“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา


นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน

อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน ข้อมูลทั้งหลายเพื่อให้เราสามารถใช้ในกรอบของการขับเคลื่อนผลักดันกัมพูชาให้มากยิ่งขึ้นในการเก็บกู้วัตถุระเบิดต่อไป

สำหรับการประชุมในวันศุกร์นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่ากัมพูชายังไม่เข้าร่วม โดยยังคงปฏิเสธ ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่องที่เราประชุมร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเชิญรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ทีแมค และเชิญผู้แทนจากกองทัพมาร่วมประชุมซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความพยายาม ที่เราจะกดดันให้กัมพูชาเข้ามาร่วมมือ ตรงนี้ท่าทีของเราชัดเจนและได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าการทำงานของเรามีความโปร่งใส เป็นไปตามกรอบความตกลงของยูเอ็น ในเรื่องของกฎหมาย ระหว่างประเทศ ดังนั้นทางกัมพูชาก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องแสดงท่าทีแสดงความจริงใจที่จะเข้ามาร่วม มือกับประเทศไทย โดยเรากดดันทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันนี้ด้วยว่า จะใช้โอกาสที่ได้พบปะหารือทวิภาคีกับประเทศสมาชิกที่ไปร่วมประชุม ชี้แจงให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และ ตลอดระยะเวลาในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ชี้แจงตลอด ไม่ใช่เฉพาะช่วงที่มีเหตุทหาร เหยียบกับระเบิด ซึ่งที่ผ่านมาได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศที่เป็นพันธมิตรกับไทยหลายคน ตนได้มีข้อความติดต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศของทุกประเทศเหล่านี้อธิบายและ อัปเดต ความคืบหน้าต่างๆ ถึงสถานการณ์ ว่ากัมพูชาไม่ได้แสดงความจริงใจ โดยทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้เป็นเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนและทำให้มิตรประเทศของไทยทั้งหลาย ในโลกได้เข้าใจประเทศไทย ซึ่งขอย้ำว่า การทำงานของ รัฐบาลกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกัน โดยจะเห็นว่าในช่วงที่ตนเดินทาง ร่วมประชุมสหประชาชาติ ก็ได้มีการรณรงค์ ในเรื่องของการแสดงความชอบธรรมของเราที่จะใช้การป้องกันตนเอง ซึ่งตรงนี้ทำให้ทหารและกองทัพปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์ของทหาร ได้อย่างสะดวกใจโดยไม่มีประเทศไหนประณาม หรือมีประเทศอื่นใดตำหนิการใช้อาวุธของประเทศ และหลายคนก็ไม่เห็นด้วยที่กัมพูชาละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการโจมตีเป้าหมาย พลเรือน ดังนั้นขอเรียนว่านโยบายด้านการต่างประเทศและการทหารสอดรับมาประสานกันมาโดยตลอด ทำให้การดำเนินนโยบายต่างประเทศหรือการทูตประสบความสำเร็จด้วยการกดดันของฝ่ายทหารขณะเดียวกันทหารก็มีความสบายใจในการปฏิบัติการทางทหาร บนพื้นฐานว่าเราทำทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การตอบโต้ ที่เป็นไปตามบทบาทสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นขอเรียนว่าประชาคมโลกเข้าใจประเทศไทย และทำให้เราไม่ถูกตำหนิใดๆ ทั้งสิ้นและต้องขอขอบคุณปฏิบัติการทางทหาร ที่ทำให้การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การทูตระหว่างประเทศประสบผลสำเร็จด้วยดี


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการตอบโต้กัมพูชาหลังทหารเหยียบกับระเบิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ว่า ทหารไทยได้สูญเสียอวัยวะ และบาดเจ็บ กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบกับทางกองทัพ และยื่นประท้วงกับทางกัมพูชาไปแล้ว เราไม่พอใจอย่างรุนแรงที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงที่คุยกันไว้ในการประชุม GBC และอนุสัญญาออตตาวา รวมถึง เราได้ส่งหนังสือไปถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ได้ชี้แจงรายละเอียด การกระทำที่ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ โดยการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล นอกจากนี้ยังมีหนังสือไปถึง ทูตญี่ปุ่นประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานรัฐภาคีสัญญาออตตาวา เพื่อให้เร่งดำเนินการในสิ่งที่เราได้ขอรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวาไปแล้ว

“ผมได้พูดโดยตรงกับเลขาธิการสหประชาชาติตอนอยู่ที่นิวยอร์กก่อนที่จะมีการปะทะได้พูดกับเลขาธิการสหประชาชาติโดยตรง เพื่อยืนยันและชี้แจงให้เลขาธิการสหประชาชาติได้เข้าใจถึงการกระทำที่ละเมิดของกัมพูชา ตอนนั้นทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดไปแล้วสองครั้ง ซึ่งผมเรียนท่านว่า ในอนาคตหากกัมพูชายังไม่หยุดการกระทำเช่นนี้ ผมจะขอให้ใช้กลไกของ อนุสัญญา ออตตาวาผ่านเลขาธิการสหประชาขาติ เพื่อที่จะไต่สวนความผิด รวมถึงการกระทำของกัมพูชาในเรื่องของการใช้ระเบิดสังหารบุคคล”

