พม. เผยแนวทางช่วยเหลือเด็กได้รับผลกระทบโควิด

กทม. 21 ส.ค.-พม. เผยแนวทางช่วยเหลือเด็กกำพร้า เด็กขาดผู้ดูแลจากผลกระทบโควิด-19 ทั้งนี้พบเด็กติดเชื้อมากขึ้น เฉลี่ยกว่า 2,000 รายต่อวัน

นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รองปลัด พม.) ในฐานะโฆษกกระทรวง พม. เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น กระทรวง พม. มีความห่วงใยกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือโดยด่วน ขณะนี้พบว่าเด็กติดเชื้อมีจำนวนมากขึ้น โดยเฉลี่ยติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 2,000 รายต่อวัน และเด็กติดเชื้อสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-19 สิงหาคม 2564 มีจำนวน 104,392 คน ซึ่ง กทม. เป็นจังหวัดที่มีเด็กติดเชื้อมากที่สุดถึง 11,107 คน


นางสาวแรมรุ้ง กล่าวต่อไปว่า กระทรวง พม. ได้ดำเนินการช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ดังนี้ 1) คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ให้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทุกระดับในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้มีกลไก การกำกับติดตาม และประสานส่งต่อเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ และ 2) กระทรวง พม. ได้พัฒนาแนวทางการประสานงานส่งต่อการช่วยเหลือเด็กรวมถึงผู้ปกครอง โดยจัดกลุ่มเด็กที่ได้รับผลกระทบออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เด็กพึงได้รับการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพ เช่น ยากจน เลี้ยงดูมิชอบ ทารุณกรรม ผู้ปกครองไม่สามารถเลี้ยงดูได้ กลุ่มที่ 2 เด็ก พ่อแม่หรือผู้ปกครองติดเชื้อ และ กลุ่มที่ 3 เด็กติดเชื้อ พ่อแม่หรือผู้ปกครอง ไม่ติดเชื้อ กลุ่มที่ 4 เด็กไม่ติดเชื้อ พ่อแม่หรือผู้ปกครองติดเชื้อ และกลุ่มที่ 5 เด็กกำพร้า กรณีบิดามารดาหรือผู้ปกครองเสียชีวิตจากการติดเชื้อ มีจำนวน 234 คน ในพื้นที่ กทม. และ 48 จังหวัด แบ่งเป็นกำพร้าบิดา กำพร้ามารดา และกำพร้าบิดาและมารดา ทั้งนี้มีเด็กที่ได้รับการช่วยเหลือดูแลที่ครอบคลุม โดยเข้าสู่ระบบการจัดการรายกรณี ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม-19 สิงหาคม 2564 รวมจำนวน 2,900 คน

นางสาวแรมรุ้ง กล่าวต่อไปอีกว่า กระทรวง พม. ยังมีกลไกการเข้าถึงกลุ่มเด็กและประชาชนที่ประสบปัญหาทางสังคมเชิงรุก ได้แก่ 1) อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ทั่วประเทศ 195,360 คน แบ่งเป็น กทม. 5,119 คน และจังหวัด 190,241 คน 2) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง และ “Mobile Application คุ้มครองเด็ก” เป็นช่องทางการแจ้งเหตุครอบคลุมทุกสภาพปัญหา รวมถึงเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และ 3) การจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวง พม. กองทุนความเสมอภาคเพื่อการศึกษา กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และเปิดบริการ Line Official Account @savekidscovid19 เพื่อเป็นศูนย์กลางประสาน เชื่อมต่อบริการของหน่วยงาน องค์กรเอกชน ภาคประชาสังคม และอาสาสมัครในการช่วยเหลือเด็กและ ครอบครัวได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งเด็กติดเชื้อหรือผู้ปกครองติดเชื้อ หรือเด็กผู้ปกครอง และสมาชิกในครอบครัวติดเชื้อทั้งหมด รวมทั้งเด็กที่ไม่มีผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเสียชีวิตจากโควิด-19 ทั้งนี้ เมื่อข้อมูลจาก Line OA ที่แจ้งเหตุเข้ามาไม่ว่าจะที่ไหนในประเทศไทยจะถูกส่งต่อเข้าระบบระบบสารสนเทศเพื่อการคุ้มครองเด็ก Child Protection Information System (CPIS) แบบ Real Time โดยมีบ้านพักเด็กและครอบครัว 77 แห่ง เป็นผู้จัดการรายกรณี รับหน้าที่เป็นผู้ประสานการช่วยเหลือตามสภาพปัญหาและความต้องการของเด็กและครอบครัว สำหรับ กทม. แบ่งพื้นที่การทำงานเป็น 6 โซน ตามการแบ่งโซนของ กทม. ได้แก่ 1) กรุงเทพเหนือ 7 เขต 2) กรุงเทพตะวันออก 9 เขต 3) กรุงเทพกลาง 9 เขต 4) กรุงเทพใต้ 10 เขต 5) กรุงธนเหนือ 8 เขต และ 6) กรุงธนใต้ 7 เขต อีกทั้งมีรูปแบบการจัดบริการความช่วยเหลือด้านกาย จิต สังคม การศึกษา ที่มุ่งเน้นการป้องกันการแยกเด็กออกจากครอบครัว เพื่อลดผลกระทบเชิงลบทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อเด็กที่เกิดจากการพรากจากผู้ดูแล นอกจากนี้ กระทรวง พม. ยังได้เสริมสร้างความสามารถขององค์กรและแสวงหาความร่วมมือ เพื่อการให้บริการแบบไร้รอยต่อ ด้วยแนวปฏิบัติและการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) โดยความร่วมมือกับองค์กรยูนิ เซฟ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเครือข่ายการเลี้ยงดูเด็กทดแทน (Alternative Care Network) ด้วยการจัดทำคู่มือและการฝึกอบรม


