President Prabowo Subianto appoints several ministers

กองทัพอินโดนีเซียลงโฆษณาเต็มหน้า นสพ.

จาการ์ตา 22 ก.ย.- กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียลงโฆษณาเต็มหน้าหนังสือพิมพ์ใหญ่ที่สุดของประเทศในวันนี้ แจกแจงรายละเอียดและปกป้องโครงการของกระทรวงฯ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ คอมปาส (Kompas) ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ตีพิมพ์โฆษณาเต็มหน้าชิ้นหนึ่งของกระทรวงกลาโหมในวันนี้ โฆษณามีพาดหัวว่า “ไม่ใช่แค่เพียงกองทัพอีกต่อไป : การปกป้องประชาชนตามสไตล์อินโดนีเซีย” เนื้อหากล่าวถึงนโยบายของกองทัพที่ได้แผ่ขยายและปรับเปลี่ยนไปสู่การปกป้องประชาชนบนพื้นฐานของความรุ่งเรืองและความร่วมมือข้ามภาคส่วน รัฐบาลเรียกร้องให้เกิดการฟื้นตัวระดับชาติผ่านการที่กองทัพเข้ามาเกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการ 10 โครงการ โฆษณาระบุว่า กองทัพได้ฝึกฝนคนหนุ่มสาวที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาด้วยวิถีแบบทหารและโภชนาศาสตร์ จนกลายเป็นนักโภชนาการของโครงการอาหารทั่วประเทศ นอกจากนี้กองทัพยังคาดหวังว่า จะมีกำลังพลมากถึง 500 กองพันใน 5 ปี และจะมุ่งมั่นปกป้องโครงการเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ทั้งนี้นับตั้งแต่ชนะเลือกตั้งขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 8 ของอินโดนีเซียเมื่อเดือนตุลาคม 2567 นายพลปราโบโว ซูเบียนโต วัย 73 ปี ได้เพิ่มตำแหน่งในรัฐบาลจำนวนหนึ่งให้แก่เจ้าหน้าที่ทหารและมอบหมายให้กองทัพดำเนินโครงการของเขา มีตั้งแต่โครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนฟรี การผลิตยา ไปจนถึงโครงการทางการเกษตร จุดกระแสวิตกให้แก่กลุ่มนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวว่า อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศประชาธิปไตยใหญ่อันดับ 3 ของโลก จะกลับไปสู่ยุคระเบียบใหม่ (New Order) ที่เป็นยุคทหารครอบงำประเทศในสมัยผู้นำเผด็จการอย่างนายพลซูฮาร์โต ประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่ผูกขาดปกครองอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2511 จนกระทั่งถูกโค่นล้มในปี 2541.-814.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” มอบกองทัพดำเนินการ-ชี้แจง เหตุชายแดนสระแก้ว

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-“อนุทิน” มอบกองทัพดำเนินการ-ชี้แจง หลังเหตุก่อกวนชายแดนสระแก้ว ย้ำไม่มีเปิดด่าน พร้อมให้คำมั่น รัฐบาลเปิดรับฟังเจ้าหน้าที่แนวหน้า ไม่สน “ฮุน มาเนต” โร่ฟ้องผู้นำโลก ชี้ทุกประเทศต้องปกป้องผลประโยชน์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย- กัมพูชา โดยขอให้ฝ่ายทหารเป็นผู้ดำเนินการ และชี้แจงต่อไป อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวการประกาศกฎอัยการศึกแล้ว อำนาจการตัดสินใจจึงอยู่ที่ฝ่ายทหาร ขณะนี้ตนยังไม่ได้เข้าไปบริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นทางการ แต่ให้คำมั่นสัญญากับประชาชน และผู้ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงแล้วว่า หากรัฐบาลนี้เข้าไปบริหารงาน เรื่องกิจการด้านความมั่นคง รัฐบาลจะรับฟังผู้ปฏิบัติหน้าที่ในชายแดนโดยตรง นายอนุทิน ย้ำถึงการเปิดด่านชายแดน ว่าขออย่าไปคาดเดาอะไร ขณะนี้ไม่มีการดำเนินการ ส่วนการที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดินหน้าฟ้องร้องผู้นำโลกแล้วนั้น นายอนุทิน มองว่า ผู้นำทุกประเทศก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศนั้น เช่นเดียวกับผู้นำประเทศไทย ก็ต้องรักษาของประเทศไทยในประเทศอื่น ต้องรักษาความผาสุก ความมั่นคง อธิปไตยของประเทศ ความปลอดภัยของประชาชน แล้วจะยึดถือกรอบนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง.-319.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ระบุเปิด-ปิดด่านชายแดน รัฐบาลเดิมมอบอำนาจผ่าน สมช.

