“ชาญชัย” จี้ไม่ให้ไต่สวนลับ “วิษณุ” ปมรักษาทักษิณชั้น 14

ศาลฎีกา 25 ก.ค.- “ชาญชัย” ขอไต่สวน “วิษณุ” 30 ก.ค. ปมรักษา “ทักษิณ” ชั้น 14 ไม่ให้ไต่สวนลับ ด้าน “หมอวรงค์” ลั่น คดีใกล้ตอกฝาโลงแล้ว ขณะที่ “สมชาย” ยื่นศาลฯ เพิ่ม 2 เรื่อง พบพิรุธไม่ได้รักษาตัวห้อง 1407 ตามที่ยื่นศาล บอกเป็นผู้มีอิทธิพลจะอ้างไม่เกี่ยวไม่ได้


นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.ประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี และ นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีการเข้ารับโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายชาญชัย เผยว่า วันนี้แพทยสภามาตามคำสั่งศาล ให้การชัดเจน ว่าศาลมีการซักถามถึงเอกสารและข้อชัดเจน ให้พยานของนายทักษิณสอบถามได้เต็มที่ แต่การถามของพยานนั้นทำให้ความจริงชัดขึ้น ว่าพยานกำลังบอกว่านายทักษิณผิดในส่วนไหน แต่ในความจริงได้เห็นองค์ความรู้อย่างหนึ่ง คือข้อกฎหมาย ข้อเท็จกระบวนการยุติธรรม ความถูกต้องก็ดี ได้ปรากฏชัดให้ประชาชนเรียนรู้ไปด้วยในตัว สิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองความถูกต้องอยู่ตรงไหน และจะจบสิ้นในอีกไม่เกิน 10 วันนี้ ก็คาดหวังให้ความจริงปรากฏและศาลก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


ส่วนวันนี้ศาลก็ได้มีการรับเรื่องจากนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ที่ได้ร้องว่า นพ.วรงค์และตนได้มีการไลฟ์สดในบริเวณศาล โดยขอยืนยันว่าไม่ได้ไลฟ์สดแต่อย่างใด ซึ่งศาลก็ได้ยกคำร้อง ส่วนนัดครั้งหน้าที่จะมีนายวิษณุ เครืองาม เข้าให้ข้อมูลกับศาลนั้นไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการพิจารณาลับ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างแรง ซึ่งนายวิษณุอย่าสร้างเงื่อนไขเรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าหากจะมาให้ข้อมูล หรือนายทักษิณจะมีข้อตกลงอะไรก็ตาม ทั้งนี้ตนและพวกก็ไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจของศาล เชื่อในกระบวนการยุติธรรมและเคารพศาลอยู่แล้ว

ส่วนสัปดาห์หน้าที่นายวิษณุจะมาให้ข้อมูลกับศาลนั้นจะเป็นคุณหรือเป็นโทษ อยู่ที่ศาลจะซักถามเรื่องอะไร ถ้าจะมองว่าเป็นการให้คุณให้โทษกับนายทักษิณ ก็ให้ทนายของนายทักษิณถามให้เต็มที่ และคำวินิจฉัยของแพทยสภาก็ออกมาชัดเจนไม่ได้มีการลำเอียง รวมถึงไม่ได้ไปลงโทษสุ่มสี่สุ่มห้า ถือว่ายังเบาไปสำหรับการกระทำดังกล่าวว่าไปช่วยคนหนึ่งที่ทำให้กระบวนการของแพทยสภาเสียหาย รวมถึงกระบวนการยุติธรรม และความเสียหายต่อประเทศ ถือเป็นเรื่องหนักมาก ศาลต้องมีคำวินิจฉัยออกมาให้ชัดเจน

ด้าน นพ.วรงค์ เผยว่า วันนี้ศาลได้มีการซักถามแพทยสภา 3 คน ในข้อกล่าวหาที่สังคมสงสัยว่า นักโทษรายนี้ป่วยหนักหรือป่วยวิกฤต ต้องนอนโรงพยาบาลตำรวจกว่า 180 วันหรือไม่ ขณะนี้กระบวนการพิจารณาตอกฝาโรงแล้ว เชื่อว่าทุกอย่างมีคำตอบจบไปแล้ว แยกเป็น 3 กรณีคือ การส่งตัวในคืนวันที่ 22 ส.ค.2566 ในข้อหาที่สงสัยว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า ไม่ได้เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ถึงแม้จะมีประวัติ แต่ไม่ได้วิกฤต เพราะที่ส่งตัวมานั้นมาด้วยโรคหัวใจ แต่แพทย์ผู้รักษากลับเป็นแพทย์สมอง รวมถึงการอ้างเรื่องการหอบแต่ไม่มีการเอ็กซเรย์ปอด และปัญหาเรื่องโรคหัวใจก็ได้รับการยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเรื่องวิกฤติเร่งด่วนที่จะต้องอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนประเด็นนิ้วล็อคนั้นได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่านิ้วล็อคไม่ใช่วิกฤตฉุกเฉิน ที่จะต้องผ่าตัดโดยเร่งด่วน คนไข้สามารถนอนอยู่ที่บ้านแล้วมาผ่าตัดได้ และการผ่าตัดนิ้วล็อคเป็นการผ่าตัดเล็กไม่ได้ผ่าตัดใหญ่ไม่มีความจำเป็นต้องดมยาสลบ ส่วนใหญ่เป็นการฉีดยาชาเฉพาะที่ และในทางปฏิบัติผ่าตัดเรียบร้อยสามารถไปรักษาแผลที่บ้านได้ ส่วนประเด็นสุดท้ายคือเรื่องเอ็นหัวไหล่ฉีกขาด ในภาพรวมก็อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การผ่าตัดที่มีการส่องกล้องไม่ได้เป็นเรื่องฉุกเฉินที่ต้องผ่าตัดในทันทีทันใด สามารถนัดหมายมาผ่าตัดได้ ถ้าเป็นประชาชนทั่วไปก็ให้พักอยู่ที่บ้านเมื่อถึงเวลาที่พร้อมก็นัดหมายมาที่โรงพยาบาล และนัดผ่าตัด แต่การผ่าตัดนี้เป็นการผ่าตัดที่ต้องดมยาสลบ และถ้าคนไข้มีประวัติเรื่องโรคหัวใจ ที่ไม่ได้วิกฤตก็สามารถใช้ยาได้ กินยาแล้วก็นัดหมายการผ่าตัด จากภาพรวมพยายามพูดถึงเรื่องวิกฤตฉุกเฉิน แม้นักโทษจะมีโรคเยอะ แต่ถือว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ให้กินยาต่อเนื่องได้โดยไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ถ้าหากคนไข้มีอาการกำเริบขึ้นมาก็จะเป็นเงื่อนไขที่จะนอนโรงพยาบาล แต่ข้อมูลที่เราได้ฟังมาโรคหลายหลายโรคไม่ได้กำเริบที่ต้องนอนโรงพยาบาลต่อเนื่อง ถึง 180 วัน และวันนี้แพทยสภาซึ่งถือเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มายืนยันการเจ็บป่วยของนายทักษิณ ถือว่าเป็นการตอกฝาโลง


