“วิโรจน์” ชี้ 6 มาตรการกัมพูชา เดือดร้อนประชาชนตัวเอง

รัฐสภา 13 มิ.ย.- “วิโรจน์” ชี้ 6 มาตรการกัมพูชาตอบโต้ไทย เดือดร้อนประชาชนตัวเอง แนะ รัฐไทย พุ่งเป้า กลุ่มทุนกระเป๋าสตางค์ตระกูลฮุน โดยตรง เชื่อเป็นมาตรการกลับสู่โต๊ะเจรจาได้ ย้ำ ข้อพิพาทนี้เกิดจากกัมพูชาทำผิดเอ็มโอยู 43 บอกเวลานี้ ต้องเชียร์ทีมไทยไว้ก่อน


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึง 6 มาตรการตอบโต้ไทยของกัมพูชา ว่า มาตรการที่ออกมาส่งผลกระทบทางลบต่อประชาชนชาวกัมพูชาทั้งสิ้น ทั้งเรื่องค้าขาย การส่งตัวผู้ป่วย ซึ่งเป็นมาตรการที่ไม่สนใจ ไม่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวกัมพูชา ไม่มีมาตรการใดที่ยอมเสียสละผลประโยชน์ของตัวเอง ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาสิโน

นายวิโรจน์ ฝากข้อแนะนำไปยัง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ตอนนี้คงต้องพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผลประโยชน์ที่มีเครือข่ายโยงใยกับฮุน มาเนต และ ฮุน เซน หรือกลุ่ม LYP Group ซึ่งเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับตระกูลโดยตรง ที่มีความหนักเกี่ยวข้องกับธุรกิจกาสิโนขนาดใหญ่ และมีความโยงใยกับกลุ่มทุนไทยและนักการเมืองไทยบางกลุ่ม ดังนั้นรัฐบาลต้องเข้าไปตรวจสอบหากพบว่ามีการกระทำใดที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการกระทำความผิดตามกฎหมายก็ดำเนินการปราบปรามกวาดล้างให้สิ้นซาก และเชื่อว่ามาตรการในการจัดการแบบนี้ก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชนคนไทยแน่ๆ และเป็นมาตรการที่พุ่งเป้าไปที่ผลประโยชน์และกระเป๋าเงินของตระกูลฮุนโดยตรง ดังนั้น 6 มาตรการไม่ได้ใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชนชาวกัมพูชาเลย หากเราดำเนินการมาตรการที่พุ่งเป้าไปที่ฮุน มาเนต หรือ ฮุน เซน ก็จะสามารถจูงใจให้รัฐบาลกัมพูชาเข้าสู่โต๊ะเจรจาด้วยความสมเหตุสมผลได้


นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า จนถึงปัจจุบันประเทศไทยยังไม่เคยมีข้อเรียกร้องใหม่ หรือมีเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้กับกัมพูชาเลย ซึ่งเราไม่ได้มีปัญหากับประชาชนชาวกัมพูชา และยังยึดมั่นกับเอ็มโอยู 43 จึงตั้งคำถามว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลงนี้ ไม่มีความชอบธรรมที่จะเรียกร้อง และวันนี้ก็ยังออกมาตรการที่ทำร้ายประชาชนของตัวเองอีก ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีก็ควรอนุมัติงบกลาง รายการฉุกเฉินและจำเป็นในการช่วยเหลือชดเชยเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะภาระดอกเบี้ยของผู้ประกอบการ และมีมาตรการซอฟต์โลน เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้ปรับตัว ยืนยันว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นข้อพิพาทระหว่างประชาชนชาวไทยกับกัมพูชา

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปเจรจา เพราะกัมพูชาอาจจะเข้าใจผิดเรื่องการตัดไฟและตัดเน็ต เป็นท่าทีที่ประนีประนอมเกินไปหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่าหากมีการเจรจาก็ดำเนินการ แต่เท่าที่เห็นแถลงการณ์ของฮุนเซน ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่เข้าใจยาก ซึ่งการตัดน้ำตัดไฟก็เป็นมาตรการที่เป็นไปได้ แต่ยืนยันว่ามาตรการที่ได้ผล ควรจำกัดมาตรการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศ เพราะการที่ทำอะไรลงไป ฮุน เซน หรือฮุน มาเนต ก็อาจจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ประชาชนได้รับผลกระทบ ดังนั้นกล่องดวงใจสำคัญที่ทำให้รัฐบาลรัฐบาลกัมพูชากลับมาสู่โต๊ะเจรจาอย่างสมเหตุสมผล คือการพุ่งเป้าไปที่ กลุ่มทุนกัมพูชา LYP Group

เมื่อถามว่า 6 มาตรการที่ออกมาของกัมพูชาไม่กระทบกับไทยมากใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบบ้าง จึงได้แนะนำให้นายกฯ อนุมัติงบกลางเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบ เพราะประชาชนคนไทยก็ส่งกำลังใจให้กับประชาชนเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ในพื้นที่ตรงนั้น ดังนั้นมาตรการนี้ถือว่าเป็น มาตรการที่สมเหตุสมผล และเป็นการบอกรัฐบาลฝั่งกัมพูชาว่าเราพร้อมที่จะยืนระยะแบบนี้ตลอดไป ถ้าจะปิดตลอดไปก็เป็นความประสงค์ของ ฮุน เซน ฮุนที่ไม่สนใจประชาชนของตนเอง


