ชัวร์ก่อนแชร์: สหรัฐฯ ตัดงบวัคซีน mRNA ไข้หวัดนกเพราะผลทดสอบไม่เพียงพอ จริงหรือ?

01 กันยายน 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ข้อมูลน่าสงสัย :

มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีน mRNA เผยแพร่ในสหรัฐอเมริกา เมื่อกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ (HHS) ของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเลิกการให้เงินสนับสนุนโครงการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดนกชนิด mRNA แก่บริษัท Moderna เป็นเงินมูลค่า 766 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยให้เหตุผลว่า วัคซีน mRNA ยังขาดการทดสอบด้านประสิทธิผลและความปลอดภัยที่เพียงพอ

บทสรุป :

1.วัคซีน mRNA ผ่านการทดสอบประสิทธิผลและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
2.HHS หันไปสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนด้วยเทคโนโลยีเก่า

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

เมื่อปี 2024 กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ สมัยรัฐบาล โจ ไบเดน อนุมัติงบประมาณมูลค่า 176 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับบริษัท Moderna ใช้พัฒนาวัคซีนไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 เมื่อพบรายงานชาวอเมริกันติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 จำนวน 70 ราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่ทำงานในฟาร์มเลี้ยงไก่

ช่วงเดือนมกราคม 2025 รัฐบาล โจ ไบเดน ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่บริษัท Moderna อีก 590 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมเป็นจำนวนเงิน 766 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แต่ในเดือนพฤษภาคม 2025 กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีผู้มีประวัติเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีน ประกาศยกเลิกการมอบเงินช่วยเหลือโครงการพัฒนาวัคซีนไข้หวัดนกชนิด mRNA แก่บริษัท Moderna

แอนดรูว์ นิกสัน ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของ HHS อ้างเหตุผลการตัดงบว่า หลังพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว การลงทุนเพื่อพัฒนาวัคซีนไข้หวัดนกชนิด mRNA ขาดความชอบธรรมทั้งเหตุผลทางวิทยาศาสตร์และจริยธรรม หัวใจสำคัญไม่ใช่แค่ประสิทธิผลของวัคซีน แต่คือความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของวัคซีน เนื่องจากเทคโนโลยีวัคซีน mRNA ยังมีผลทดสอบไม่เพียงพอ (Under-Tested) จึงไม่ควรนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้อย่างสูญเปล่าเหมือนกับรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่ปิดบังความปลอดภัยของวัคซีนจากประชาชน

วัคซีน mRNA ผ่านการทดสอบประสิทธิผลและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี การอ้างว่าเทคโนโลยีวัคซีน mRNA มีผลทดสอบไม่เพียงพอ (Under-Tested) ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เนื่องจากวัคซีน mRNA ผ่านการทดสอบประสิทธิผลและความปลอดภัยก่อนนำมาใช้ไม่ต่างจากวัคซีนชนิดอื่น ๆ

ดร.วิลเลียม ชาฟเนอร์ ศาสตราจารย์ภาควิชาโรคติดเชื้อ ประจำศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ ยืนยันว่า ทุกวันนี้วัคซีน mRNA ไม่จัดว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ หรืออยู่ในระหว่างการทดลองอีกต่อไป ปริมาณวัคซีนโควิด-19 หลายร้อยล้านโดสที่ฉีดให้กับชาวอเมริกันและแก่ชาวโลก และนำไปสู่การผลิตวัคซีนสูตรสำหรับทารก เป็นสิ่งยืนยันความปลอดภัยให้กับเทคโนโลยีวัคซีน mRNA เป็นอย่างดี

เฮเลน เพตูซิส แฮริส นักไวรัสวิทยาและผู้อำนวยการร่วมของเครือข่าย Global Vaccine Data Network ย้ำว่า เทคโนโลยีวัคซีน mRNA ไม่ถือว่ามีผลทดสอบไม่เพียงพอ (Under-Tested เนื่องจากมีการศึกษาประสิทธิผลและความปลอดภัยในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ประสิทธิผลและความปลอดภัยของวัคซีน mRNA ได้รับการจับตามาตั้งแต่ก่อนการผลิตวัคซีนโควิด-19 จนถึงการวิจัยเพื่อผลิตวัคซีนโรคอื่น ๆ จนถึงปัจจุบัน

