ยันพล.ต.อ.สมยศ นำสายประสิทธิ ตรวจความเร็วรถบอส อยู่วิทยา

รัฐสภา 19 ส.ค.- “พ.ต.อ.ธนสิทธิ์” เปิดชื่อ “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” เอี่ยวพา “สายประสิทธิ์” พบพนักงานสอบสวน เรื่องความเร็วรถ “บอส อยู่วิทยา” กลางกรรมาธิการฯ แต่แจงไม่ตรงกับ “พล.ต.อ.มนู -พ.ต.อ.วิรดล” ที่ยันไม่ได้มา พร้อมลั่นไม่มีอำนาจก้าวก่าย ขณะที่ถูกกมธ.จี้ ถามปมคำนวณความเร็ว ด้าน “ธานี” ปัดชี้นำอัยการสูงสุด และไม่เคยมีมติให้ “พล.ต.อ.สมยศ” ไปพบพนักงานสอบสวน


คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ประชุมร่วมกับ คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎรที่มี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เพื่อพิจารณาคดีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต

คณะกรรมาธิการฯ เชิญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.วิรดล ทัมทิบดี อดีตผู้กำกับ สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และนายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. แต่ พล.ต.อ.สมยศ ได้ส่งหนังสือเลื่อนการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ โดยไม่ได้ระบุว่าจะมาชี้แจงในวันใด แต่ในหนังสือระบุว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เคยพิจารณาเรื่องนี้ไว้แล้ว สามารถสืบค้นได้จากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร


พล.ต.อ.มนู ชี้แจงถึงการสอบปากคำ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เรื่องการตรวจวัดความเร็วรถได้ 177 กม.ต่อ ชม.โดยยอมรับว่า ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559ได้เรียก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ และผู้บังคับการพิสูจน์หลักฐานกลาง นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์มหาวิทยาเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ พ.ต.อ.วิรดล ให้มาเข้าพบ ยืนยันว่า พิสูจน์หลักฐานเป็นหน่วยงานอิสระ ฉะนั้น ใครจะแทรกแซงก้าวก่ายไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาไม่สามารถไปกดดันได้เลย ตนปล่อยให้ทั้ง 3 ฝ่ายคุยกันอย่างอิสระ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมของแต่ละฝ่าย และมารู้ภายหลังว่า สรุปแล้วความเร็ว 79 กม.ต่อ ชม. ซึ่งส่วนตัวเข้าใจว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าการคำณวนของนายสายประสิทธิ์ถูกต้อง จึงเปลี่ยนคำให้การจาก 177 กม.ต่อ ชม. เป็น 79 กม.ต่อ ชม.

ทั้งนี้ เมื่อกรรมาธิการพยายามซักถามว่า เหตุใดจึงมีชื่อของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ดำรงตำแหน่ง สนช. ในขณะนั้นมาเกี่ยวข้อง ซึ่งพล.ต.อ.มนู ยืนยันว่า พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้มาด้วย และไม่มีทางที่ใครจะสั่งนักวิทยาศาสตร์ได้ การพิสูจน์หลักฐานมีความเป็นอิสระ ไม่มีใครก้าวก่ายได้พร้อมยืนยันว่าไม่รู้จักกับนายสายประสิทธิ์ เป็นการส่วนตัว แต่เห็นว่า นายสายประสิทธิ์เคยมาช่วยกองพิสูจน์หลักฐานกลางหลายคดี โดยเฉพาะคดีของเสี่ยชูวงษ์ และยังเคยเป็นอาจารย์บรรยายเรื่องความเร็วให้กับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน

ขณะที่ พ.ต.อ.วิรดล ยืนยันว่า ไม่รู้จักนายสายประสิทธิ์ เพียงแต่เห็นมีบุคคลภายนอกหนึ่งคนอยู่ในห้องของ พล.ต.อ.มนู ซึ่งเป็นผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐานกลางในขณะนั้น และในวันดังกล่าว ตนแค่บังเอิญเข้าไปสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจาก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์


นายรังสิมันต์ โรม กรรมาธิการฯตั้งคำถามว่า ตกลงใครเป็นผู้นำนายสายประสิทธิ์เข้ามาคำนวณความเร็วในคดีนี้ เพราะแต่ละคนชี้แจงว่า ไม่รู้จัก นายสายประสิทธิ์สักคน ทำให้พล.ต.อ.มนู ยอมรับว่า ตนก็ไม่ทราบว่าใครเป็นคนพามา แต่เข้าใจว่า พนักงานสอบสวนในคดีนี้นำนายสายประสิทธิ์เข้ามา และช่วงนั้น นายสายประสิทธิ์อาจจะมีวิธีการคำนวณความเร็วในแบบฉบับของนายสายประสิทธิ์ แต่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ อาจจะไม่มีเวลาดูว่า วิธีการคำนวณมีข้อผิดพลาดอย่างไร จึงเชื่อโดยสนิทใจ แต่ไม่กี่วันผ่านไป กลับไปทบทวน ก็ได้ความเร็วเท่าเดิมคือ 177 กม.ต่อ ชม. แต่พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนไปให้อัยการแล้ว

