มหาสารคาม 19 ก.พ.- วานนี้ ครอบครัว “หาญพาณิชย์พันธุ์” ประกอบพิธีฌาปนกิจศพ นพ.ปัญญา แพทย์คนแรกที่เสียชีวิตจากโควิด-19 เพราะตรวจคนติดเชื้อถึง 3 คน ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้า เช้านี้ทีมข่าวสำนักข่าวไทย ไปสำรวจหน้าคลินิกของนายแพทย์ปัญญา พบมีชาวบ้านหลายคนมาวางดอกไม้หน้าคลินิกเพื่อเป็นการไว้อาลัย
นี่เป็นบรรยากาศหน้าคลินิกปัญญาการแพทย์ หัวมุมถนนศรีราชวงศ์ บริเวณหน้าตลาดสดเทศบาลเมืองมหาสารคาม ที่ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นทั้งคนไข้ และคนรู้จัก ทยอยวางดอกไม้ไว้อาลัยต่อการจากไปของ นพ.ปัญญา หาญพาณิชย์พันธุ์ ผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 18 ของการระบาดระลอกใหม่ในจังหวัดมหาสารคาม และเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 83 ของประเทศไทย โดยมีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ 3 คนที่มาตรวจโรคที่คลินิก
หลายคนที่มาวางดอกไม้ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่า คุณหมอปัญญาเป็นแพทย์ที่ใจดี มีเมตตากับคนไข้ทุกคน โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ อย่างคุณยายวัย 74 ปีคนนี้ เล่าด้วยน้ำตาคลอว่า เป็นคนไข้ของคุณหมอปัญญา ตื่นแต่เช้า เพื่อมาวางดอกไว้อาลัยให้กับคุณหมอที่เป็นขวัญใจของคนจน ตัวเองเป็นคนไข้ประจำ เมื่อปลายปีได้พาหลานมาหาหมอ ซึ่งคลินิกอื่นไม่มีใครรับตรวจ แต่คุณหมอปัญญามีเมตตา บอกให้เข้ามาตรวจได้ คิดค่ารักษาแต่ละครั้งก็ไม่แพง กระทั่งช่วงต้นเดือนมกราคม เหมือนเป็นลาง คุณหมอบอกไม่ต้องมาหาแล้ว
สธ.แจงหมอปัญญาติดเชื้อจากละอองฝอยผู้ป่วยโควิด
พูดถึงเรื่องใส่หน้ากากอนามัย ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งโต๊ะแถลงสาเหตุที่คุณหมอปัญญาติดเชื้อจากผู้ป่วยโควิด โดย นพ.จักรรัฐ แพทยาวงศ์อานนท์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา และ นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ คาดว่าคุณหมอปัญญาติดเชื้อมาจากละอองฝอยของผู้ป่วยในจังหวะที่ให้ผู้ป่วยอ้าปาก และออกเสียงเพื่อตรวจอาการ
“อนุทิน” ลั่นสูญเสียครั้งใหญ่ สั่งปลัด สธ.ลุยสอบสวนโรค
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังคงยืนยันการสูญเสียคุณหมอปัญญาเป็นการสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์ครั้งใหญ่ แม้ท่านเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่เป็นแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ย้ำว่าตอนนี้ได้สั่งให้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่สอบสวนโรคแล้วว่า ผู้ป่วยที่มาตรวจกับคุณหมอปัญญารู้ตัวมาก่อนหรือไม่ว่าติดเชื้อหรือรู้ตัวว่าติด แต่ไม่ไปรักษาหรือหาหมอที่โรงพยาบาล เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ชัดเจนในการวางมาตรการต่างๆ ต่อไป
ด้านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ออกมายอมรับ ขณะนี้ยังต้องเฝ้าระวังและเชิงรุกคัดกรองผู้ป่วย เนื่องจากพบผู้ป่วยที่เป็นสามีภรรยาเกี่ยวข้องกับคลัสเตอร์โต๊ะแชร์ติดโควิด โดยครั้งแรกสามีไปตรวจเชื้อมา 2 รอบในวันที่ 28 มกราคม และวันที่ 3 กุมภาพันธ์ แต่ช่วงนั้นผลตรวจออกมาเป็นลบ กระทั่งวันที่ 14 กุมภาพันธ์เกิดมีอาการไข้ ไปหาหมอที่โรงพยาบาลขอนแก่น หมอตรวจอีกรอบ พบว่าผลตรวจออกมาเป็นบวก จึงรับตัวไว้รักษา ขณะที่ภรรยา ได้มาตรวจโรคพร้อมกับกลุ่มเสี่ยงอีก 20 คน ผลตรวจออกมาว่าภรรยาติดโควิด
ทำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามต้องขอความร่วมมือประชาชนในเขตอำเภอเมืองมหาสารคามที่ไปยังร้านชัยอะไหล่ยนต์ เขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ช่วงวันที่ 4-15 กุมภาพันธ์, ร้านจําหน่ายสินค้า OTOP สี่แยกโรงเรียนผดุงนารี ช่วงวันที่ 24 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์, ที่วัดป่าวังน้ำเย็น ต.เกิ้ง อ.เมืองมหาสารคาม ช่วงวันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2564 เข้ารับการประเมินคัดกรองความเสี่ยงโควิด-19 ตามมาตรการเฝ้าระวังเชิงรุก รวมถึงหากอาศัยอยู่นอกเขตอำเภอเมือง ให้รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้าน และขอความร่วมมือกักตัวที่บ้าน 14 วัน เพื่อสังเกตอาการ หากมีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ขอให้เข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลทันที รวมถึงให้โหลดแอปหมอชนะ หรือจดบันทึกการเดินทาง จากนี้ไปเป็นเวลา 14 วัน และปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างกัน สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ รวมถึงตรวจวัดอุณหภูมิทุกวัน โดยเคร่งครัด หากสงสัยให้โทรสายด่วน 095-180-7712.-สำนักข่าวไทย