นายแพทย์ตุลย์ เผยว่าจากวันนี้ได้ฟังพยานที่เป็นตัวแทนของแพทยสภา สรุปได้ว่าจบเห่ แต่ประเด็นสำคัญที่ทุกคนกำลังติดตามอยู่ ได้จากราชทัณฑ์ ได้จำคุกนายทักษิณตามหมายขังแล้วหรือไม่ การที่นำตัวทักษิณออกไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจโดยอ้างกฎกระทรวงในการส่งตัวผู้ป่วย ไปรักษานอกเรือนจำ ถ้าเกิดไม่มีหลักฐานอะไรเลยว่าต้องอยู่นอกเรือนจำ แปลว่าจะไม่มีการจำคุกตามหมายขัง คือต้องกลับไปที่เรือนจำตามหมายศาล และวันนี้ทำให้ทราบว่าใบคำสั่งแพทย์ ทำให้ทราบว่าไม่มีโรคหัวใจเฉียบพลันฉุกเฉินจนต้องส่งมาโรงพยาบาลตำรวจ ตามที่พยานคนแรกได้เห็นเหตุการณ์ ที่ได้ส่งตัวนายทักษิณมานอกเรือนจำ เป็นที่ปรากฏว่าไม่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ที่เกิดจากเส้นเลือดหัวใจอุดตัน ไม้มีการตรวจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ด้านนายสมชาย เผยว่า วันนี้มีการส่งเอกสารเพิ่มเติมอีกสองส่วน ที่ได้มาจากแพทย์ผู้หวังดีและศาลได้เรียกเอกสารนั้นมาแล้ว คือใบเสร็จรับเงิน 2,400,000 บาท เป็นห้อง 1404 ไม่ใช่ห้อง 1407 ตามที่พยานจากกรมราชทัณฑ์เบิกความ และในหลักฐานก็บอกว่าใบที่จ่ายเงินและแพทย์ผู้รักษานายทักษิณที่บอกว่าอยู่ 179 วันนั้นอยู่ในห้อง 1404 และเป็นหลักฐานที่ให้ศาลออกไปที่โรงพยาบาลตำรวจ ว่าห้อง 1407 มีคนอื่นพักอยู่ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2566 จนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 ดังนั้นพยานที่มาให้การในศาล น่าจะเป็นข้อพิรุธที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ไต่สวนเพิ่มว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมทั้งหมดที่อ้างว่าคุมตัวนายทักษิณอยู่ห้อง 1407 ทั้งพัสดีผู้บัญชาการ ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ที่มาตรวจ ที่บอกอยู่ห้อง 1407 นั้น เป็นพยานที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ และถูกหักล้างได้ หลักฐานนี้ถือเป็นหลักฐานที่มีรายชื่อคนที่อยู่ ห้อง 1407 และบอกว่านายทักษิณอยู่ห้อง 1404 ส่วนใบเสร็จที่ได้มีการส่งไปแล้วนั้นเป็นประโยชน์ในการที่ศาลได้เรียกมา ที่มีการตรวจสอบว่ามีแต่ค่าห้องเป็นส่วนใหญ่ และตนคิดว่าคดีนี้จบแล้วถึงแม้ว่าพยานคนต่อไปจะให้การในเรื่องการเข้าเรือนจำ การขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นเรื่องรอง แต่เรื่องการบังคับโทษของนายทักษิณนั้นชัดเจนว่ามีประเด็นปัญหาในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ พยาบาลเวร พัศดีเวร ผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้คุม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในส่วนของโรงพยาบาลตำรวจนั้น จะเป็นในเรื่องของจรรยาบรรณของแพทย์

“สรุปถ้านายทักษิณมีอิทธิพล ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ประพฤติผิดกฎหมายตามมาตรา 157 นายทักษิณเข้าสู่ตัวการร่วมเป็นผู้สนับสนุนหรือเป็นผู้ทำให้เกิดได้ เพราะ นายทักษิณคือพ่อของนายกรัฐมนตรี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี มีอิทธิพลต่อคนทั้งหมด จะอ้างว่าไม่เกี่ยวไม่ได้” นายสมชาย กล่าว -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]