“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม


นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย ทำให้พลเรือนไทยได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ซึ่งรวมถึงเด็กอายุเพียง 8 ขวบ จึงยืนยันได้ว่า ไม่มีประเทศใด ยอมรับการกระทำเหล่านี้ได้ รวมถึงการใช้กับระเบิด หรือทุ่นระเบิดสังหาร ทั้งที่กัมพูชายืนยันตลอดว่า เป็นสมาชิกสมาคมระหว่างประเทศ แต่กลับละเมิดหลักการ และกระทำการโจมตีอย่างร้ายแรงโดยไม่เลือกเป้าหมาย และเป็นเป้าหมายพลเรือน ซึ่งไม่เพียงละเมิดอำนาจอธิปไตยไทยเท่านั้น แต่ยังละเมิดกฎหมายสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาไปแล้ว และได้ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตลงแล้วเช่นกัน

นายมาริษ ยังเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำ โดยเฉพาะการโจมตีพลเรือน และไม่ละเมิดอำนาจอธิปไตยไทยโดยทันที ซึ่งตนเองขอแสดงความเสียใจต่อประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตด้วย


ส่วนกรณีการวางทุ่นระเบิดสังหารใหม่ของกัมพูชานั้น นายมาริษ ยืนยันว่า ไทยมีหลักฐานการพบทุ่นระเบิดใหม่ของกัมพูชาในดินแดนไทย ซึ่งกองทัพได้พิสูจน์ชัดเจนแล้ว ซึ่งเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยต้องสูญเสียขาอย่างถาวร

นายมาริษ ยังยืนยันว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยดำเนินการมาตรการต่าง ๆ ด้วยความจริงใจ และสุจริตใจตามกฎบัตรสหประชาชาติอย่างสันติ จริงใจ แต่ฝ่ายกัมพูชา กลับละเมิดอธิปไตยไทย และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศซ้ำแล้วซ้ำอีก ตนจึงได้เดินทางไปชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศแล้วผ่านเวที HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเวทีที่มีบทบาทที่สร้างสรรค์ และประชาคมโลกให้ความสำคัญ ซึ่งตนก็ได้ใช้โอกาสนี้ ชี้แจงต่อประชาคมแล้วผ่านการกล่าวถ้อยแถลงแบบเปิด และยังได้พบผู้แทนระดับสูงของประเทศ และองค์การระดับสูงต่าง ๆ เช่น เลขาธิการสหประชาชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของปาสีสถาน ซึ่งจะเป็นประธานที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ประจำเดือนกรกฎาคมนี้ รวมถึงยังได้พบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของปานาที ซึ่งจะเป็นประธานที่ประชุม UNSC ในเดือนสิงหาคมนี้แล้วเช่นเดียวกัน พร้อมยังได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการประจำอนุสัญญาออตตาวา และหารือผู้แทนของประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้แทนถาวรสหประชาชาติ เพื่อย้ำกับทุกประเทศว่า ฝ่ายกัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตย พร้อมย้ำท่าทีของฝ่ายไทยในการแก้ปัญหาเขตแดนอย่างสันติ และสุจริตใจผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และยืนยันว่า กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่องจากการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา

นายมาริษ ยังกล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาได้ยื่นหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินั้น นายมาริษ ย้ำว่า นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ได้เข้าพบผู้แทนถาวรของปากีสถาน ซึ่งเป็นประธานที่ประชุม UNSC ในเดือนกรกฎาคมนี้แล้ว และได้ชี้แจงเหตุการณ์ที่กัมพูชาใช้กำลังทหาร และริเริ่มการโจมตีก่อน ละเมิดพันธกรณีต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง พร้อมยังได้เวียนหนังสือเป็นเอกสารของ UNSC เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้รัทราบแล้วด้วย


นายมาริษ ยังกล่าวถึงการประชุม UNSC ที่มีกาประชุมด่วนแบบปิด เพื่อหารือต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 02.00 น.ที่ผ่านมา โดยมีประเทศสมาชิก 15 ประเทศ และประเทศไทย-กัมพูชาเข้าร่วมการประชุม โดยได้รับทราบจากผู้แทนไทยว่า ฝ่ายไทย และฝ่ายกัมพูชา รวมถึงประเทศสมาชิกทุกประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม โดยสรุปว่า ฝ่ายไทยได้ย้ำจุดยืนว่า ฝ่ายกัมพูชา เป็นฝ่ายริเริ่มเปิดฉากยิงประเทศไทยก่อน และโจมตีสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางหทาร และรุกล้ำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรมอย่างร้ายแรง และที่ประชุม UNSC ได้ขอให้ไทยและกัมพูชา ใช้ความยับยั้งชังใจในการลดความชัดแย้ง และใช้การเจราบนพื้นฐานการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีระหว่างกัน พร้อมยังสนับสนุนบทบาทอาเซียนในการแก้ปัญหาความขัดแย้งตามกฎบัตรอาเซียน และย้ำว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือความมั่นคงระหว่างประเทศ แต่เป็นข้อขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ผ่านการเจรจาอย่างสันติ และสุจริตใจ และประชุม UNSC ก็ไม่ได้มีการออกเอกสารใด ๆ

