ศาล รธน. มติ 6-3 “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้นายกฯ ครม.หลุดทั้งคณะ

ศาล รธน. 29 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ มติ 6-3 “แพทองธาร” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เเละ ครม.พ้นจากตำเเหน่งทั้งคณะ ชี้ผิดจริยธรรมร้ายแรง คดีคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน”

ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้อง) กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่งผู้ถูกร้องแถลงข่าวว่าเป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุน เซน จริง แม้ผู้ถูกร้องจะแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า ผู้ถูกร้องแสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบ หรือกำหนดมาตรการรวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะวิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในตัวในลักษณะ ฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้ถูกร้องเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม ผู้ถูกร้องไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอให้ศาลรัฐธรธรรมนูญวินิจฉัยตารัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย


ในคำวินิจฉัยระบุว่า ในประเด็นความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์นั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า ข้อกล่าวหายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า นางสาวแพทองธาร สนทนากับอดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ภายหลังการประชุม JBC ฮุนเซนกลับมีการแถลงตอบโต้ และแสดงจุดยืนกดดันประเทศไทย ไม่สอดคล้องกับผลการประชุม JBC ที่มีการตกลงกันไว้ เมื่อนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์พูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ก็ไม่ได้ปรากฏข้อเท็จจริงที่นายกรัฐมนตรี ตอบรับข้อเสนอการเจรจาดังกล่าว และไม่ได้ก่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต่อการดำรงตำแหน่งของแม่ทัพภาคที่ 2 หรือการเปิดด่านชายแดน จึงถือว่า ข้อกล่าวหาไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะผู้ถูกร้องยังยึดผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลความขัดแย้งรุนแรง ไม่ได้เป็นการบ่อนทำลายประเทศ ดังนั้น จึงเป็นการแสดงออกที่ไม่นิ่งเฉยต่อปัญหา พยายามรักษาประโยชน์ประเทศชาติ และความสงบสุขของประเทศ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่เข้าข่ายไม่สุจริตเป็นที่ประจักษ์

ส่วนการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลที่มี 2 สถานะ ทั้งการเป็นประชาชน ที่มีเสรีภาพในการกระทำภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และสถานะการเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกจำกัดเสรีภาพ โดยเฉพาะความมั่นคงของประเทศ ที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเหนือประโยชน์ส่วนตน รวมถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิประเทศ จึงจะต้องตัดสินใจเพื่อประโยชน์ประเทศ และประชาชน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายกรัฐมนตรี มีการพูดคุยกับฮุนเซน เรื่องเปิด-ปิดชายแดน ซึ่งแม้จะเป็นการสนทนาแบบส่วนตัว แต่มีเนื้อหาสาระสำคัญ เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการขอเปิดด่าน ซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคงประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวทั่วไป และไม่ใช่การกระทำส่วนตัว แต่เป็นการกระทำในฐานะนายกรัฐมนตรี


เมื่อพิจารณาถ้อยคำที่มีการกล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ผู้ถูกกล่าวหา และอ้างเป็นการใช้เทคนิคการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาออกจากตัวบุคคล เพื่อลดความตึงเครียดนั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า ถ้อยคำดังกล่าว วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่า เป็นการแสดงความอ่อนแอทางการเมืองในประเทศ และเป็นช่องทางให้กัมพูชา สามารถแทรกแซงกิจการภายในประเทศได้ ซึ่งไม่ว่าจะใช้เทคนิคใด แต่ในเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะต้องปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ประเทศ และประชาชน ใช้อำนาจด้วยความรอบคอบ เพื่อประโยชน์ประเทศ คำนึงกรอบจริยธรรม ไม่ใช่จะเจรจาอย่างอิสระตามอำเภอใจ ทั้งที่ การเจรจาเรื่องความมั่นคงของประเทศ และการเลือกใช้วิธีการเจรจาเช่นนี้ ยิ่งต้องใช้ความรับผิดชอบ และความรอบคอบ

