ย้ำผู้ติดเชื้อที่ไม่มีแอปหมอชนะโทษทั้งคุกทั้งปรับ

ทำเนียบรัฐบาล 7 ม.ค.-โฆษก ศบค.แถลงป่วยเพิ่ม 305 ราย ตาย 1 แจงเหตุจำเป็นประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ย้ำโหลดแอปหมอชนะ โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อ ถ้าไม่มีถือละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิก-19 : ศบค.) ชี้แจงความจำเป็นการประกาศพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 17 ที่นายกรัฐมนตรีลงนามวานนี้ (6 ม.ค.) ว่า เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการจากเบาไปหาหนัก 3 ข้อใหญ่คือ 1.ยกระดับมาตรการบังคับใช้ควบคุมโรค รักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ และที่สำคัญต้องติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะไว้ควบคู่กับแอปพลเคชันไทยชนะด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อ เนื่องจากจะทำให้ติดตามไทม์ไลน์ได้

“2. การยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุด ที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่งใน 5 จังหวัด คือ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยองและสมุทรสาคร โดยตรวจสอบและควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคมในการเดินทางเข้า-ออก ไป 5 จังหวัด ตั้งจุดตรวจจุดสกัด เพื่อคัดกรองการเดินทางและต้องติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะ ผู้ที่จะเดินทางต้องแสดงเหตุผลความจำเป็น แสดงบัตรประชาชนควบคู่เอกสารรับรองความจำเป็นที่ออกโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ และ 3.ปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค ทั้งกรณีขนย้ายแรงงานต่างประเทศ และเปิดบ่อนการพนัน ซึ่งเป็นต้นตอของการระบาด โดยกำชับเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลดำเนินการและเสนอมาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก ให้ ศปม.หน่วยงานความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบผู้ปฏิบัติการกวดขันสอดส่องเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และมั่วสุมเล่นพนัน สนับสนุนให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบแจ้งเบาะแสผ่านศบค. ที่สายด่วน 1111” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ศบค.มท. ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งให้แต่ละจังหวัดดำเนินการ โดยมีสาระสำคัญคือให้ ตั้งจุดตรวจด่านตรวจคมนาคมเส้นทางหลักในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัด โดยให้ผู้ว่าฯ บูรณาการประสานกับหน่วยงานความมั่นคงและตำรวจ ส่วนการตั้งจุดตรวจเส้นทางรองให้ผู้ว่าฯ มอบ กำนันผู้ใหญ่บ้านและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคัดกรองตามความเหมาะสม รวมถึงประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ขอความร่วมมือให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด เว้นแต่มีความจำเป็น ต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานและตรวจคัดกรอง และทำตามมาตรการคัดกรองที่ราชการกำหนด

“ใน 5 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด มีมาตราการเพิ่มคือ ต้องตรวจวัดอุณหภูมิ สอบถามความจำเป็นและสอบถามสถานที่ปลายทางให้ชัดเจน ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะ ตรวจสอบเอกสารรับรองความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่การติดต่อราชการ และบันทึกข้อมูลของผู้เดินทาง ส่วนอีก 23 จังหวัด ไม่ต้องมีเอกสารรับรอง และอีก 49 จังหวัด เพียงแค่วัดอุณหภูมิและสอบถามความจำเป็นในการเดินทาง ซึ่งทั้งหมดอาจทำให้ยุ่งยากมากขึ้น แต่ไม่ได้ห้ามเดินทางหรือประกาศเคอร์ฟิว ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลในเว็บไซต์กระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลและมาตรการของจังหวัดต่าง ๆ ไว้ว่าหากจะต้องเดินทาง จะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานสนับสนุนเรื่องการทำงานที่บ้าน หรือ work from home ลดการพบปะกันเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค และเน้นย้ำเรื่องหน้ากากผ้าว่ามีความจำเป็น ซึ่งยิ่งใช้ยิ่งนุ่ม มีคุณภาพกรองละอองฝอยละเอียดมากขึ้น ไม่เปลืองเงินซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์


“สำหรับยอดผู้ป่วย วันนี้ (7 ม.ค.) พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 305 ราย รวมสะสม 9,636 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 คน เป็นชาย อายุ 88 ปี เป็นผู้ป่วยมะเร็งติดเตียงอยู่แล้ว และติดเชื้อโควิดจากลูกชายที่ไปพื้นที่เสี่ยงจังหวัดระยอง แล้วเดินทางมาเยี่ยมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยผู้ติดเชื้อมีอาการไอ มีเสมหะ ถ่ายเหลว เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่ระยองวันที่ 2 มกราคม ตรวจพบเชื้อ วันที่ 3 มกราคม มีอาการแย่ลงและเสียชีวิตวานนี้( 6 ม.ค.)” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในจำนวน 305 ราย ติดเชื้อในประเทศ 193 ราย ติดเชื้อจากการคัดกรองเชิงรุกติดเชื้อในแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 109 ราย เดินทางจากต่างประเทศ 3 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 7,551 ราย กลุ่มแรงงานต่างด้าว 2,684 ราย หายแล้ว 4,521 ราย ทั้งนี้ ระหว่างแถลงข่าวมีรายงานว่าจังหวัดบุรีรัมย์ตีไข่แตกแล้ว พบผู้ป่วยโควิด ซึ่งจะแถลงให้ทราบต่อไป