นายมาริษ กล่าวต่อว่า เราพยามผลักดันในเรื่องนี้ ได้ใช้กลไกทุกอย่างของอนุสัญญาออตตาวา ได้มีหนังสือกลับมาขอเอกสารเพิ่มเติม เมื่อวานนี้ทั้งวันตนได้มีการพูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ได้เรียนให้ทราบว่า ตนมีความเป็นห่วงและไม่สามารถรับได้กับการกระทำที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการใช้ระเบิดสังหารบุคคลและทหารไทยต้องประสบกับความเสียหายในตรงนี้ และขอให้ช่วยผลักดันให้ใช้กลไกของ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งตนขอยืนยันว่าจะผลักดันในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ กระทรวงการต่างประเทศก็ดำเนินการทุกอย่างอย่างเต็มที่ ผ่านกระบวนการทั้งที่นิวยอร์กและ นครเจนีวา เพื่อให้ได้ผลโดยเร็ว เพื่อให้มีการไต่สวนและพิจารณาการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา

ส่วนของความร่วมมือในภูมิภาคตนได้ใช้เวลาทั้งวันคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย และได้คุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ สิ่งสำคัญที่เราต้องพยายามผลักดันต่อไป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ คือขอให้อาเซียน หรือกรอบความร่วมมือของภูมิภาคกดดันให้กัมพูชามาร่วมมือกับประเทศไทย ในการที่จะแก้ไขปัญหาการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล บริเวณชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนของประเทศไทย ซึ่งสิ่งที่กระทรวงต่างประเทศยึดถือมาโดยตลอด และชี้แจงให้ทั่วโลกตระหนักว่า กัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย โดยการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และเกิดความเสียหาย

“เราไม่ได้ต้องการเพียงแค่ประณาม อย่างที่เราดำเนินการมาโดยตลอด แต่เราต้องการเห็นความจริงใจของกัมพูชาที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ร่วมกับเราโดยการมีการร่วมมือ ทั้งในกรอบภูมิภาค กรอบของโลก ในกรอบของภูมิภาคเรามีความร่วมมือของศูนย์ปฏิบัติการจัดการทุ่นระเบิด ซึ่งในกัมพูชาก็มีศูนย์นี้เช่นกัน ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากมิตรประเทศให้เก็บกู้ทุ่นระเบิด”

นายมาริษ ย้ำว่า ต้องใช้กรอบของอาเซียนกดดันให้กัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อแสดงถึงความจริงใจให้เห็นว่า พร้อมที่จะมามีความร่วมมือกับเรา

“เมื่อเราประท้วง กัมพูชาจะใช้ว่าเป็นระเบิดเก่า และฝังอยู่ในดินแดนของกัมพูชา ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงฝังระเบิดในดินแดนของเขา”

นายมาริษ ระบุว่า ความพยายามในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด มีมาตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีจนมาถึงสมัย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกเรื่องนี้ หารือกับทางกัมพูชา ในระดับนโยบายได้พูดคุยมาโดยตลอด แต่กัมพูชาบ่ายเบี่ยง จึงขอเรียกร้องอีกครั้งว่า ขอให้กัมพูชาแสดงความจริงใจที่จะแก้ปัญหานี้ร่วมกันกับประเทศไทย

หลายคนคงจำได้ว่าในการประชุม GBC หนึ่งในคณะของฝ่ายไทยได้หยิบยกขึ้นมาคือ เก็บกู้ระเบิดซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ว่าตนได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียไปแล้ว ขอให้ประเทศทั้งหลายที่เป็นมิตรประเทศอาเซียนร่วมกันกดดัน เรามีความจริงใจและพร้อมเพราะเรามีทั้งเทคโนโลยี และองค์ความรู้เรื่องในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ถึงแม้ว่าตนจะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่จะมีสรุปเข้ามาจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย กับทหาร กองทัพ และประเทศสมาชิก ที่ให้ความสำคัญกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ต้องขอบคุณประเทศญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือทั้งกัมพูชาและไทย ในเรื่องเทคโนโลยีองค์ความรู้ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพราะฉะนั้นเราจะเชิญประเทศที่ช่วยเหลือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ประเทศอาเซียน รวมทั้งรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา มาร่วมประชุมด้วยว่าไทยจะมีขั้นตอนต่อไปอย่างไร ตนได้มอบนโยบายไปแล้วว่า ให้ร่วมกันพูดคุย เพื่อผลักดันให้กัมพูชาแสดงความจริงใจ ในการแก้ไขปัญหากับไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีการลงไปในพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งให้คณะทำงานทั้งหมดได้รับทราบข้อมูล จากผู้ปฏิบัติในสนามอย่างแท้จริง.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]