บทความนี้เรียบเรียงโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) โดยมีเนื้อหาหลักจากคลิปวิดีโอ
15 กันยายน 2568
ภาวะเยื่อบุตาขาวบวมเป็นวุ้น เกิดได้จากสาเหตุใด เป็นภาวะที่บ่งบอกถึงโรคทางดวงตาหรือไม่ และภาวะเยื่อบุตาขาวบวมแบบไหนต้องพบจักษุแพทย์ ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
(สัมภาษณ์เมื่อ 29 สิงหาคม 2568)
เจาะลึกอาการ “เยื่อบุตาบวม” เหมือนมีวุ้นในตาขาว สัญญาณเตือนที่ต้องใส่ใจ
หลายคนอาจเคยประสบกับอาการผิดปกติที่ดวงตาและรู้สึกวิตกกังวล โดยเฉพาะเมื่อสังเกตเห็นว่าเยื่อบุตาขาวมีลักษณะบวมนูนขึ้นมาคล้าย “วุ้นใส” ซึ่งสร้างความตกใจและคำถามตามมาว่าเกิดจากอะไรและเป็นอันตรายหรือไม่ อาการนี้ทางการแพทย์เรียกว่า “Chemosis” หรือ ภาวะเยื่อบุตาบวมน้ำ ซึ่งไม่ใช่ตัวตาขาวที่บวมออกมาเอง แต่เป็นเยื่อบุโปร่งใสที่คลุมทับตาขาวเกิดการอักเสบและมีของเหลวเข้าไปสะสมอยู่ภายใน
แม้ว่าอาการนี้จะดูน่ากลัว แต่ส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตรายร้ายแรง อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนกว่าที่คิด บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงสาเหตุต่าง ๆ ผลกระทบ และแนวทางการรับมือกับอาการเยื่อบุตาบวมอย่างละเอียด
5 สาเหตุหลักของอาการเยื่อบุตาบวม
จากข้อมูลทางการแพทย์ สามารถสรุปสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะเยื่อบุตาบวมได้ 5 ประการ ดังนี้
1. การอักเสบและติดเชื้อ หรือ “โรคตาแดง” (Conjunctivitis) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบริเวณเยื่อบุตา ทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัวและเกิดการอักเสบ บวมแดง ผู้ป่วยมักมีอาการอื่นร่วมด้วยอย่างชัดเจน เช่น มีขี้ตาสีเหลืองหรือสีเขียวในตอนเช้า (กรณีติดเชื้อแบคทีเรีย) น้ำตาไหลมาก คันหรือระคายเคืองตาอย่างรุนแรง
2. ปฏิกิริยาภูมิแพ้ (Allergies) ดวงตาเป็นอวัยวะที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรือสารเคมีในเครื่องสำอาง เมื่อร่างกายสัมผัสกับสิ่งที่แพ้ จะหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) ออกมา ทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเกิดการบวมน้ำที่เยื่อบุตา ซึ่งมักจะมีอาการคันตาอย่างรุนแรงและน้ำตาไหลร่วมด้วย
3. โรคทางกายอื่น ๆ (Underlying Systemic Diseases) ในบางครั้ง อาการเยื่อบุตาบวมอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากดวงตาโดยตรง แต่อาจเป็นภาพสะท้อนของโรคอื่นที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย ตัวอย่างที่สำคัญคือ โรคไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) ที่ส่งผลให้เนื้อเยื่อหลังลูกตาเกิดการอักเสบและบวม จนดันลูกตาให้โปนออกมาและทำให้เยื่อบุตาบวมตามไปด้วยได้
4. การบาดเจ็บหรือการกระทบกระเทือน (Eye Injuries) อุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการกระแทกบริเวณดวงตาหรือศีรษะ หรือแม้แต่การขยี้ตาแรง ๆ ซ้ำ ๆ ก็สามารถทำให้หลอดเลือดฝอยที่เยื่อบุตาแตกและเกิดการอักเสบ บวมน้ำขึ้นมาได้เช่นกัน
5. ความเสื่อมตามวัย (Aging) เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เยื่อบุตาก็เช่นเดียวกัน อาจเกิดการหย่อนคล้อยและไม่กระชับเหมือนเดิม ทำให้ดูเหมือนมีอาการบวมนูนขึ้นมาได้ ซึ่งมักไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด แต่อาจสร้างความรำคาญได้
ผลกระทบและสัญญาณที่ต้องระวัง
ภาวะเยื่อบุตาบวมอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้หลายอย่าง เช่น
- การระคายเคือง : รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตาตลอดเวลา
- ตาแห้งหรือน้ำตาไหลมากผิดปกติ : อาการบวมอาจไปขัดขวางการระบายน้ำตาตามปกติ ทำให้เกิดภาวะตาแห้งหรือน้ำตาเอ่อล้นได้
- ปัญหาด้านการมองเห็น : หากอาการบวมรุนแรงมาก อาจบดบังการมองเห็นได้เล็กน้อย
แม้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ เช่น ภูมิแพ้หรือตาแดง จะสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยยาหยอดตาหรือการดูแลที่เหมาะสม แต่หากอาการบวมเกิดจากโรคไทรอยด์เป็นพิษหรือการบาดเจ็บรุนแรง ถือเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเร่งด่วน
ควรไปพบจักษุแพทย์เมื่อใด ?
ควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้
- อาการบวมไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือบวมมากขึ้นเรื่อย ๆ
- มีอาการปวดตารุนแรง การมองเห็นผิดปกติ หรือมองภาพซ้อน
- มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ หรือตาโปน
- อาการบวมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก
โดยสรุป อาการเยื่อบุตาบวมคล้ายวุ้นในตาขาวเป็นภาวะที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงสัญญาณของโรคที่ซ่อนอยู่ การสังเกตอาการของตนเองและไม่ลังเลที่จะปรึกษาจักษุแพทย์เมื่อมีความผิดปกติ คือวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพดวงตาของคุณให้ดีอยู่เสมอ
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์
ตรวจสอบบทความโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter