นายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ขอทุกคนอดทนร่วมมือกับมาตรการ

กทม. 20 ก.ค.-นายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก แจงยกระดับคุมเข้มช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของภาวะวิกฤติ เชื่อหากล็อกดาวน์ 14 วัน สถานการณ์ควรจะดีขึ้น ขอทุกคนอดทนร่วมมือกับมาตรการในครั้งนี้อย่างเต็มที่

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ว่า นับจนถึงวันนี้ เป็นเวลามากกว่า 1 ปีแล้ว ที่ประเทศของเราและทั่วโลก ต่างต้องสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวันที่ 25 มีนาคมของปีที่แล้ว ตนได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และบังคับใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยวันนั้นได้กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของภาวะวิกฤต ที่หากไม่ประกาศมาตรการเข้มงวด สถานการณ์จะเลวร้ายลง ซึ่งในครั้งนั้น เราสามารถเอาชนะโควิดในยกแรกได้ด้วยความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ และความร่วมแรงร่วมใจของประชาชนทุกคนในการทำตามมาตรการของรัฐ จนเรากดยอดผู้ติดเชื้อลงมาจนเหลือศูนย์ได้ในที่สุด และเป็นที่ชื่นชมของทั่วโลกในการควบคุมการแพร่ระบาด จนเราสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่กันได้หลังจากนั้น


แต่เป็นโชคร้ายของชาวโลก ที่ไวรัสโควิดยังไม่หายไปง่ายๆ และกลับกลายพันธุ์ไปสู่สายพันธุ์ที่ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ทั่วโลกจึงถูกคุกคามจากโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้อีกครั้ง แม้แต่ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก และอีกหลายประเทศที่เคยควบคุมสถานการณ์ได้ดี ก็ยังเกิดการระบาดอย่างหนักจนต้องกลับมาประกาศมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย

ในวันนี้ ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ได้เดินทางมาถึงจุดที่เป็น “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ของภาวะวิกฤตอีกครั้ง ต้องเจอกับการแพร่ระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดที่ประเทศไทยเคยเจอมา หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตนได้ประกาศการล็อกดาวน์ 10 จังหวัด โดยปิดสถานที่และกิจการบางแห่ง ประกาศเคอร์ฟิว และการจำกัดการเดินทาง แต่คณะแพทย์ที่ปรึกษาได้ประเมินแล้วว่าสถานการณ์ยังคงไม่ดีขึ้น ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังไม่ลดลง กระทรวงสาธารณสุขพบว่า ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อจากคนในครอบครัวหรือคนรู้จัก ที่นำเชื้อมาแพร่ในบ้าน นอกจากนี้ ยังมีประชาชนส่วนหนึ่ง ที่กระทำตัวเป็นภาระของส่วนรวม กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและเพิ่มความเสี่ยงให้กับทุกคน ด้วยการรวมตัวกันเล่นการพนัน จับกลุ่มดื่มสุราหรือจัดปาร์ตี้ และจัดกิจกรรมเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด ทำให้การแพร่ระบาดยังไม่ลดลงและมีแนวโน้มการเจ็บป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น


ดังนั้น จึงรอช้าไม่ได้ ที่จะต้องยกระดับมาตรการควบคุมโรค เพื่อลดความสูญเสียให้ได้โดยเร็วที่สุด จากข้อเสนอเร่งด่วนของคณะแพทย์ที่ปรึกษาและหน่วยงานต่างๆของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ ศบค. มีมติประกาศล็อกดาวน์ จำกัดการเดินทางในจังหวัดสีแดงเข้มที่เพิ่มขึ้นเป็น 13 จังหวัด และปิดกิจการต่างๆ อย่างน้อย 14 วัน ไม่เช่นนั้น สถานการณ์อาจจะร้ายแรงขึ้นจนยากต่อการควบคุม

ตนต้องขอให้พวกเราทุกคน อดทนกันอีกครั้ง และให้ความร่วมมือกับมาตรการในครั้งนี้อย่างเต็มที่ โดยทราบดีว่าจะต้องมีพี่น้องจำนวนมากที่ไม่สามารถทำมาหากินได้ และได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งนี้ทำให้ผมทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และได้พยายามหาหนทางในการช่วยทุกท่านมาโดยตลอด ด้วยมาตรการเยียวยาต่างๆ ทั้งการชดเชยการหยุดงาน การจ่ายเงินพิเศษเพิ่ม การลดค่าน้ำค่าไฟ การพักชำระหนี้ การลดค่าเทอม และนโยบายอื่นๆที่จะออกมารองรับมาตรการนี้ ให้ครอบคลุมและทั่วถึง และจะทบทวนนโยบายต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดยิ่งขึ้น ซึ่งในวันนี้ ครม. ได้มีมติเห็นชอบการเยียวยาเพิ่มเติมอีก 3 จังหวัดสีแดงเข้มแล้ว

ในส่วนของการดูแลผู้ป่วย ได้รับฟังข้อคิดเห็น ข้อร้องเรียน และคำถามจากประชาชน และสื่อมวลชนอยู่ตลอดเวลา และได้สั่งการให้แก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งปัญหาตอนนี้นั้นมีมากมายที่ต้องแก้ไข ทั้งการเข้าถึงการตรวจคัดกรอง และการหาซื้อ Antigen Test Kit ได้ในราคาถูก การเพิ่มเตียงโดยเฉพาะในกลุ่มสีแดง การจัดหาอุปกรณ์การรักษา และการเพิ่มบุคลากร การสร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ การแก้ปัญหา Call Center การจัดการและดูแลผู้ป่วยที่กักตัวแบบ Home Isolation และ Community Isolation โดยวันนี้ได้รับข่าวดีจากกระทรวงยุติธรรม ว่าผลการใช้สมุนไพรไทย คือฟ้าทะลายโจร และกระชายขาว ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในเรือนจำนั้น ได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง โดยผู้ป่วยที่รักษาด้วยฟ้าทะลายโจรหรือกระชายขาวนั้น หายป่วยทุกคน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และจะเป็นอีกหนึ่งในตัวช่วยแก้สถานการณ์ด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทย นอกจากจะช่วยคนไทยที่กักตัวที่บ้านรักษาโควิดได้แล้ว และยังเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับทั้งเกษตรกรและประเทศชาติในการส่งออกไปต่างประเทศได้อีกด้วย


