นายกฯ ยกกลอนเตือนใจกลางสภา

รัฐสภา 17 ก.พ.- นายกฯ ร่ายกลอนห่วงคนไทยฆ่ากันเอง แล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง หลังแจงฝ่านค้านทุกประเด็น


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่สอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่เปิดการประชุม น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายคนแรกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมใช้มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองอัครา ทำให้รัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายหลังแพ้คดีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนด้วย ถือว่าการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีทำลายอนาคตประเทศ

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า บริษัทแม่ที่ต่างประเทศได้ฟ้องร้องรัฐบาลไทย เนื่องจากบริษัทลูกไม่ได้รับความเป็นธรรมตั้งแต่ปี 2550 และรัฐบาลไทยได้ต่อสู้ตามกระบวนการและกติกาสากล สิ่งที่รัฐบาลและประชาชนได้รับผลกระทบเช่นกันทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การใช้พื้นที่ที่ต้องสำรวจเรื่องความถูกต้อง โดยกระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบการต่อสู้คดีระหว่างประเทศและนำเข้าสู่การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ สิ่งสำคัญที่อาจกระทบต่อการพิจารณาคดี คือการนำเรื่องที่อยู่ในชั้นศาลมาพูดภายนอกและฝ่ายค้ายนำมาอภิปรายและให้ข่าว ซึ่งทั้งหมดเป็นการคาดการณ์ทั้งสิ้น เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นทางการ ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะเรื่องทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี


“ยืนยันว่าการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไม่ใช่การปิดเหมือง แต่เป็นเรื่องการต่อสัมปทานอาชญาบัตร เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพประชาชน และไม่ได้ใช้เฉพาะเหมืองแร่อัคราเท่านั้น แต่ใช้กับเหมืองแร่ทั้งหมด จึงไม่ใช่เรื่องการเสนอผลประโยชน์ตามที่กล่าวหา การดำเนินการใด ๆ รัฐบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ยืนยันไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการใช้คำสั่ง แต่หารือหน่วยงานที่รับผิดชอบ ถ้าเอาอันนี้มาตีอันนั้นมาตี แล้วสรุปจะเอายังไง ก็ต้องมีคนเดือดร้อน ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น แต่ก็จำเป็น บางอย่างเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดมาก่อนหน้าผม ผมก็ต้องแก้ปัญหา ถ้าผมไม่พูด ทุกคนก็ไม่รู้กันว่าเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ปัญหาอยู่ที่ไหน ทำไมรัฐบาลนี้มาแก้ และก่อนหน้านี้ไม่แก้ให้เสร็จเรียบร้อย ทำไมต้องมาถึงตอนนี้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีนายพิจารณ์ เชาวน์มีพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลระบุว่า กองทัพใช้งบประมาณจัดซื้อเครื่องแต่งกายทหารแพงเกินจริง เมื่อเทียบกับการซื้อในเว็บออนไลน์ทั่วไป ว่า กองทัพดำเนินการโดยวิธีจัดซื้อจัดจ้าง มีราคากลางเป็นตัววัด อีกทั้งต้องดูคุณภาพ ศึกษาประสิทธิภาพของสินค้า รวมถึงประสิทธิภาพการผลิตของผู้ขาย ซึ่งต่างจากการซื้อสินค้าออนไลน์ นอกจากนี้ ร้านที่ซื้อจะต้องเสียภาษีให้รัฐด้วย มีการกำหนดวงเงินค่าปรับ หากร้านค้าทำตามสัญญาไม่ได้ จึงทำให้ต้นทุนการผลิตมีราคาสูงกว่าสินค้าออนไลน์

“เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานทางทหาร มีความคงทน จึงต่างจากการจัดซื้อในตลาดทั่วไป ส่วนการจัดซื้ออาวุธกล้องเพื่อใช้ในภารกิจของหน่วยรบจะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะประสิทธิภาพสูง เพื่อความปลอดภัยสำหรับภารกิจในสถานการณ์ที่อันตรายสูงสุด ส่วนการปฏิรูปกองทัพ กำหนดให้การพัฒนาสอดคล้องกับการบริหารความมั่นคงรูปแบบใหม่ การรักษาความสงบเรียยบร้อยในภูมิภาค และเพื่อประสิทธิภาพในการพร้อมรบ เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ ผมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง ขออย่ากล่าวอ้างว่าได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้ และยืนยันไม่รับเงินที่ไม่สุจริต ขอเน้นย้ำว่ามีความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนเรื่องกิจการเหมืองหินสัมปทานของกองทัพเรือ ที่ต่อสัญญาณให้ผู้ประกอบการ แม้จะทำผิดสัญญา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าสัญญาที่ทำไว้กับผู้ประกอบการมีเวลา 5 ปี และจะทำปีต่อปี สัญญาระบุเงื่อนไขต่าง ๆ ไว้ ซึ่งผู้ประกอบการไม่สามารถผลิตหินได้ตามสัญญา จึงมีมูลค่าขาดประโยชน์ 40 ล้านบาท และผู้ประกอบการขอผ่อนชำระ และผู้ประกอบการเพิ่มกำลังการผลิตเต็มประสิทธิภาพมาตลอด ปรับปรุงเหมืองให้เป็นไปตามระเบียบ และเมื่อพิจารณาในภาพรวมจะเห็นว่าการทำสัญญาในปีที่สองกับผู้ประกอบการ จะทำให้กองทัพเรือได้ประโยชน์สูงสุด

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงความจำเป็นต้องจัดซื้อเรือดำน้ำว่า เป็นการสร้างความมั่นใจว่าไทยมีศักยภาพที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย ไม่เคยมีอุปกรณ์สำรวจท้องทะเลลึก ดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลของไทย ดูแลเรื่องโรฮีนจา อีกทั้งมีเหตุการณ์ที่บางประเทศลักลอบเข้ามาในน่านน้ำไทยในทางลับ ทั้งนี้การจัดซื้อเรือดำน้ำต้องรออีก 6 ปีกว่าจะได้เรือ และต้องส่งกำลังพลไปเรียนรู้ ยืนยันว่าดำเนินการเพื่อคนไทยทุกคน เป็นการจัดซื้อด้วยงบประมาณที่ถูกลง คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งในอาเซียนและประเทศต่าง ๆ มีเรือดำน้ำรวมแล้ว 18 ลำ ที่ผ่านมาไทยเคยมีเรือดำน้ำ ปลดประจำการไปแล้วตั้งแต่ปี 2494 ดังนั้นเป็นเวลา 69 ปีแล้วที่กองทัพเรือไทย ไม่มีเรือดำน้ำประจำการ

“เมื่อเทียบผลประโยชน์ทางทะเลที่มีมูลค่า 24 ล้านล้านบาท แต่ราคาที่ลงทุนไป คิดเป็น 0.093 เท่านั้น ถือว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและตอบสนองยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง หลายท่านบอกว่าจะไปซื้อมาทำไม อาวุธก็ไม่ต้องมี ทหารก็ไม่ต้องมี คิดอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าคิดแบบนี้ เราจะอยู่กันอย่างไรในวันข้างหน้า อนาคตเราก็ไม่รู้ ยามศึกเรารบ ยามสงบเราก็ต้องเตรียมพร้อม หลักการสำคัญมีแค่นี้ พร้อมทั้งขวัญกำลังใจคน เครื่องไม้เครื่องมือ วันนี้ความรุนแรงของอาวุธต่าง ๆ เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น ถ้าไม่พัฒนาตัวเอง ไม่ปรับปรุงตัวเอง ก็อยู่ไม่ได้ ชีวิตทุกคนมีความเสี่ยงทั้งหมด แล้วท่านจะรู้ว่า ถ้าไปเผชิญสถานการณ์การสู้รบจริง ๆ เป็นอย่างไร ท่ามกลางกระสุนปืนใหญ่ รถถัง M79 ผมถึงเห็นใจเขาไง เห็นใจลูกหลานของท่านบ้าง เขาตายไปจะทำอย่างไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายอย่างเกิดขึ้นไม่ว่าจะในทางทหารและประชาชนด้วยกัน วันนี้มีความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมจำนวนมาก จะเห็นได้จากข่าวทั้งตีกัน ต่อยกัน อยากให้บ้านเมืองเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าทุกคนชินกับความรุนแรง การใช้กำลังการต่อต้านการใช้กฎหมาย แล้วจะอยู่กันอย่างไร จะมีความสุขกันหรือไม่ วันนี้ทุกคนทำงานเต็มที่ เหมาะสมกับการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย การชุมนุมสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น อย่าใช้ความรุนแรง