อาการข้างเคียงจากวัคซีน mRNA ลดลงเรื่อย ๆ

อาการข้างเคียงที่พบได้น้อยจากการฉีดวัคซีน mRNA ได้แก่ อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ สาเหตุที่มีการพบหลังการฉีดให้กับประชาชน เนื่องจากมีสัดส่วนการเกิดได้ยาก โดยพบประมาณ 1 ในล้านโดส ทำให้ไม่พบอาการดังกล่าวระหว่างการทดลองกับอาสาสมัครจำนวนหลักหมื่นราย

อาการเกี่ยวกับหัวใจจากวัคซีน mRNA พบได้จำกัดในกลุ่มผู้รับวัคซีนเพศชายอายุน้อยที่รับวัคซีนโดสที่ 2 เป็นหลัก ซึ่งอาการจะไม่รุนแรงและสามารถหายได้เอง ต่างจากอาการทางหัวใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีความรุนแรงมากกว่า ซึ่งการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยังทำให้แทบไม่พบผู้มีอาการทางหัวใจจากวัคซีน mRNA

นอกจากนี้ อาการทางหัวใจจากวัคซีน ยังพบในกลุ่มผู้รับวัคซีนชนิดโปรตีนเบสยี่ห้อ Novavax เช่นกัน ดังนั้นอาการทางหัวใจจากวัคซีน จึงไม่ใช่อาการข้างเคียงที่พบได้เฉพาะวัคซีน mRNA เท่านั้น

ไม่มีการปิดบังอันตรายจากวัคซีน mRNA

ข้ออ้างของ HHS ที่โจมตีรัฐบาล โจ ไบเดน เรื่องการปิดบังอันตรายของวัคซีน mRNA เกี่ยวกับอาการทางหัวใจ เนื่องจากมีการเปิดเผยอาการช้ากว่าที่ควรจะเป็น

แต่กระนั้น อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากวัคซีน mRNA ไม่เคยถูกปิดเป็นความลับตามที่กล่าวอ้าง เนื่องจากสื่อมวลชนต่างรายงานอาการข้างเคียงอย่างแพร่หลาย โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) ในช่วงเดือนมิถุนายน 2021

แผนการด้อยค่าวัคซีนของ RFKjr

การตัดงบโครงการพัฒนาวัคซีน mRNA สอดคล้องกับทัศนคติแง่ลบต่อวัคซีนของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนมาเป็นเวลานาน

เมื่อขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ พยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้วัคซีน mRNA เป็นเทคโนโลยีที่อันตราย

นอกจากนี้ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ยังแสดงความเห็นสุดโต่งเกี่ยวกับไข้หวัดนกจนถูกโจมตีจากสมาชิกสภาคองเกรส เมื่อมีการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อช่วงต้นปี โดยเขาแนะนำให้เกษตรกรปล่อยให้ไก่ในฟาร์มติดเชื้อไข้หวัดนกอย่างเสรี เพื่อนำไก่ที่ไม่ป่วยมาทำการศึกษา ซึ่งเป็นวิธีการที่เสี่ยงต่อการทำให้ไวรัสไข้หวัดนกระบาดเกินการควบคุม

HHS หันไปสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนด้วยเทคโนโลยีเก่า

ช่วงหนึ่งเดือนก่อนการประกาศตัดงบพัฒนาวัคซีนไข้หวัดนกชนิด mRNA กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ ประกาศการสนับสนุนโครงการผลิตวัคซีนสูตรครบทุกสายพันธุ์ (Universal Vaccine) เพื่อป้องกันไวรัสโคโรนาและไวรัสไข้หวัดใหญ่ รวมถึงไข้หวัดนก ด้วยการผลิตวัคซีนจากเทคโนโลยีเก่า ซึ่งสร้างความกังขาในแวดวงผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนอย่างมาก