ทำเนียบ 12 ก.ย.-“ภูมิธรรม” ระบุ เปิด-ปิดด่านชายแดน รัฐบาลเดิมมอบอำนาจผ่าน สมช. แล้วให้กองทัพตัดสินใจ ขออย่าโยนไปมา เชื่อมือ “บิ๊กเล็ก” เป็นคนดี มีความสามารถ สางปัญหาชายแดนได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังมีข้อถกเถียงกันของประชาชน ว่า ไม่อยากให้เปิดด่านชายแดน และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุว่า การหารือคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC เป็นไปตามกรอบนโยบายของรัฐบาลชุดเดิม ว่า ขออย่าโยนไปโยนมา เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในกรอบที่รัฐบาลและกองทัพ ซึ่งเป็นอันเดียวกันและทำมาก่อนแล้ว ซึ่งการปิดด่านเป็นปัญหาที่กระทบกระเทือนด้านการค้า เป็นที่ทราบดีของทุกฝ่าย และ ขณะนี้ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ได้มอบให้กองทัพและกระทรวงกลาโหมไปดำเนินการ โดยอยู่บนหลักการว่าจะทำอย่างไรให้สถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติให้ได้มากที่สุด ซึ่งนี่เป็นกรอบที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เดิมได้ให้กรอบไว้ เพราะฉะนั้นการตัดสินใจทั้งหมดเมื่อมอบอำนาจไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับทางกองทัพ โดยในส่วนของพื้นที่จังหวัดชายแดนอีสานใต้จะเป็นหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 2 ส่วนจังหวัดสระแก้วเป็นของกองทัพภาคที่ 1 ขณะที่จันทบุรีและตราดนั้น จะเป็นของกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กองทัพจึงเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุดว่าจะจัดการ […]

ทหารคุมเข้มรัฐสภาเนปาล ลาดตระเวนเมืองหลวง

กาฐมาณฑุ 10 ก.ย. – ทหารได้เข้าคุ้มกันรัฐสภาของเนปาลและลาดตระเวนตามท้องถนนที่อยู่ในสภาพเงียบสงบในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของประเทศในวันนี้ ท่ามกลางมาตรการเคอร์ฟิวที่บังคับใช้ หลังจากเกิดเหตุการประท้วงต่อต้านการทุจริตเป็นเวลา 2 วัน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต และส่งผลให้นายเคพี ชาร์มา โอลิ นายกรัฐมนตรีต้องลาออกจากตำแหน่ง เหตุการณ์ความไม่สงบในเนปาลเริ่มต้นขึ้นจากการที่รัฐบาลสั่งห้ามการใช้โซเชียลมีเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้จะมีการยกเลิกคำสั่งในภายหลัง แต่ประชาชนก็ยังเดินหน้าประท้วงรุนแรง หลังจากมีผู้เสียชีวิตถึง 19 คนเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากตำรวจใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อควบคุมฝูงชน บริเวณรอบอาคารรัฐสภาเต็มไปด้วยซากรถที่ถูกเผาไหม้และเศษเหล็กที่บิดเบี้ยว หลังจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกองทัพพยายามดับเพลิงที่โถงหลักของอาคารรัฐสภา ขณะที่ตัวอาคารด้านนอกมีร่องรอยการถูกไฟไหม้จากการที่ผู้ประท้วงจุดไฟเผาเมื่อวันอังคาร โฆษกสภาผู้แทนราษฎรกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์จากบ้านพักของเขาในกรุงกาฐมาณฑุว่า เขาได้รับแจ้งจากหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของรัฐสภาว่าไฟได้ทำลายโครงสร้างทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือแล้ว อาคารของรัฐบาลอีกหลายแห่ง ตั้งแต่ศาลฎีกาไปจนถึงบ้านพักของรัฐมนตรี รวมถึงบ้านพักส่วนตัวของนายโอลิ ก็ถูกจุดไฟเผาในระหว่างการประท้วงเมื่อวันอังคาร โดยความไม่สงบเพิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีประกาศลาออก ทางด้านโฆษกสนามบินระบุว่า เที่ยวบินได้รับผลกระทบ โดยสนามบินหลักในกรุงกาฐมาณฑุต้องปิดให้บริการจนถึงเวลา 18.00 น. หรือ ตรงกับ 19.15 น. ตามเวลาในประเทศไทย รถหุ้มเกราะเฝ้าระวังอยู่บนถนนที่เงียบสงบ ร้านค้าและตลาดปิดทำการ ขณะที่รถดับเพลิงก็กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามจุดต่างๆ และกระบวนการเคลียร์เส้นทางก็กำลังดำเนินอยู่เช่นกัน โฆษกกองทัพกล่าวว่า กองทัพกำลังพยายามทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติก่อน ทหารมุ่งมั่นที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเสริมว่าผู้ต้องขังได้จุดไฟเผาเรือนจำในกรุงกาฐมาณฑุก่อนที่กองทัพจะเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ สื่อท้องถิ่นยังรายงานด้วยว่ามีการเตรียมการให้เจ้าหน้าที่และผู้ประท้วงได้เจรจากัน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด นายบาลาแรม เคซี […]

