ทำเนียบรัฐบาล 4 ต.ค.-นายกฯ รับมอบยาต้านโควิด- วัคซีนแอสตราเซเนกาจากรัฐบาลเยอรมนี ย้ำความเป็นพันธมิตรสำคัญ เห็นพ้องความมีศักยภาพหลายมิติที่จะร่วมกันทำพัฒนาให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับมอบยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จำนวน 2,000 ยูนิต ผ่านนายเก-ออร์ค ชมิท (H.E. Mr. Georg Schmidt) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มอาการน้อยถึงปานกลาง ไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดหนักลง นอกจากนี้ รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีได้บริจาควัคซีนแอสตราเซเนกาให้ไทย จำนวน 346,100 โดส และอยู่ระหว่างเตรียมการขนส่ง คาดว่าจะถึงไทยในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2564
“ขอขอบคุณในไมตรีจิตและความห่วงใยที่มีให้ไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิด สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมิตรประเทศระหว่างกัน จนนำมาสู่การพิธีการมอบยาให้แก่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมการทำงานของเอกอัครราชทูตฯ ที่ปฏิบัติงานอย่างแข็งขันตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และชื่นชมการส่งเสริมความตระหนักรู้ของเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีฯ ด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งไทยให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน และยินดีกับการจัดการเลือกตั้งทั่วไปของเยอรมนีที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รัฐบาลไทยพร้อมกระชับความร่วมมือกับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีชุดใหม่เพื่อบรรลุความเป็นหุ้นส่วนอย่างรอบด้านต่อไป
เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีฯ กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ประสานงานการรับมอบยารักษาโควิด-19 ในครั้งนี้ ยินดีที่จะเป็นสื่อกลางในการสานสัมพันธ์ความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการค้าการลงทุน เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงด้านพลังงานทางเลือก ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินแนวทางเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเยอรมนีพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือไทยอย่างเต็มศักยภาพในทุกมิติ
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องว่า ไทยและเยอรมนีมีศักยภาพร่วมกันในหลายมิติที่จะสามารถแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ด้านการค้าการลงทุน ซึ่งไทยพร้อมอำนวยความสะดวกและเชิญชวนให้นักลงทุนเยอรมันเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติม พร้อมเน้นย้ำการพัฒนาทักษะของแรงงาน ซึ่งทางเยอรมนีได้ให้การสนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนเพื่อพัฒนาทักษะแรงงานด้านวิศวกรรมในประเทศ
ส่วนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องรับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายที่ไทยให้ความสำคัญกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะเศรษฐกิจชีวภาพที่จะมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอาเซียนภายหลังโควิด-19.-สำนักข่าวไทย