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังกล่าวถึงถ้อยคำที่นายกรัฐมนตรีแสดงขอความเห็นใจจากฮุนเซน ที่ระบุ “ให้ท่านฮุนเซนเห็นใจหลานหน่อย เพราะว่าตอนนี้คนในประเทศไทย เขาไล่เราไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว อิ๊งค์โดนหนักมากเลย ถ้าจะเอาอะไรจริงๆ ให้บอกอิ๊งค์ได้เลย” ว่า ถ้อยคำดังกล่าว เป็นการขอให้ฮุนเซน เห็นใจนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาชายแดน เพราะถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนเสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน ยังเป็นการขอให้ฮุนเซน เห็นใจนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาชายแดน เพราะถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนเสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน และให้ฮุนเซน เสนอข้อเสนอต่อการเปิดด่านร่วมกัน ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่มีทีท่าจะลดระดับความรุนแรง รวมถึงคำเบิกความของนายกรัฐมนตรี ก็ระบุเองว่า ประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านน้อยกว่ากัมพูชา ดังนั้น การเจรจาของนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้เปิดด่านจึงเป็นไปตามความประสงค์ของฮุนเซนมากกว่า และเป็นไปเพื่อลดการวิพากษ์วิจารณ์ของนายกรัฐมนตรี โดยมุ่งหวังเพียงการทำคะแนนนิยมในประเทศให้ดีขึ้น เพื่อนำไปสู่เสถียรภาพของรัฐบาล โดยไม่ได้คำนึงสถานการณ์ความมั่นคงในขณะนั้น ดังนั้น พฤติกรรมดังกล่าว ทำให้วิญญูชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า นายกรัฐมนตรี จะยินยอมกระทำตามกัมพูชา เพราะรู้จักกับฮุนเซนส่วนตัว และเอื้อประโยชน์กัมพูชา หลังปรากฏคลิปเสียง นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ชุดเล็กในภายหลัง แต่ไม่ได้มีการชี้แจงรายละเอียดคลิปเสียงดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้มีผลลบล้างเจตนาที่แท้จริง ที่ได้กระทำไป ดังนั้น การขอความเห็นใจจากฮุนเซน ไม่ใช่เทคนิคการเจรจา แต่เป็นการขาดความรอบคอบ ไม่ระมัดระวัง ทั้งที่ความเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องระมัดระวัง ไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญ เมื่อนายกรัฐมนตรี มีประโยชน์ส่วนตัว ทั้งคะแนนนิยม และ เสถียรภาพรัฐบาล ทำให้ไม่คำนึงผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมินายกรัฐมนตรี และประเทศไทย ทำให้ประชาชนชาวไทย ได้รับความเสียหายจากผู้นำของประเทศ อันมีลักษณะไม่รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิ และรักษาผลประโยชน์ประเทศ ถือประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประเทศ เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรง

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังระบุว่า แม้นายกรัฐมนตรี จะระบุเป็นการเจรจาส่วนตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง แต่การกระทำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์นายกรัฐมนตรี ทำให้สาธารณชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า นายกรัฐมนตรีจะเอื้อประโยชน์ให้กับกัมพูชาหรือไม่ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ต่อการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ยึดความถูกต้องชอบธรรม ดังนั้น จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ขาดคุณสมบัติ


ส่วนข้อกล่าวหาอื่น ๆ นั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า ไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ได้มีผลทำให้คดีเปลี่ยนไป ดังนั้น ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร จึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ และคณะรัฐมนตรีจะต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ให้อยู่รักษาการจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาหารือร่วมกันแล้ว มีมติโดยเสียงข้างมาก (6 ต่อ 3) เสียงข้างข้างมากคือ นายปัญญา อุดชาชน ,นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม นายวิรุฬห์ แสงเทียน ,นายจิรนิติ หะวานนท์ ,นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ และนายอุดม รัฐอมฤต วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 เสียง คือ นายปัญญา อุดชาชน นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ เห็นว่า ผู้ถูกร้องขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5)

และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 เสียง คือ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม และนายอุดม รัฐอมฤต เห็นว่า ผู้ถูกร้องขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) ทั้งนี้ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ประกอบมาตรา 82 วรรคสอง คือ วันที่ 1 กรกฎาคม 2568

ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 3 คน คือ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายนกดล เทพพิทักษ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ เห็นว่า เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างไม่ร้ายแรง ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)

เมื่อความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) แล้ว รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพันจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1) โดยให้นำมาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต่อไป

ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้คู่กรณีคัดถ่ายสำเนาคำวินิจฉัยได้เมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันอ่าน.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]