ทำเนียบ 12 มิ.ย.- “อนุทิน” ยันมหาดไทยพร้อมทำบ้านให้อบอุ่น-ปลอดภัย ตามนโยบายนายกฯ แจง มท.มีงบฯ ทำบังเกอร์ ไม่ต้องของบกลาง เผยคนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา กำลังใจดี ใช้ชีวิตปกติ มองเปิด-ปิดด่านเหลื่อมเวลา ไทยได้ประโยชน์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการหารือกับนายกรัฐมนตรี ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์วานนี้ (11 มิ.ย.) ว่า นายกรัฐมนตรี ขอให้จัดเตรียมการสนับสนุนแนวหลังอย่างเต็มที่ โดยให้นโยบายเป็นสุภาษิตว่า มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว ถือเป็นการให้นโยบายวิสัยทัศน์มาแล้ว จึงต้องทำบ้านให้น่าอยู่ให้อบอุ่นมีความปลอดภัย ส่วนทหารที่เป็นรั้วก็จะปกป้องบ้านไม่ให้มีใครรุกรานมาทำลาย และในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติงานก็รับบัญชาจากนายกรัฐมนตรีมาทำงานให้เรียบร้อย การดูแลชาวบ้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ การเตรียมพร้อมเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่นโรงพยาบาลต้องพร้อม โรงพยาบาลสนามต้องพร้อมศูนย์พักพิงต้องพร้อม โรงเรียนต้องมีความตื่นตัวหากสถานการณ์ไม่ดีไม่ต้องรอ ผอ. และครูประจำชั้นสามารถให้นักเรียนกลับบ้านได้เลย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตามชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเด็กนักเรียน ต้องไม่ได้รับอันตรายอย่างเด็ดขาด
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีได้บอกกับผู้ว่าฯ สุรินทร์ ให้ของบจากกระทรวงมหาดไทยไปทำบังเกอร์ นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ได้กราบเรียนนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ว่ากระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ผู้ว่า ราชการจังหวัด นายอำเภอ เร่งสำรวจหลุมหลบภัยอยู่ และในส่วนที่ยังขาด ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยมีงบ ส่วนนี้อยู่โดยไม่ต้องของบกลาง โดยจะเร่งดำเนินการจัดทำหลุมหลบภัย และนายกฯ ได้เน้นย้ำว่าหลุมหลบภัยต้องมีมาตรฐาน เมื่อเข้าไปหลบภัยต้องมั่นคงปลอดภัย แข็งแรง และต้องไม่มีสิ่งกีดขวางทางเข้า-ออก รวมถึงมีการวางแผนซ้อมการเคลื่อนย้าย จัดเตรียมยานพาหนะให้ใกล้กับสถานที่ในการย้ายคนออกจากหลุมหลบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยกว่าได้ พร้อมกับอธิบายให้นายกฯรัฐมนตรีฟังว่าที่เห็นว่ายังเป็นพื้นที่ทราย เพราะหากเป็นคอนกรีตก็จะร้อน แต่จะใช้แผ่นยาง หรือหญ้าเทียมแทน
หากประเมินสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากดูทางฝ่ายทหารก็มีการสื่อสารเจรจาพูดคุย ในส่วนของผู้ว่าฯ ก็คอยสนับสนุนทหารทุกเรื่อง เช่นเดียวกับการเปิด-ปิดด่าน เราก็จะเปิดของเราแบบนี้ส่วนเขาจะเหลื่อมเวลา มองว่า คนที่เสียประโยชน์ก็คือเขา ส่วนจะเป็นประเด็นการเมืองหรือไม่อย่างไรเราไม่ก้าวล่วง แต่ของเราจะยืนยันที่จะเปิด-ปิด เวลานี้ หากถามใครเสียประโยชน์มากกว่า ระหว่างเขาเข้ามาขายของและเราไม่ออกไปซื้อของเขา
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำเรื่องการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน และไม่อยากให้เกิดความคลาดเคลื่อน นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมาก จะใช้ฝ่ายปกครองไปสร้างความมั่นใจ สร้างความอบอุ่น แต่โดยรวมขวัญกำลังใจของคนในพื้นที่อย่างดี ที่มีการวิตกกังวลมากก็จะเป็นผู้สูงอายุ ส่วนกลุ่มวัยทำงาน ชาวบ้านทั่วไป ก็ทราบถึงสถานการณ์ดีได้ให้คำแนะนำว่าพื้นที่ไหนช่วงนี้ยังไม่ควรไป สภาพชีวิตตอนนี้ก็ถือว่ายังเป็นปกติ และในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ตนก็จะลงพื้นที่ไปที่จังหวัดอุบลราชธานีเพื่อไปประชุมกับ 7 ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนกัมพูชา เพื่อไปลงรายละเอียดถึงแผนสั่งการ ทั้งเรื่องการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพื่อให้มีความพร้อม.-316.-สำนักข่าวไทย
