สภารับหลักการ ‘ร่าง กม.รฟม.’ ตั้ง กมธ.วิสามัญ 25 คน

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภารับหลักการ ‘ร่าง กม.รฟม.’ พร้อมตั้ง กมธ.วิสามัญ 25 คน ‘กล้าธรรม’ เสนอ ‘งูเห่ากฤษฎิ์’ ร่วมคณะ ด้าน ‘สส.ปชน.’ ประกาศไม่รับ เหตุเป็นเพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของ ‘รัฐบาล’ เปิดช่องให้ล้วงกระเป๋าเอาเงินกว่า 1.6 หมื่นล้าน ขณะที่ ‘ชนินทร์’ รับ แก้กฎหมาย เพื่อดำเนินนโยบาย ‘รฟฟ. 20 บาทตลอดสาย’ ง่ายขึ้น ส่วน ‘จุติ’ ไม่เห็นด้วย ออกพันธบัตร-กู้เงิน พร้อมขอให้ทบทวน


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุมได้พิจารณา ร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าเพื่อให้ รฟม.สามารถดำเนินกิจการรถไฟฟ้าและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการตั๋วร่วม ทำให้การเดินทางมีความสะดวก คล่องตัวแก่ประชาชน และรฟม.สามารถจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินซึ่งรวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อแสวงหารายได้ให้แก่หน่วยงาน ช่วยลดภาระงบประมาณภาครัฐ เช่นก ารพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานี, การบริหารจัดการพื้นที่โฆษณา, การให้เช่าพื้นที่ร้านค้า, การให้บริการ Wi-Fi

นอกจากนี้ให้ รฟม.สามารถออกพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารอื่นเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ รฟม. นอกเหนือจากเพื่อการลงทุน ได้ และการกำหนดอัตราค่าโดยสาร ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมการใช้ทรัพย์สิน ของ รฟม. ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากเดิมต้องผ่าน ครม.


ด้านนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน อภิปรายว่า กฎหมายฉบับนี้เสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ดึงเงินสะสมมาอุดหนุนรถไฟฟ้าโครงการ 20 บาทตลอดสายตามที่รัฐมนตรีฯ ให้สัมภาษณ์ พร้อมตั้งคำถามถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการประสานงานแต่ละปี

เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่ได้มากับต้นทุน โดยเฉพาะเป็นการล้วงกระเป๋าของ รฟม. พร้อมหยิบยกเหตุผลที่เคยประกาศว่าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทำไม่ได้ แต่รัฐบาลควรทำราคาค่ารถไฟฟ้า 8-45 บาทตลอดทาง มองระบบขนส่งการไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ พร้อมชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่เห็นด้วย 4 ข้อ ดังนี้

  1. ร่างกฎหมายวันนี้ เร่งรีบแซงคิวอย่างน่าเกลียด
  2. ร่างที่เข้าสภาแตกต่างจากที่รับฟังความเห็นมามาก
  3. เนื้อหาแก้ไม่ได้ตั้งใจทำให้ รฟม. ดีขึ้นแต่เป็นการแก้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของรัฐบาล
  4. การลดภาระค่าเดินทางควรทำอย่างรอบคอบผ่านกลไกค่าโดยสารตั๋วร่วมที่ต้องคำนึงถึงผลระยะยาว

“พ.ร.บ. นี้มีมาเพื่อล้วงกระเป๋า รฟม. 16,000 บาท เพื่อมาทำนโยบาย 20 บาทให้อยู่ได้ 2 ปี ไม่ได้อยู่ยั่งยืนจีรัง ที่เหลือคือหนี้ที่ทุกคนจะต้องร่วมกันจ่ายและการตัดสินใจของรัฐบาลน่าจะจะเอาอย่างไรต่อกับเรื่องนี้ และการเลือกทำนโยบายแบบนี้แน่นอนประชาชนอาจจะไม่พอใจเพราะเคยจ่ายถูก แต่ถูกอย่างไม่สมเหตุสมผล การเสนอกฎหมายครั้งนี้ไม่ได้แก้ปัญหาให้ รฟม. แต่แก้ปัญหาที่รัฐบาลสร้างขึ้นไม่สมเหตุสมผล 20 บาทตลอดสายโดยจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการล้วงกระเป๋า รฟม.” นายสุรเชษฐ์ กล่าว