การทดลองวัคซีนไข้หวัดนกชนิด mRNA ได้ผลน่าพอใจ

หลังได้รับข่าวการถูกตัดงบพัฒนาวัคซีน บริษัท Moderna ได้เปิดเผยผลการทดลองทางคลินิกกับอาสาสมัครผู้ใหญ่สุขภาพดีจำนวน 300 ราย พบว่าวัคซีนไข้หวัดนกชนิด mRNA กระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อไข้หวัดนกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แถลงการณ์ของ Moderna ชี้แจงว่า ข่าวการถูกยกเลิกเงินสนับสนุนจาก HHS สร้างความไม่แน่นอนให้กับการทดลองในอนาคต ทำให้จำเป็นที่บริษัทต้องหาช่องทางสนับสนุนโครงการวิจัยต่อไป แต่ผลการวิจัยช่วยย้ำถึงบทบาทสำคัญของเทคโนโลยี mRNA ในการรับมือต่อภัยคุกคามทางสุขภาพในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ

ความผิดหวังของวงการแพทย์

ดร.เจสซี กูดแมน ศาสตราจารย์ภาควิชาโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ อธิบายว่า ที่ผ่านมาเทคโนโลยีวัคซีน mRNA ช่วยชีวิตผู้คนเอาไว้ได้นับล้าน แม้ในวงการแพทย์จะยอมรับว่าวัคซีน mRNA ยังไม่ใช่วัคซีนที่สมบูรณ์แบบ การจะแก้ไขให้วัคซีนพัฒนายิ่งขึ้นคือการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อให้เราเข้าใจข้อมูลด้านความปลอดภัยของวัคซีน mRNA มากขึ้น แต่การตัดงบวิจัยทำให้เราไม่สามารถพัฒนาวัคซีน mRNA ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ และยังเสียโอกาสการเป็นผู้นำเทคโนโลยีที่เป็นความหวังของวงการแพทย์อีกด้วย

ดร.พอล ฟรีดรีชส์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายรับมือโรคระบาดประจำทำเนียบขาว สมัยรัฐบาล โจ ไบเดน ย้ำว่า หนึ่งในความท้าทายของการรับมือโรคระบาดคือเวลาที่ต้องใช้พัฒนายาเพื่อป้องกันและรักษาโรค จึงจำเป็นที่เราต้องใช้เทคโนโลยีทุกอย่างที่มีเพื่อรับมือกับโรคระบาดที่อาจพัฒนาให้มีความอันตรายมากขึ้นในอนาคต

ดร.อชิช ชา คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบราวน์ ชี้แจงว่า การโจมตีความปลอดภัยของวัคซีน mRNA โดยกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเรื่องไร้สาระอย่างมาก เพราะต้นทางการสนับสนุนวัคซีน mRNA มาจากความสำเร็จของโครงการ Operation Warp Speed ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ริเริ่มในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก และมีส่วนสำคัญให้ชาวโลกหลายร้อยล้านคนได้รับวัคซีน mRNA ไปกว่า 2 พันล้านโดส กลายเป็นหนึ่งในวัคซีนที่มีการใช้และศึกษาประสิทธิผลและความปลอดภัยมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

หากวันหนึ่งไข้หวัดนกมีการกลายพันธุ์ จนแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คนในวงกว้าง เราอาจต้องเสียใจเมื่อย้อนนึกถึงวันที่เรานำชีวิตของประชาชนมาเสี่ยงกับการตัดสินใจยับยั้งการพัฒนาวัคซีนซึ่งมีหน้าที่ป้องกันการแพร่ระบาดอย่างมีประสิทธิภาพเช่นนี้

ข้อมูลอ้างอิง :

https://healthfeedback.org/claimreview/flu-vaccine-reduces-risk-flu-related-illness-hospitalization-even-though-hasnt-eradicated-flu/
https://www.usatoday.com/story/news/factcheck/2020/08/16/fact-check-flu-vaccine-hasnt-eradicated-virus-but-has-reduced-burden/3319252001/