นายมาริษ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายอันวา อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เสนอตัวเป็นคนกลางในการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งไทย-กัมพูชาว่า ตนขอขอบคุณนายอันวาร์ ซึ่งประเทศไทยเห็นด้วยในหลักการ แต่กัมพูชา จะต้องแสดงความจริงใจอย่างชัดเจนก่อน เพราะที่ผ่านมา กัมพูชายังโจมตีพื้นที่พลเรือนซึ่งรัฐบาลไทยยอมรับไม่ได้ ดังนั้น กัมพูชาจะต้องแสดงความจริงใจ และยุติการโจมตีประเทศไทย พร้อมย้ำว่า ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับบทบาทอาเซียน เพราะที่ผ่านมา ตนเองก็มีการหารือกับมาเลเซีย, ประธานอาเซียน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง เพื่อยุติปัญหาดังกล่าว พร้อมย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศและไทย ต้องการใช้การเจรจา 2 ฝ่าย บนหลักการสันติวิธี และสุจริตจริงใจในการยุติปัญหา

ส่วนกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชา อ้างและกล่าวหากองทัพไทยรุกราน จนสร้างความเสียหายแก่ปราสาทเขาพระวิหารนั้น นายมาริษ ได้ตอบโต้ว่า เป็นการกล่าวหาที่ไร้หลักญาน และไม่ได้เป็นจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะการปะทะเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ฝ่ายกัมพูชาริเริ่มก่อนนั้น พื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากปราสาทฯ ถึง 2 กิโลเมตร ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีวิถีกระสุนไปถึง ซึ่งฝ่ายไทยจะชี้แจงอย่างเป้นทางการต่อไป

นายมาริษ ยังกล่าวถึงการโจมตีของกัมพูชา ที่มีเป้าหมายพลเรือนว่า ตนเองได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศ ทำหนังสือประท้วง เพราะไม่สามารถยอมรับได้ พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยขอยืนยันในการแก้ปัญหาข้อพิพาทด้วยหลักสันติวิธี ตามกฎหมายระหว่างประเทศในการธำรงสันติภาพ และเสถียรภาพ พรอ้มขอให้กัมพูชายุติการรุกราน หรือละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และกลับเข้าสู่การเจรจา อย่างสุจริตจริงใจ และตนขอส่งกำลังใจถึงประชาชน และเจ้าหน้าที่ พร้อมขอให้มั่นใจว่า ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อรักษาบูรณภาพ สถานะศักดิ์ศรีบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศ และรักษาผลประโยชน์ชาติเหนือสิ่งอื่นใดเหมือนที่เคยดำเนินการมา พร้อมขอเจ้าหน้าที่ทหารทุกคนที่ทำน้าที่เพื่อชาติ

ส่วนกรณีที่กัมพูชากระทำการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศจะยื่นเรื่องถึงอนุสัญญาเจนีวาด้วยหรือไม่นั้น นายมาริษ ยืนยันว่า แน่นอน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะอออกหนังสือประท้วง เพื่อประณามอย่างรุนแรง พร้อมให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการประเทศ พิจารณายื่นหนังสือประท้วงทุกช่องทางตามที่สามารถยื่นได้ ทั้งคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC และคณมนตรีสิทธิมนุษยนแห่งสหประชาชาติ

ส่วนกรณีที่กัมพูชาโจมตีเป้าหมายพลเรือนไทย ฝ่ายไทยจะมีการยื่นเรื่องถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ข้อหาอาชญากรรมสงครามระหว่างประเทศด้วยหรือไม่นั้น นายมาริษ ชี้แจงว่า ตนเองได้สั่งการให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมายฯ พิจารณาเรื่องนี้ก่อนเป็นลำดับแรก เพราะการจะไปถึงจุดนั้น มีรายละเอียดอีกมาก และจะดำเนินการทุกช่องทางที่ไทยสามารถทำได้ ซึ่งฝ่ายไทยได้พูดคุยกันตลอดเวลาเพราะ ICC มีกรอบและขั้นตอนในรายละเอียดที่กำลังพิจารณา แต่เรื่องการใช้ทุ่นระเบิดนั้น ไทยได้ยื่นเรื่องถึงรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาแล้ว

ขณะที่​ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ​ กล่าาว่า​ การโจมตีบุคคลพลเรือน สถานที่ของพลเรือน และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ อย่างไม่เลือกเป้าหมาย ของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานพยาบาล ถือเป็นการอาจละเมิดอนุสัญญา เจนีวา คศ. 1949 อย่างชัดเจนและอย่างร้ายแรง รวมถึงข้อ 19 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่​ 1 ว่าด้วยการคุ้มครองหน่วยแพทย์และสถานพยาบาล​ และข้อ 18 ของอนุสัญญาเจนีวา​ ฉบับที่ 4​ ว่าด้วยการคุ้มครองโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือน ดังนั้น​ ประเทศไทยขอประณามอย่างรุนแรง ของการกระทำอันไร้มนุษยธรรมเช่นนี้​ ซึ่งขัดต่อพันธะกรณี ภายใต้อนุสัญญาเจนีวา​ ชัดเจน​ รัฐบาลไทยจะมีหนังสือถึงประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ​ “ไอซีอาร์ซี” เพื่อทำการประนาม การกระทำอย่างรุนแรง​ ต่อการละเมิดกฎหมาย มนุษยธรรมระหว่างประเทศ อย่างร้ายแรง อยากเป็นลายลักษณ์อักษรต่อไป​ .-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]