ภูเก็ต 29 ก.พ.- แพทย์หญิงถูกชายต่างชาติเตะคว่ำ ขณะนั่งพักบนบันไดหน้าวิลล่าหรูชายหาดแหลมยามู ภูเก็ต แถมถูกภรรยาชาวไทยดูถูก อ้างลูกเป็นตำรวจ รู้จักนายตำรวจใหญ่ จะเอาเข้าคุกให้ได้
แพทย์หญิงผู้เสียหาย ซึ่งเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต ได้ถ่ายคลิปเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เหตุเกิดเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 19.30 น. ขณะไปเดินเล่นที่หาด Cape Yamu ใกล้บ้าน ได้แวะไปนั่งพักที่บันไดขั้นสุดท้ายของวิลล่าดังแห่งหนึ่ง ซึ่งปลูกลงมาบริเวณชายหาด ระหว่างนั้นกลับถูกชาวต่างชาติ น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม เดินเข้ามากระหน่ำเตะที่กลางหลังจนร่วง ทั้งที่ไม่รู้จักหรือมีเรื่องอะไรกันมาก่อน และยังถือโทรศัพท์อัดคลิป พร้อมสบถด่าคำหยาบออกมา ตนจึงไปหายามที่ป้อมริมหาดว่าโดนทำร้าย และพากันกลับไปที่เกิดเหตุ ชายต่างชาติคนดังกล่าวได้แสดงอาการโกรธ สบถคำด่าออกมาอีกและยังบอกว่าไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้านบาท มาให้นั่งหน้าบ้าน
ขณะที่ภรรยาชาวไทยที่ตามออกมาที่หลังยังออกมาด่าซ้ำด้วยคำพูดหยาบคาย ขึ้นมึง กู ทั้งขู่ว่า ถ้ายิงพวกตนตาย ตัวเองก็ไม่ผิด เพราะมีลูกเป็นตำรวจ รู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต และจะเอาตนติดคุกให้ได้ ทั้งยังโทรหาตำรวจยศใหญ่ให้ส่งตำรวจมา ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 คนมาจริงๆ และพยายามเคลียร์เรื่อง โดยบอกว่าผิดกันทั้งสองฝ่าย โดยพวกตนผิดฐานบุกรุก โทษหนักกว่าต้องติดคุก 4 ปี ขณะที่ฝ่ายชาวต่างชาติผิด ฐานทำร้ายร่างกาย จ่ายเงินก็จบ แถมยังบอกให้ตนยอมความ เรื่องจะได้ไม่ถึงโรงพัก
ตนจึงเสนอให้ 3 ทางเลือก คือ 1. ให้ต่างคนต่างขอโทษแล้วจบ 2. ต่างคนต่างไม่ต้องขอโทษ 3. ไปคุยกันที่โรงพัก ซึ่งฝ่ายชาวต่างชาติบอกไม่ขอโทษ แต่จะให้ฝ่ายตนขอโทษ และต้องติดคุก หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความที่ สภ.ถลาง เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยร้อยเวรเจ้าของคดีนัดมาให้ปากคำวันนี้ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียดหยามเรื่องเพศภาพหญิงไทย และไม่อยากให้คนไทยคนอื่นมาเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ ทั้งที่อยู่บริเวณชายหาดสาธารณะ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทย
ขณะที่เมื่อวาน บิดาของแพทย์หญิงผู้เสียหายได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เพื่อให้สังคมออนไลน์ช่วยเรียกร้องขอความยุติธรรมให้ลูกสาว เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากทราบมาว่า คู่กรณีชาวสวิส เป็นเจ้าของมูลนิธิแห่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือช้างที่มีอิทธิพลในภูเก็ต มีตำรวจยศใหญ่คอยช่วยเหลือ ดูแลอยู่เบื้องหลัง
หลังโพสต์เรื่องราวดังกล่าวออกไป มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติดังกล่าวที่มาอยู่บนแผ่นดินไทย บางส่วนเรียกร้องให้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวว่า มีที่มาอย่างไร บันไดที่ยื่นลงไปชายหาดนั้นรุกที่สาธารณะหรือไม่ รวมถึงต่อว่าการทำหน้าที่ของตำรวจที่เข้าไประงับเหตุด้วย .-สำนักข่าวไทย