“ภูมิธรรม” สั่งทุกส่วนหนุนกองทัพรับมือสถานการณ์ชายแดน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” สั่งการ ครม.ทุกส่วนสนับสนุนกองทัพรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอบคุณทหารอดทนอดกลั้นจากการยั่วยุ มอบ ศบ.ทก. ประสานเข้มห้ามพลเรือนกัมพูชารุกล้ำเขตแดนผิดกฎหมาย-จัดการแก๊งคอลฯ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีข้อสั่งการจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรีราชการแทนนายกรัฐมนตรี ถึงการแก้ไขปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา และผลกระทบจากสถานการณ์พายุคาจิกิ ซึ่งได้เตรียมแผนรับมือตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ โดยมีข้อ สั่งการเพิ่มเติม ดังนี้ นอกจากนี้ ยังมีข้อสั่งการให้ ศบ.ทก. ประสานการปฏิบัติให้มีผลสัมฤทธิ์ กระชับความเป็นเอกภาพทั้งการทหาร การต่างประเทศ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ รวมถึงการปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย รวมถึงมาตรการอื่น ๆ อาทิ เข้มงวดกับปฏิบัติการห้ามไม่ให้พลเรือนกัมพูชารุกล้ำเขตแดนอย่างผิดกฎหมาย และการติดตามเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมด้าน Scammer

กมธ.มั่นคงฯ เชิญ “รัฐบาล-กองทัพ” หารือแนวทางใช้ ICC สร้างสันติภาพ

รัฐสภา 21 ส.ค.-กมธ.มั่นคงฯ เชิญ “รัฐบาล-กองทัพ” หารือแนวทางใช้ ICC สร้างสันติภาพระยะยาว “โรม” ชี้ชายแดนยังตึงเครียด มองยื้อกันไปมาทำปัญหาถูกแช่แข็ง ย้ำสุดท้ายทุกอย่างจบที่โต๊ะเจรจา คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชนเป็นประธาน มีวาระการประชุมเรื่องติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายความขัดแย้งตามแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา โดยเชิญ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม พลตรีณัฎฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 และนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศมาเข้าให้ข้อมูล โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องชายแดนไทยกัมพูชาต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ยอมรับว่าสถานการณ์อาจนิ่งขึ้นแต่ยังมีปัญหาอยู่ และยังมีการปะทะคารมในบรรยากาศที่ตึงเครียด ระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า และมีข้อมูลว่าช่องอานม้าเป็นพื้นที่ที่มีความล้มเหลวในการบริหารจัดการชายแดนมานาน ซึ่งเป็นผลให้ช่องอานม้ายังคงเป็นอยู่อย่างนี้อย่างที่เราเห็น มีชุมชนชาวกัมพูชามาตั้งอยู่เต็มพื้นที่ โดยบรรยากาศเริ่มเข้มข้นขึ้น จึงต้องมีแนวทางในการพูดคุยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป และอาจรวมไปถึงพื้นที่อื่นๆ ที่มีการรุกล้ำ ผ่านการสร้างกาสิโน และอาจมีการรุกล้ำพื้นที่อื่น ๆเข้ามาได้เรื่อย ๆ หากไม่มีการเตรียมการ ทั้งนี้จะต้องมีการพูดคุยกันในที่ประชุมโดยหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาหารือต่อพลเอกณัฐพลเช่นเดียวกัน และอาจได้พูดคุยกันในแง่ของการทูตการต่างประเทศว่าจะมีแนวทางต่อไปอย่างไร ต้องไม่ลืมว่าสุดท้ายเรื่องนี้ก็ต้องจบลงที่การเจรจา ส่วนประเด็นที่มีการพูดถึงใช้กลไกศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC […]