นางสาวแรมรุ้ง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนโยบายการให้ความช่วยเหลือเด็กในสถานการณ์โควิด-19 ที่พ่อแม่ ผู้ปกครองอยู่ระหว่างการรักษา หรือยังไม่มีความพร้อมในการรับเด็กกลับไปเลี้ยงดู รวมถึงกรณีที่พ่อแม่ ผู้ปกครองเสียชีวิต ผ่านระบบการเลี้ยงดูทดแทนรูปแบบต่าง ๆ แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะแรก เป็นการเลี้ยงดูทดแทนแบบฉุกเฉินสำหรับเด็กกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงที่ต้องได้รับการดูแลในระยะกักตัว 14 วัน เพื่อติดตามอาการในสถานที่กักตัว (State Quarantine-SQ) กรณีไม่สามารถจัดหา SQ ได้ จะส่งเด็กให้อยู่ในการดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว 77 แห่ง 2) ระยะที่สอง เป็นการเลี้ยงดูทดแทนแบบชั่วคราวสำหรับเด็กที่พ้นระยะกักตัว 14 วัน ที่พ่อแม่ ผู้ปกครองยังไม่มีความพร้อมในการรับเด็กกลับไปเลี้ยงดู หรือพ่อแม่ ผู้ปกครองเสียชีวิต แบ่งเป็น 2.1) ครอบครัวเครือญาติอุปถัมภ์ โดยญาติรับเลี้ยงดูเด็กทั้งในระยะสั้นและยาว 2.2) ครอบครัวอุปถัมภ์ โดยครอบครัวอาสาสมัครที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติรับเลี้ยงดูเด็กตามระยะเวลาที่กำหนด 2.3) สถานสงเคราะห์ ซึ่งจะเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กชั่วคราว ผ่านการจัดบริการด้านต่าง ๆ ในระยะยาว และ 3) ระยะที่สาม เป็นการเลี้ยงดูในครอบครัวทดแทนถาวร โดยครอบครัวบุญธรรมคนไทยและคนต่างชาติที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติที่จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมายที่กำหนด โดยมีสิทธิ หน้าที่ และความผิดชอบต่อเด็กตามกฎหมาย นอกจกานี้ ยังมีระบบอาสาสมัครดูแลเด็ก โดยร่วมมือกับกองทุนความเสมอภาคเพื่อการศึกษา (กสศ.) พัฒนาระบบการรับสมัครอาสาสมัครในการดูแลเด็กประเภทต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะสามารถขับเคลื่อนได้เต็มรูปแบบในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

นางสาวแรมรุ้ง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ กระทรวง พม.ได้มีการจัดตั้งศูนย์แรกรับเด็กและครอบครัว ณ อาคารธัญญารมย์สถาบันพระชาบดี อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ตามมติเห็นชอบของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ซึ่งมี นายจุติ ไกรฤฏษ์ รมว.พม. เป็นประธาน โดยมีกระทรวงสาธารณสุขช่วยดูแลจัดการระบบและดูแลทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัด ซึ่งศูนย์แห่งนี้จะให้การช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทั้งในจังหวัดปทุมธานี กทม. และปริมณฑล สามารถรองรับได้ 10 ครอบครัว (40 เตียง) โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณบางส่วนจากกองทุนเสริมสร้างสุขภาพแห่งชาติ (สสส.) คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนสิงหาคม 2564 ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้พยายามเสริมบริการดูแลเด็กและครอบครัวให้มากที่สุด โดยพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบอย่างครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งขอเชิญชวนประชาชนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเครือข่ายคุ้มครองเด็ก หากพบเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเหตุได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ผ่าน Line OA @savekidscovid19 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 บริการ 24 ชั่วโมง และ Mobile Application คุ้มครองเด็ก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]