จากการชี้แจงของ พล.ต.อ.มนู ทำให้ นายรังสิมันต์ พยายามซักถามอีกว่า ก่อนหน้านี้ ตามเอกสารของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ระบุว่า พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนนำนายสายประสิทธิ์ เข้ามา ด้านพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ชี้แจงเพียงสั้น ๆ ว่า ตนได้ส่งเอกสารให้นายสิระทั้งหมดแล้ว ขอยืนยันตามเอกสาร

นายรังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่า อยู่ดี ๆ นายสายประสิทธิ์จะเดินเข้ามาเองไม่ได้ พล.ต.อ.มนู เป่าคดีหรือไม่ ทำให้ พล.ต.อ.มนู พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า มากล่าวหาว่าเป็นคนเป่าคดี หมายความว่าอย่างไร ซึ่งนายรังสิมันต์ ตอบว่า เป็นเพียงการตั้งคำถามเท่านั้น

จากนั้น กรรมาธิการฯ ได้ซักถามย้ำถึง คนที่นำนายสายประสิทธิ์เข้ามาคำนวณความเร็ว โดย พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ยังยืนยันเช่นเดิมว่า เป็นไปตามเอกสารที่ส่งให้ และเมื่อกรรมาธิการฯ ถามว่า คือ พล.ต.อ.สมยศ ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ก็ตอบกลับว่า ครับ

ขณะที่ พล.ต.อ.มนู กล่าวว่า ประเด็นของคดีนี้ ไม่ได้อยู่ที่ใครนำนายสายประสิทธิ์เข้ามา เพราะไม่มีใครสามารถก้าวก่ายแทรกแซงได้อยู่แล้ว แต่ประเด็นอยู่ที่การคำนวณความเร็วมากกว่า ไม่ว่าใครจะพานายประสิทธิ์มา ก็ไม่มีผลอะไร และหาก พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ถูกกดดันจริง ในวันนั้น ก็สามารถมาบอกตนให้แก้ปัญหาได้ และจะทำให้ไม่เกิดปัญหามาจนถึงทุกวันนี้

ต่อมา นายรังสิมันต์ ได้ถามย้ำพล.ต.อ.มนู ว่า ในวันดังกล่าว พล.ต.อ.สมยศ นำนายสายประสิทธิ์ มาจริงหรือไม่ โดยพล.ต.อ.มนู ไม่ตอบ และขอตัวออกจากห้องประชุม เนื่องจากต้องไปชี้แจงกรรมาธิการงบประมาณ และได้ย้ำกับสื่อมวลชนขณะออกจากห้องประชุมกรรมาธิการฯว่า ในวันนั้น ตนไม่เห็น พล.ต.อ.สมยศ ตามข้อมูลของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ในฐานะ ผบ.สอบสวน หลักฐานตำรวจ ยืนยันมีความอิสระ ไม่มีใครมาก้าวก่าย ถ้าผิดพลาดยังสามารถร้องให้หน่วยงานอื่นตรวจสอบได้ ขอยืนยันว่า ไม่ว่าใครพามาก็แล้วแต่ ไม่มีผลอะไรเลย ไม่มีสาระสำคัญอะไร และถ้า พ.ต.อ. ธนสิทธิ ไม่ไหว ตั้งแต่วันนั้นก็บอกตนได้

เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.วิรดล ที่ยืนยันว่า ตนไปคนเดียว ไม่ได้ไปกับ พล.ต.อ.สมยศ และเห็นว่าการสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ เป็นเรื่องของพนักงานอัยการ

เมื่อถูกกรรมาธิการสอบถามหลายครั้งที่สุด พ.ต.อ.ธนสิทธิ ยอมเปิดเผยชื่อชัด ว่าพล.ต.อ.สมยศ มาพร้อมพ.ต.อ.วิรดล นำนายสายประสิทธิ์ มาพบเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 จากนั้น ชี้แจงเหตุการณ์ อย่างละเอียดขั้นตอนการเก็บหลักฐาน การพิจารณาความเร็ว ที่เชื่อการคำนวณของนายสายประสิทธิ เพราะเห็นเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเมื่อได้ทบทวน แล้วมาพบความคลาดเคลื่อนก็ได้พยายามรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อขอแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ได้รับแจ้งว่าหมดอายุความแล้ว ส่วนที่ระบุว่ากดดัน และมีความเครียด เป็นเพราะเป็นการคำนวณดังกล่าวเป็นรูปแบบใหม่ อีกทั้ง มีอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาพบ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ขณะนี้นายวิชา มหาคุณ ประสานตำรวจคุ้มครองพยานเข้ามาดูแลแล้ว