โฆษกศบค. ยกตัวอย่างจำนวนผู้ติดเชื้อที่จังหวัดนนทบุรี สะสม 111 ราย กระจายไป 6 อำเภอ มีประวัติเสี่ยงไปตลาด 53 ราย ไปสมุทรสาคร 21 ราย สัมผัสผู้ป่วยเดิม 9 ราย ไปสถานบันเทิง 6 ราย ไประยอง 2 ราย และอื่น ๆ 15 ราย ซึ่งหากจังหวัดอื่น ๆ ศึกษาและวิเคราะห์ความเสี่ยงในแต่ละจังหวัดได้ จะสามารถหาพื้นที่ปลอดภัย ป้องกันการกระจายของเชื้อได้ ส่วนที่จังหวัดสมุทรสาคร วันนี้มีจำนวนผู้ป่วยแตะ 3,000 ราย อย่างไรก็ตาม มีข่าวดีคือพื้นที่สีขาว ไม่พบผู้ป่วย 14 วัน เช่น ระนอง ตรัง กำแพงเพชร และสงขลา อาจจะนำออกจากตารางจังหวัดที่พบผู้ป่วย

นพ.ทวีศิลป์ ตอบคำถามที่ว่าทำไมบางจังหวัดไม่เปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย ว่า ถ้ามีจำนวนไม่มาก ควรจะเปิดเผย เพื่อให้ประชาชนรับทราบประวัติความเสี่ยงในการติดต่อ แต่เมื่อมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ต้องรอการทำประวัติไทม์ไลน์ที่อาจยังไม่เสร็จ หรือพยายามทำอยู่ แต่คนให้ข้อมูลไม่ร่วมมือ ซึ่งเป็นปัญหาเพราะเชื่อมโยงกับการทำผิดกฎหมาย เช่น บ่อนพนัน
“ต่อไปนี้ใครที่ติดเชื้อโควิดแล้วพบว่าไม่โหลดแอปหมอชนะ จะถือว่าละเมิดข้อกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากจงใจปกปิดข้อมูลการเดินทาง ปกปิดไทม์ไลน์ ถือว่ามีความผิดด้วย” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการขอเอกสารการเดินทางทำให้คนมารวมตัวกันจำนวนมาก ว่า ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ หรือนายจ้างเอกชน สามารถออกให้ได้ เช่น รถส่งของ ให้นายจ้างออกใบรับรองให้ว่ารถจะต้องวิ่งเส้นทางใดบ้าง ในแต่ละวัน ซึ่งในอนาคตทุกคนต้องใช้แอปพลิเคชันหมอชนะ ไม่เช่นนั้นอาจมีบทลงโทษ

เมื่อถามว่าจะมีวัคซีนที่รัฐจัดให้จำนวนหนึ่ง แต่จะเปิดโอกาสให้เอกชนนำเข้ามาได้หรือไม่ โฆษกศบค. กล่าวว่า สามารถทำได้ รัฐไม่ได้ปิดกั้น แต่ต้องทำให้ถูกกระบวนการ ตามกติกา โดยต้องขึ้นทะเบียนรับรองจากต่างประเทศและองค์การอาหารและยา(อย.) ของไทยด้วย ทั้งนี้ ไม่ให้ประกาศให้ประชาชนจองหรือโฆษณาก่อนขออนุญาต

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงการสร้างโรงพยาบาลสนาม ว่า นายกรัฐมนนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีหลักการตรงกันที่ต้องการให้มีทุกจังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ในอนาคตที่เลวร้ายที่สุด ให้การดูแลประชาชนในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศเท่าเทียมกัน ขอประชาชนอย่าตกใจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ป่วยที่จังหวัดสมุทรสาคร 80% ไม่มีอาการ ที่จะให้มาใช้โรงพยาบาลสนามให้อยู่ด้วยกัน เพื่อประหยัดทรัพยากร โครงสร้างและระบบบำบัด ดีกว่าให้ไปแพร่เชื้อ โรคนี้ 10% อาการหนัก และ1-2% เสียชีวิต จึงต้องสร้างห้องพิเศษให้นอน ซึ่งมีอยู่แล้ว

“วันนี้เราได้รับความเห็นใจแรงงานที่มาอยู่กับเรา ผู้ป่วยก็ไม่ได้เป็นที่น่ารังเกียจ เขาเป็นพี่น้องเรา ญาติเรา ป่วยรักษาก็หาย สัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้าเอาให้พรึ่บทั้งประเทศให้มีพลังเหมือนประเทศจีนที่ทำขึ้นมา รัฐ เอกชน ประชาชนเข้าใจกัน เราสู้โควิด ชนะแน่ ขอแรงกายแรงใจจากประชาชนทุกคนส่งไปยังแพทย์ที่มาจากทั่วประเทศ ที่ไปช่วยดูแลผู้ป่วยหลายพันคนที่สมุทรสาคร ที่ต้องทำงานเป็นนักรบแนวหน้า ด้วยการให้ทุกคนเว้นระยะห่าง” ทั้งนี้ โฆษกศบค.ได้นำภาพรถสองแถวที่นำฟิวเจอร์บอร์ดมากั้นแต่ละที่ ซึ่งสามารถเป็นตัวอย่างนำไปปฏิบัติต่อได้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]