มติ มส. เคาะแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง

21 ก.ค.- ที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติมกฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง กรณีการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุที่ผิดพระธรรมวินัย พร้อมกำหนดกรอบเวลาวินิจฉัยรู้ผลภายใน 10 วัน หากมีหลักฐานชัด และขั้นตอนการสละสมณเพศของพระที่กระทำผิด ย้ำการปรับครั้งนี้ เพื่อความรวดเร็วในการจัดการ เพิ่มบทบาทสำนักพุทธฯ แสวงหาข้อมูลและร่วมมือกับหน่วยงานอื่น


รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม ร่วมแถลงข่าวเปิดเผย ภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้

โดย รศ.ดร.ชัชพล ระบุว่าที่ประชุมมหาเถรสมาคม มีมติแก้ไขเพิ่มเติม กฎมหาเถรสมาคม 2 เรื่อง เพื่อใช้ในการเร่งรัดการปฏิบัติต่อพระสงฆ์ที่ประพฤติผิดต่อพระธรรมวินัย หนึ่ง เกี่ยวกับการลงนิคหกรรม หรือการลงโทษภิกษุตามพระธรรมวินัย กฎนี้เดิมตราขึ้นปีตั้งแต่ปี 2521 โดยจะมีการเพิ่มเติมที่ให้อำนาจข้าราชการมีส่วนนำเสนอประเด็นได้โดยไม่ต้องรอคณะสงฆ์อย่างเดียว โดยอำนาจวินิจฉัยยังเป็นคณะสงฆ์ ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นๆ จะมีส่วนในการสนับสนุนข้อมูล พยานหลักฐาน ช่วยเร่งรัดกระชับกระบวนการให้จัดการได้ไวขึ้น


โดยร่างกฎมหาเถรมาคมเรื่องลงนิคหกรรม ที่จะบังคับใช้เพิ่มเติมใหม่ จะมีการเพิ่มเติมหมวด โดยเฉพาะวิธีการปฏิบัติเมื่อปรากฏหลักฐานพระสงฆ์กระทำผิดชัดแจ้ง เช่น แบ่งเป็นในการพิจารณาพระภิกษุที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดพระธรรมวินัย เนื่องจากเสพเมถุน หรือต้องอาบัติปาราชิกอื่นๆ ประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรงที่มีหลักฐานชัดแจ้ง หรือกรณีที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจากการสอบสวนของสำนักงานพระพุทธศาสนาชาติ ปรากฏหลักฐานว่าพระภิกษุเสพเมถุนหรือต้องอาบัติปาราชิกอื่นๆ หรือประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นำเสนอ ผู้มีอำนาจลงนิคหกรรม เพื่อมีคำสั่งลงนิคหกรรม ได้ หรือจะแต่งตั้งคณะกรรมการกลางขึ้น ส่วนในต่างจังหวัด เป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภานใน10 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการเสนอให้ทราบ และกรณีนั้นปรากฏหลักฐานชัดเจน

กรณี พระที่สังกัดวัดแห่งหนึ่ง ไปปฏิบัติความผิดอีกที่ นอกเขตที่พระภิกษุสังกัด กรณีนี้ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีอำนาจในการให้พื้นที่เขตอำนาจปกครองของคณะสงฆ์ในพื้นที่ที่พบการกระทำความผิดจัดการ หรือพิจารณาเสนอต่อมหาเถรสมาคม มอบให้คณะกรรมการกลางพิจารณา

การเร่งรัดการลงนิคหกรรม ที่ผ่านมา ที่ดำเนินการล่าช้านั้น เดิมไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลา เจ้าคณะปกครองอยู่ใต้อำนาจของมหาเถรสมาคม ดังนั้นจึงกำหนดกรอบภายในระยะเวลา 10 วันหากปรากฏหลักฐานชัดแจ้ง ข้าราชการที่มีอำนาจในการสนองงาน หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็จะเป็นความผิดของเจ้าพนักงานนั้น


การเร่งรัดการดำเนินงานนิคหกรรม ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีอำนาจร่วมเร่งรัดติดตามผลดำเนินการและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อการสืบหาพยานหลักฐานและสนับสนุนการออกคำสั่งลงนิคหกรรม หรือกรณี พศ.ได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถหยิบยกขึ้นมาให้กรรมการกลางที่มหาเถรสมาคมตั้งขึ้นมาวินิจฉัยพิจารณาได้เลย