กรรมาธิการฯได้ซักถาม พ.ต.อ.วิรดล ถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ พยายามขอเปลี่ยนแปลงคำให้การเพื่อยืนยันความเร็วที่ 177 กม.ต่อ ชม.เหมือนเดิม เพราะเห็นว่า การคำนวณของนายสายประสิทธิ์ผิดพลาดนั้น พ.ต.อ.วิรดล กล่าวว่า เนื่องจากได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการไปแล้ว และขณะนั้น ตนได้ย้ายออกไป ไม่ได้เป็นผู้กำกับ สน.ทองหล่อแล้ว ประกอบกับ มีอีกคดีหนึ่งที่อยู่ในความรับผิดชอบ ทำให้ไม่ได้สนใจ

พ.ต.อ.วิรดล ยังยอมรับว่า ใส่วันที่สอบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เท็จ เนื่องจากมีความผิดพลาดในเรื่องของคำให้การที่ตอนแรกตั้งใจว่า จะสอบเรื่องความเร็วอีกครั้งในวันที่ 2 มีนาคม แต่ปรากฎว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แจ้งว่า ได้ผลการคำนวนตั้งแต่ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จะเอาไปเลยหรือไม่ พ.ต.อ.วิรดล จึงจะรับรายงานไปเลย พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จึงได้ทำรายงานการคำนวณให้ ประกอบกับ พนักงานอัยการเร่งรัดให้ส่งสำนวน จึงไม่ได้สอบปากคำ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ อีกครั้งในวันที่ 2 มีนาคมตามที่ตั้งไว้ แต่ยืนยันว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ได้ยืนยันความเร็วที่ 79 กม.ต่อ ชม.มาตลอด จนถึง 2 มีนาคม แต่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เพิ่งจะมาขอเปลี่ยนในวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งขณะนั้นได้ส่งสำนวนไปเรียบร้อยแล้ว

พ.ต.อ.วิรดล ยังเปิดเผยไทม์ไลน์พยานสำคัญ 2 ปากว่า นายจารุชาติ มาดทอง เข้ามาเป็นพยานในคดีนี้ตั้งแต่ปี 2555 แต่ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร เข้ามาเป็นพยานในสำนวนเมื่อปี 2558 โดยคำสั่งของอัยการ ให้พนักงานสอบสวนสอบพยานปากนี้เพิ่ม

ขณะที่นายธานี อ่อนละเอียด ยืนยันว่า กรรมาธิการ สนช. ดำเนินการถูกต้องทุกประการ ไม่มีอำนาจสั่งการอัยการหรือพนักงานสอบสวน เพียงมีการร้องขอความเป็นธรรมมายัง กรรมาธิการจึงต้องตรวจสอบและส่งเรื่องให้อัยการ เปรียบเสมือนพนักงานไปรษณีย์ ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักนายสายประสิทธิ์ และไม่ทราบว่าเคยไปคำนวณความเร็วในชั้นพนักงานสอบสวน ก่อนมาชี้แจงในกรรมาธิการ สนช.

กรรมาธิการพยายามสอบถามนายธานี ว่ารายงานของ สนช. ชี้นำอัยการสูงสุดให้เชื่อในพยานที่เพิ่มเข้ามาหรือไม่ ทำให้นายธานี ย้อนว่า เป็นการกล่าวหาเกินไป เพราะในรายงานเขียนแค่ข้อเท็จจริงที่พยานแต่ละคนให้การมาเท่านั้น และยืนยันไม่เคยมีมติให้พล.ต.อ.สมยศ ไปพบพนักงานสอบสวน

นายรังสิมันต์ โรม ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด กรรมาธิการ สนช. สอบคนละประเด็นที่บอส วรยุทธ ร้องมา และเหตุใด ไม่เชิญพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ มาชี้แจงเรื่องความเร็ว แต่เชิญนายสายประสิทธิ์ มาชี้แจง ถือเป็นความบกพร่องของการทำงาน สนช. เวลานั้น หรือไม่ และกรรมาธิการ สนช. อาจมีส่วนรู้เห็นในคดีนี้หรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าในเอกสารายงานการประชุม กรรมิการ สนช. นั้น ได้มีการประชุมลับหัวข้อใดเพราะดูเหมือนว่าจะมีการหารือเรื่องความเร็วในช่วงนั้นพอดีและเอกสารช่วงนั้นหายไป 8 หน้า อีกทั้งเป็นการประชุมนัดสุดท้าย ก่อนที่จะส่งความเห็นไปยังอัยการ ซึ่งนายธานี ระบุว่า มีเวลาจำกัดในการทำงาน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]