“ผมอ่านแล้วผมตกใจมาก ขนาดคนป่วยที่มีความจำเป็น ที่ต้องการมีชีวิตรอด ถ้าเป็นรัฐบาลไทยคงไม่ทำ ที่จะไม่มีการอนุญาตให้มีการส่งตัวมารักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพมากกว่า ผมว่ารัฐบาลไทย
ประเทศไทยประเทศไทยเราห่วงชีวิตของประชาชนทุกคน และยืนยันว่าหนึ่งในมาตรการของฮุน เซน เรื่องการส่งออกผู้ป่วย สะท้อนแล้วว่าฮุน เซน และฮุน มาเนต ไม่ได้แคร์ประชาชนของเขา แต่เค้าแคร์กระเป๋าสตางค์ผ่านกลุ่มธุรกิจกาสิโนของเขามากกว่า เมื่อเรารู้กล่องดวงใจเขาแล้วเราก็ดำเนินการ พุ่งเป้าเลย“ นายวิโรจน์ กล่าว

ส่วนการออกมาตรการแบบนี้เป็นการยั่วยุไม่ให้เกิดการเจรจาเจบีซีหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องรู้เท่าทัน ฮุน เซน และฮุน มาเนต ภาพลักษณ์ของการเจรจาคาดได้เลยว่าไม่มีผลสัมฤทธิ์ใดๆ แต่จะมีท่าทีกลับไปของทั้งสองฝั่ง ซึ่งทางฝั่งกัมพูชาพยายามปลุกเร้าว่า ประเทศไทยรังแกเขา ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะฝ่ายที่ละเมิดเอ็มโอยู 43 คือฝ่ายรัฐบาลกัมพูชา เรื่องคนที่มาเจรจามาในฐานะวีรบุรุษ ต้องแบกรับแรงและต้องกลับไปอย่างมีศักดิ์ศรี นี่คือสตอรี่ ที่กัมพูชาพยายามสร้าง ขณะที่ประเทศไทยอย่างไรก็ตามต้องสนับสนุน ท่านทูต นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ก่อน และต้องยอมรับว่า มีความรู้ความสามารถและเข้าใจการเมืองในประเทศกัมพูชา

“เหมือนมวย สู้กันในศึกวันลุมพินี ทางฝั่งเขาโห่ร้องปลุกเร้ามา ฝั่งเราดิสเครดิตกันเอง ตรงนั้นชั่วดีถี่ห่าง ก็เก็บไว้ก่อน แต่อย่างไรก็ต้องให้กำลังใจทีมประเทศไทยในการเจรจา และเมื่อรู้อยู่แล้วว่าฉากจบเขาวางแผนอย่างนี้ วันนี้สุนทรพจน์หรือสปีด ของนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องเตรียมได้แล้ว ที่ต้องยืนยันให้กับชาวกัมพูชาและนานาประเทศรู้ ว่าเราไม่ได้ผิดข้อตกลง เอ็มโอยู 43 เลย และไม่ได้ทำอะไรให้ฝั่งกัมพูชาอึดอัดเลย และไม่ได้กระทำการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชาวกัมพูชาและชาวไทยเลย แต่ผลกระทบทั้งหมดมาจากรัฐบาลกัมพูชาทั้งสิ้น และยืนยันไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นรัฐบาลกัมพูชาไม่มีความชอบธรรม และไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ และความเป็นอยู่ของประชาชนชาติตัวเอง หากกลับมายึดตามเอ็มโอยู 43 ประเทศไทยก็พร้อมจะเจรจา” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่วว่า ได้เวลาแล้วที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องเชิญทูตานุทูตต่างๆรวมถึง UN เข้ามาชี้แจงว่าเราไม่ได้ละเมิดเอ็มโอยู 43 แล้ววันนี้ที่ดูเหมือนว่าการเจรจาจะไม่สัมฤทธิ์ผล และไม่ได้เรียกร้องอะไรที่กระอักกระอ่วนและ ไม่ได้เรียกร้องอะไรที่เกินกว่าที่กัมพูชาจะรับได้เลย ดังนั้นข้อพิพาทระหว่างประเทศ ตนยังยืนยันว่าคือความชอบธรรม และความชอบธรรมควรได้รับการเข้าอกเข้าใจ จากการสื่อสารทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพ

ส่วนมาตรการที่ไม่ให้มีการฉายละครไทย แต่เปลี่ยนไปฉายประวัติของฮุน เซน แทน นายวิโรจน์ ถามกลับว่า ชาวกัมพูชาอยากดูหรือไม่ ทำไม กัมพูชาไม่ตัดไฟที่เข้ามายังกาสิโน ที่เป็นกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง แต่มาตรการที่ออกมา มีแต่จะทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาเดือดร้อนทั้งนั้น แต่กลุ่มทุนมือซ้ายมือขวาไม่ได้รับผลกระทบเลย

นายวิโรจน์ ยังกล่าวต่อว่า แม้เอ็มโอยู 43 ไม่ได้ลงนามด้วยรัฐบาลนี้ แต่ก็พร้อม ที่จะรับผลพวงจากการลงนาม ในฐานะรัฐบาลทั้งสิ้น เรายังไม่ปฏิเสธเลย ทั้งที่รัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นคนลงนาม แต่เอ็มโอยู 43 คนลงนามและมีส่วนเกี่ยวข้องคือ ฮุน เซน แน่นอน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการจรดปากกาด้วยความสมัครใจ แต่วันนี้กลับลืม ว่าเคยจะจรดปากกาอะไรไว้ แล้วจะมีความชอบธรรมอะไร กับการก่อข้อพิพาท และ มีความชอบธรรมอะไรกับการกำหนดมาตรการ ที่ทำร้าย ทำลายประชาชนชาวกัมพูชา.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]