และเรื่องที่สำคัญ ที่รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจในการดำเนินการ ก็คือการจัดหาวัคซีนให้ประชาชนชาวไทยให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เป็นข่าวดีที่ในวันนี้ (20 ก.ค. 64) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามทำสัญญากับบริษัทไฟเซอร์ (ประเทศไทย) และบริษัทไบออนเทค ในการจัดซื้อวัคซีนชนิด mRNA จำนวน 20 ล้านโดส ซึ่งจะสามารถนำส่งได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และไทยยังมีเป้าหมายที่จะสั่งซื้อเพิ่มอีกอย่างน้อย 50 ล้านโดสในปีหน้า ซึ่งวัคซีนของของไฟเซอร์-ไบออนเทคนี้เข้ามาเสริมแผนกระจายวัคซีนของประเทศไทย ร่วมกับวัคซีนหลักของบริษัทแอสตร้าเซเนกา ที่ไทยได้สั่งซื้อไปแล้วจำนวน 61 ล้านโดส และวัคซีนจากบริษัทอื่นๆ ที่จะทยอยส่งมอบให้ในปลายปีนี้และต้นปีหน้า รวมถึงวัคซีนที่จะผลิตโดยหน่วยงานของไทยอีกอย่างน้อย 3 ชนิด และวัคซีนชนิดใหม่ๆ เช่น Protein Subunit ที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเจรจาอยู่กับหลายบริษัท และจะสั่งซื้อในทันทีที่เจรจาได้สำเร็จ

นอกจากการสั่งซื้อวัคซีนโดยตรงแล้ว รัฐบาลยังมีการเจรจากับหลายประเทศอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ได้วัคซีนมาเพิ่มเติมผ่านข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเราได้รับวัคซีนซิโนแวคมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว 1 ล้านโดส วัคซีนแอสตรา-เซเนกา 1.05 ล้านโดส จากประเทศญี่ปุ่น และกำลังจะได้วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส จากประเทศสหรัฐอเมริกา และยังมีประเทศอื่นๆเช่น สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ ที่อยู่ในระหว่างการเจรจาข้อตกลงเพื่อขอความช่วยเหลือทางวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำให้เชื่อได้ว่า ไทยจะยังคงสามารถเดินหน้าฉีดวัคซีนได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไร ทุกหน่วยงานของรัฐจะไม่ท้อถอย เราจะปรับแผนและใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

สงครามของโลกกับโควิด ยังไม่จบสิ้น การต่อสู้ของไทยในระลอกนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้ง 13 จังหวัด ถือเป็นสมรภูมิรบที่เราจะต้องเอาชนะ และยึดพื้นที่คืนกลับมาจากไวรัสร้ายนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีประชาชนต้องเจ็บป่วยล้มตายไปมากกว่านี้ แต่การศึกครั้งนี้ รัฐไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยเพียงลำพัง แต่ต้องเกิดจากความสามัคคีกันของคนในชาติ โดยเฉพาะในสมรภูมิทั้ง 13 จังหวัดนี้ ที่จะดำเนินตามมาตรการที่ออกมาอย่างเข้มงวดที่สุด งด ลด เลี่ยงการเดินทาง และการรวมตัวทำกิจกรรม ไม่ทำให้ตัวเองและคนรอบข้างเสี่ยงอันตราย ในขณะเดียวกันก็ต้องมีสติในการรับและส่งต่อข้อมูลข่าวสาร และช่วยกันสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ด้วยพลังบวกและน้ำใจไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เราสามารถผ่านวิกฤตในรอบแรกมาได้ ตนและคณะแพทย์เชื่อว่า หากเราล็อกดาวน์ตัวเองได้จริงๆ สถานการณ์ควรจะต้องเห็นผลดีขึ้นภายใน 14 วัน และเราจะผ่านพ้นช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” นี้ไปได้อีกครั้ง

แต่การกำหนดมาตรการใดๆก็ตาม จะไม่มีความหมายเลย หากไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามนั้นได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทั้ง 13 จังหวัด ได้ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งและเข้มงวด ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 13 จังหวัดได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่กับผู้กระทำผิด นอกจากนั้น ใน 14 วันนี้ ขอให้ผู้บริหารหน่วยงานรัฐทุกแห่งในทั้ง 13 จังหวัด บริหารจัดการให้ทำงานจากบ้าน (Work From Home) ให้ได้ 100% ยกเว้นกรณีที่จำเป็นจริงๆ

และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่จะต้องอดทนเสียสละกันอีกครั้งในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้ง อสม.ทั่วประเทศ ขอสัญญาว่าจะดูแลพวกท่านอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ รัฐบาลและหน่วยงานรัฐทุกแห่ง จะยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างเต็มที่ต่อไป ขอเก็บทุกคำวิจารณ์มาเพื่อรับฟังและหาหนทางที่จะดูแลพี่น้องประชาชนทุกท่านอย่างดีที่สุด และจะร่วมเดินเคียงข้างกันไปในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ จนถึงวันเราจะผ่านพ้นไปได้ด้วยกันครับ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]