“ก็เห็นอยู่รุนแรง มีทุกอย่าง ท่านอย่าปฏิเสธผม ใครทำผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเห็นเขาเป็นคนไทย นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเสมอมาว่าเขาเป็นคนไทย เขาคือผู้ร่วมชาติของผม แต่เขาคิดแบบนั้นกับผมหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ ก็แล้วแต่ท่าน แผ่นดินนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เจตนาดี เจตนาไม่ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้หมด ผมเป็นคนนับถือศาสนาพุทธ ผมก็เชื่อมั่นตรงนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้งบประมาณที่รัฐบาลต้องดูแลหนี้สาธารณะ เงินกู้ต่าง ๆ รวมถึงต้องจ่ายผลการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐชดเชยไปแล้วกว่า 7 แสน 5 พันล้านบาท เหลือหนี้จำนำข้าวอีกกว่า 2 แสน 8 หมื่นล้านบาท และต้องตั้งงบฯชดใช้ไปอีก 12 ปี นอกจากนี้ยังมีภาระหนี้จากโครงการบ้านเอื้ออาทร อีกกว่า 20,000 ล้านบาท รัฐบาลจึงต้องการชี้แจงให้ทราบว่าได้ดำเนินการอะไรอยู่บ้าง และพยายามทำอย่างเต็มที่ทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายมา รัฐบาลไม่ต้องการรีดภาษีจากใคร และไม่ปรับขึ้นภาษี โดยเฉพาะช่วงนี้ที่รายได้ประเทศลดลง

“มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าให้ความช่วยเหลือประชาชนไม่ทั่วถึง วันนี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้ประชาชนดำรงชีพอยู่ได้ และที่ให้ไปเพื่อไปใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น โครงการคนละครึ่ง เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนการใช้เงินในระบบ เกิดมูลค่าเพิ่มการใช้จ่ายในระดับฐานราก วันนี้ทุกคนต้องอยู่อย่างพอเพียง และรัฐบาลจำเป็นต้องสนับสนุนการลงทุนให้มีศักยภาพ ทั้งนี้ ต้องการฟังคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ไม่ผิดหลักการ ไม่ผิดกฎหมายและข้อบังคับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้ใช้เงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนจากโควิด-19 ให้ครอบคลุมทั้งกลุ่มเกษตร ผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ แรงงานในระบบประกันสังคม กลุ่มเปราะบาง รวมกว่า 5.7 แสนล้านบาท และวันนี้มีโครงการเราชนะ ซึ่งอาจจะติดขัดเรื่องการใช้งบฯบ้าง จึงต้องทยอยดำเนินการ มั่นใจว่ารัฐบาลบริหารจัดการได้ดี แม้จะมีคนบางกลุ่มเข้าไม่ถึง ก็เร่งแก้ปัญหา และติดตามปัญหาโดยตลอด ส่วนงบฯที่ใช้เรื่องวัคซีนโควิด-19 รัฐบาลได้เตรียมไว้แล้ว มีเพียงพอและทยอยนำเข้ามา โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและอยู่ในความควบคุมของรัฐ ส่วนถ้าสมาชิกคนใดไม่ต้องการฉีดวัคซีนก็ให้ส่งรายชื่อมา และขออย่าไปอยู่ในการชุมนุมทำให้เกิดการแพร่ระบาดอีก

“ไม่ชอบผมก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ชอบประเทศของท่าน ไม่ควร เพราะประชาชนก็คือประชาชนของเรา ที่ต่างฝ่ายต่างรักกันทั้งคู่ คำว่ารักประชาชนต้องไม่เลือกว่าใครเป็นใคร กฎหมายเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว ให้ทุกคนอยู่อย่างเป็นปกติในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยแบบไหนก็ตาม ต้องมีกฎหมาย นั่นคือทำให้สังคมสงบเรียบร้อย อันศึกนอกศึกไกล ผมไม่ห่วง แต่หวั่งห่วงศึกใกล้ไล่ข่มเหง หากคนไทยหันมาฆ่ากันเอง เราจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ ทันทีชี้แจงจบ นายกรัฐมนตรีได้วางเอกสารและลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างบัลลังก์ประธานสภาฯ ออกนอกห้องประชุมทันที

นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิ์ประท้วงประธานว่า ปล่อยให้นายกรัฐมนตรีมายืนบ่นส.ส. ทั้งที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ตอบส.ส. ไม่ใช่มาบ่นเช่นนี้ ทำให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงให้ประธานดูแลสมาชิก เพราะพฤติกรรมที่นายขจิตรแสดงออกมา คล้ายกับคนที่มีแอลกฮอล์ในเลือดสูง ซึ่งประธานการประชุมได้วินิจฉัยว่า นายขจิตรมีบุคลิกแบบนี้ ไม่ได้เมา ยืนยันได้ เพราะเป็น ส.ส.ด้วยกันหลายสมัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]