ขณะที่ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมอภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อแก้ไขและส่งเสริมกลไกการกำหนดค่าโดยสารในระบบรถไฟฟ้า โดยอาศัยรายได้จากการบริหารระบบรถไฟฟ้าเอง

ประเทศไทยประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าแบบแยกสาย โดยให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนแทนรัฐ และมีการคิดกรอบค่าโดยสารแยกเป็นรายสาย เพื่อให้เอกชนสามารถคืนทุนได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้ค่าโดยสารมีราคาสูง และเกิดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนจากการเปลี่ยนสาย ส่งผลให้การบริหารจัดการไม่มีความเชื่อมต่อ หลายรัฐบาลพยายามดำเนินการเรื่องนี้แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากหากจะดำเนินการให้ยั่งยืน จำเป็นต้องทำผ่านการตรากฎหมาย

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาขนส่งมวลชนให้มีราคาถูก สะดวกสบาย และใช้งานได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในหลายมิติ ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา มีการเสนอแก้ไขกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม 2 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ขนส่งทางราง และ พ.ร.บ.การจัดการระบบตั๋วร่วม โดยจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อพิจารณาราคาค่าโดยสารที่เหมาะสม วิธีการบริหารจัดการ และรูปแบบการจ่ายให้มีมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงวางแผนโครงสร้างระบบรถไฟฟ้าและระบบตั๋วร่วมในอนาคต

นอกจากนี้ กฎหมายยังให้อำนาจในการออกพระราชกฤษฎีกา และกำหนดให้เอกชนทุกรายต้องเข้าร่วมระบบตั๋วร่วม เพื่อให้การดำเนินการนี้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งขณะนี้ ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับได้ผ่านการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการแล้ว และรอเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2-3 ของการประชุมสมัยหน้า หากผ่านความเห็นชอบ จะทำให้ระบบตั๋วร่วมเกิดขึ้นจริง มีราคาที่เหมาะสม และการบริหารจัดการเชื่อมโยงกัน

นายชนินทร์ ยังกล่าวถึงราคารถไฟฟ้าว่า พรรคเพื่อไทยได้เสนอให้อัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 20 บาทตลอดสาย โดยมีการประกาศนโยบายแล้วจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งภายในเดือนกันยายนนี้จะเริ่มใช้งานระบบตั๋วร่วมและค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายอย่างแน่นอน แต่อุปสรรคสำคัญคือ การลดราคาในช่วงที่เอกชนยังถือสัมปทานเดิมอยู่ ซึ่งอาจไม่เป็นธรรมต่อเอกชน ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องชดเชยรายได้ที่หายไปในระหว่างสัมปทานยังไม่สิ้นสุด โดยต้องหาวิธีชดเชยที่เหมาะสม ไม่ใช่การชดเชยทุกบาททุกเที่ยว

ทั้งนี้ เมื่อราคาค่าโดยสารถูกลง ประชาชนจะใช้บริการมากขึ้น แม้รายได้เฉลี่ยต่อคนจะลดลง แต่จำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มรายได้รวมในระบบ ทำให้ช่องว่างของรายได้ลดลง และส่งผลให้ภาครัฐต้องชดเชยน้อยลงตามไปด้วย

นายชนินทร์ ยังกล่าวว่า หากพิจารณากฎหมายที่เสนอ จะเห็นว่าเป็นการเพิ่มเติมให้องค์การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สามารถจัดหาประโยชน์จากทรัพย์สินของตนเองได้ เพื่อให้ในอนาคต รฟม. สามารถดำเนินกิจกรรมเพื่อหารายได้เพิ่มเติม ซึ่งรายได้นี้จะถูกนำมาชดเชยค่ารถไฟฟ้าของประชาชน
อีกทั้ง รฟม. ยังสามารถนำรายได้ที่จัดเก็บได้ ไปใช้สนับสนุนการดำเนินการของระบบตั๋วร่วม ซึ่งเป็นการตอบคำถามว่า รัฐบาลจะใช้งบประมาณจากไหนเพื่อทำนโยบาย20 บาทตลอดสายโดยเปลี่ยนจากการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ มาเป็นการสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะให้เข้าถึงได้ในราคาประหยัด และหาแหล่งรายได้ทางเลือกแทน