“โรม” มองหากพยานคดีคลิปเสียงเป็น “กองทัพ” คงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

รัฐสภา 20 ส.ค.-“โรม” มองหากพยานคดีคลิปเสียงเป็น “กองทัพ” คงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ชี้ “แพทองธาร” อยากเล่นการเมืองต้องมีสปิริตมากกว่านี้ แต่ถ้าจะทำตอนนี้คงช้าไป นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวน คดีคลิปเสียงของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนทนากับสมเด็จฮุน เซน ในวันพรุ่งนี้ (21 ส.ค.) ว่า ต้องยอมรับว่า มีคลิปจริง ไม่ใช่การถกเถียงว่าเป็นคลิปปลอม แต่ตนก็ต้องตั้งข้อสังเกตว่าผู้ที่ไปเป็นพยาน ถ้าเป็นกองทัพน้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้น แต่พยานเมื่อเป็นพยานที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรง ก็ต้องยอมรับว่าน้ำหนักน้อยลง แต่ก็ต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้เห็นด้วยกับการที่จะใช้นิติสงครามใดๆ ซึ่งไม่ตรงกับจุดยืนของพรรคประชาชน และต้องยอมรับว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง ที่ได้สัดส่วนกับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากคลิปเสียง “ผมยอมรับว่า สิ่งที่สมเด็จฮุนเซนทำในการปล่อยคลิปเสียงไม่เหมาะสม แต่การพูดของนายกฯ ในเรื่องนั้นก็ไม่เหมาะสมเช่นเดียวกัน ดังนั้นก็ต้องมีความรับผิดชอบ ถ้าจะเข้ามาทำการเมืองแล้วแสวงหาแต่ความรับชอบ ผมว่าก็ไม่ควรมาเป็นนักการเมือง เพราะเราต้องการนักการเมือง ที่กล้าหาญมากกว่านี้ วันนี้ที่มีปัญหาหลายๆ อย่างที่แก้ไม่ตก เพราะว่าท่านไม่รู้จักความรับผิดรับผิดชอบ จึงทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเรายุ่งเหยิง และเกิดปัญหาเสถียรภาพแบบนี้ ผมอยากเห็นนายกฯ แสดงสปิริต แต่ก็คงเป็นคำพูดที่ช้าไปเพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้ว […]

ทหารเกาหลีใต้ลดลง 20% ใน 6 ปี เหตุประชากรชายลดลง

โซล 10 ส.ค. – จำนวนทหารในกองทัพเกาหลีใต้ลดลงร้อยละ 20 ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา เหลือเพียง 450,000 นาย ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงอย่างรวดเร็วของประชากรชายวัยเกณฑ์ทหารในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในโลก รายงานจากกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุว่า การลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วของกลุ่มประชากรชายที่สามารถเข้าเป็นทหารได้ ยังทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนนายทหาร และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป กองทัพเกาหลีใต้มีจำนวนกำลังพลลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 ที่มีกำลังพลประมาณ 690,000 นาย โดยจำนวนลดลงเร็วขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 2010 และมีทหารประจำการรวมถึงนายทหารประมาณ 563,000 นายในปี 2019 ในขณะที่เกาหลีเหนือเชื่อว่ามีทหารประจำการประมาณ 1.2 ล้านนาย จากการประมาณการล่าสุดของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ในปี 2022 ข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า ในช่วงระหว่างปี 2019 ถึง 2025 จำนวนประชากรชายวัย 20 ปีลดลงถึงร้อยละ 30 เหลือ 230,000 คน ซึ่งเป็นอายุที่ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ผ่านการตรวจร่างกายจะเข้ารับราชการทหารภาคบังคับที่มีระยะเวลา 18 เดือนในปัจจุบัน กองทัพได้อ้างถึงความสามารถที่เพิ่มขึ้นเป็นเหตุผลสำคัญในการย่นระยะเวลาการเป็นทหารให้น้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐและการพัฒนาอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศที่ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ ในอดีต ผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงจะต้องเข้าเป็นทหารเป็นระยะเวลา 36 เดือนในช่วงปี […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]

1 2 3 38
...