อีกประเด็น ที่แก้ไขกฎมหาเถรสมาคม คือ เรื่องสละสมณเพศ เดิมตราไว้ตั้งแต่ปี 2538 จนถึงปัจจุบันอาจยังมีความไม่ครอบคลุม จึงต้องเพิ่มรายละเอียด ข้อกำหนดลักษณะเฉพาะของพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นของพระที่ละเมิดพระธรรมวินัย กรณีพระภิกษุที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัยอยู่บ่อยครั้ง หรือปรากฏข้อเท็จจริงหรือมีพยานหลักฐานชัดแจ้งว่ามีการกระทำเข้าข่ายต้องอาบัติ ประเภทครุกาบัติ หรือพบพฤติการณ์ว่า หากปล่อยให้ดำรงสมณเพศต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคณะสงฆ์

กรณีพระภิกษุรูปใดพบกระทำผิด ให้พศ.เป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริงรายงานต่อเจ้าคณะเจ้าปกครองและให้ดำเนินการสละสมณเพศ โดยกรณีพระสงฆ์ทั่วไปให้เสนอเรื่องต่อเจ้าคณะภาค กรณีเป็นพระสังฆาธิการคือพระภิกษุที่มีตำแหน่งปกครองให้เสนอเรื่องต่อเจ้าคณะใหญ่ เว้นแต่ กรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค เจ้าคณะใหญ่ หรือเป็นพระราชาคณะ ส่งเรื่องให้มาที่มหาเถรสมาคมวินิจฉัย หากมีการขัดคำสั่งคณะสงฆ์ไม่ยอมสละสมณเพศ ให้ขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในการดำเนินการสละสมณเพศ

กรณีต้องอาบัติปาราชิก วิธีการสึกให้เปลื้องจีวร โดยจะกล่าวคำลาสิกขาด้วยหรือไม่ก็ได้ เพื่อเป็นพยานหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ พศ. ที่เกี่ยวข้องบันทึกลงฐานข้อมูลลงระบบทางออนไลน์ด้วย เป็นต้น

ด้าน ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎเรื่องการลงนิคหกรรม ตราไว้ตั้งแต่ปี 21 จนถึงปัจจุบัน 47 ปีแล้ว ยกตัวอย่างเช่นมีการบัญญัติไว้ว่า เมื่อพบพระก็ทำผิดพระธรรมวินัยในยุคสมัยนั้นมีเพียงพยานบุคคลหรือพยานเอกสารและเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในที่ลับหูลับตาผู้คน กฎกติกาที่เขียนในเวลานั้นก็มีขั้นตอนกว่าจะเป็นที่ยุติใช้เวลานาน ทำให้กว่าจะได้ข้อสรุป และยังมีความคลุมเครืออยู่เสมอ แต่ในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ชัดเจนว่าหลายเคส มีพยานหลักฐาน ทั้งทางเทคโนโลยี และหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มีคลิป มีแชท จำเป็นจะต้องกำหนดกฎขึ้นมาใหม่เพื่อให้นำหลักฐานเหล่านี้เข้ามาสู่การพิจารณาในกระบวนการได้ แต่ย้ำว่าเรื่องพระธรรมวินัย อำนาจการพิจารณาใครผิดใครถูกยังเป็นของคณะสงฆ์ ส่วนหน่วยงานอื่นๆ ไม่ได้เป็นผู้ชี้ขาด แต่เป็นเพียงผู้สนับสนุนข้อมูล พยานหลักฐานที่ได้มา ก็อาจมาจากหน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีผู้มาแจ้งเบาะแส ก็จะนำส่งต่อให้คณะสงฆ์ในชั้นปกครองพิจารณา และสุดท้ายต้องมีกรอบเวลาในการพิจารณาต้องเสร็จภายใน 10 วันเท่านั้น ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน และการวินิจฉัยถือเป็นการสิ้นสุด

โดยขั้นตอนหลังจากที่ประชุมมีมติมหาเถรสมาคมในวันนี้ จะมีการตามขั้นตอนเพื่อตราเป็นกฎมหาเถรสมาคม และลงประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ ให้มีผลตามประกาศต่อไปโดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ส่วนบรรยากาศที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ในการประชุมมหาเถรสมาคม มีกรรมการมหาเถรสมาคมเข้าร่วม โดยมี สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร พร้อมด้วย สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พระพรหมมุนี วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร พระพรหมวชิรเวที วัดปทุมวนาราม พระพรหมดิลก วัดสามพระยา พระพรหมสิทธิ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พระพรหมวชิรรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร พระพรหมวชิรวิมล วัดบวรนิเวศวิหาร พระพรหมวชิรมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม พระพรหมวชิรากร วัดราชผาติการามวรวิหาร พระพรหมกวี วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

โดยมี นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม และ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม เข้าร่วม -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]