ฝ่าย นายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายโดยตั้งคำถามต่อผู้ชี้แจงว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลต้องการให้ประชาชนใช้ค่าโดยสารถูก 20 บาทตลอดสาย แต่ถามไปยังคณะรัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่บริหารทรัพยากรที่ขาดแคลน ยอมรับว่านโยบายดังกล่าวเป็นประชานิยม

แต่ประชาชนเป็นผู้ใหญ่ แต่ถามว่ารัฐบาลจะสามารถทำได้นานแค่ไหนโดยไม่ต้องใช้เงินเงินอุดหนุน หรือหาวิธีอื่นนอกจากใช้เงินเงินกองทุน รฟม. และ รู้สึกตกใจ มีข้อมูลจากผู้อภิปรายคนอื่นว่า รฟม. มีหนี้_6 แสนล้านบาท และมีกองทุน1.6 หมื่นล้าน ซึ่งสุดท้ายประชาชนก็จะต้องเป็นผู้ใช้หนี้

“วันนี้ท่านทราบแล้วว่ามีผู้โดยสารประมาณวันละ 2 ล้าน คน ถ้าเผื่อลดราคาอาจเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านคน เป็นสิ่งประเสริฐมากว่ากรุงเทพมหานครสามารถดูแลคน 3 ล้านคนให้มีค่าโดยสารที่ถูกลง ลดค่าของชีพจริงแต่ขอถามเถอะว่าเงินที่เอามานั้นมาจากไหน เราอยากช่วยคนจนผู้มีรายได้น้อยในกรุงเทพมหานครให้มีค่าโดยสารที่ถูก แต่ถามว่าท่านกำลังเอาเงินภาษีจากคนทั้งประเทศจากคนจนกว่า มาอุ้มคนจนด้วยกันหรือ ซึ่งเป็นคำถามที่รัฐมนตรีต้องตอบต่อสภา” นายจุติกล่าว

นายจุติ กล่าวต่อว่า ตนไม่สบายใจกรณีการอนุญาตให้มีการออกพันธบัตรได้เอง เพราะห่วงฐานะเครดิตความน่าเชื่อถือของกระทรวงการคลัง หากแต่ละกระทรวงออกปฏิบัติได้เองจะสามารถคุมวินัยการเงินการคลังได้อย่างไร และต้องบอกว่าวันนี้รัฐบาลไทยไม่ใช่เศรษฐีซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังเป็นหนี้อยู่และยังต้องกู้ จึงต้องการฟังการชี้แจง การบริหารนวัตกรรมการบริหารค่าโดยสารโดยไม่ต้องหยิบเงินจากกองทุนหรือออกพันธบัตรกู้ โดยย้ำให้คำนึงถึงความคุ้มค่า เพราะว่าเงินนั้นไม่ว่าใครกู้รัฐบาลก็เป็นหนี้และผู้จ่ายคือประชาชน

“ฝากไปยังกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นว่าช่วยกันระดมสมองว่า 20 บาทตลอดสายเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่ดีกว่าคือไม่ต้องใช้เงินเงินกู้ไม่ต้องใช้เงินเงินอุดหนุน ความคุ้มค่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยาจกประเทศไทย เราไม่ใช่เศรษฐี” นายจุติ กล่าว

ท้ายที่สุด เมื่อเข้าสู่การลงมติ ผลปรากฏว่า ที่ประชุมรับหลักการร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จากจำนวนผู้ลงมติ 442 เสียง เห็นด้วย 295 เสียง ไม่เห็นด้วย 144 งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง

พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการจำนวน 25 คน แบ่งเป็น สัดส่วน ครม. 6 คน, สส. 19 คน แบ่งเป็น พรรคประชาชน 6 คน,พรรคเพื่อไทย 6 คน, พรรคภูมิใจไทย 3, พรรครวมไทยสร้างชาติ 1 คน, กล้าธรรม 1 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน และพลังประชารัฐ 1 คน

ทั้งนี้ พรรคกล้าธรรม ได้ขอเสนอชื่อ นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ที่ขณะนี้ประกาศร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมร่วมเป็นกรรมาธิการฯ.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]