ศาลปกครอง 17 เม.ย.- ชาวชอยปรีดีพนมยงค์ 20 เฮ ศาลปกครองกลางสั่งผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขตวัฒนา รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างโรงเรียนนานาชาติดัง ปิดกั้นลำรางสาธารณะภายใน 60 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า วันนี้ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตวัฒนาใช้อำนาจตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 11 ม.ค.2502 และบังคับตามคำสั่งทางปกครองตาม ม.63/20 ถึง ม.63/24 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 2539 ให้รื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกปักใดๆ ที่โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์ส ในซอยปรีดีพนมยงค์ 20 ถ.สุขุมวิท 71 ได้ก่อสร้างไว้ ให้พ้นไปจากลำรางสาธารณะที่ใช้เป็นทางระบายน้ำสู่คลองศาลาลอย และให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตวัฒนา พิจารณาดำเนินการให้พื้นที่ลำรางสาธารณะทั้ง 4 เส้น บริเวณที่ดินเลขที่ 9 ชอยปรีดีพนมยงค์ 20 (พานิชกุล) กลับสู่สภาพตามที่เป็นอยู่เดิมให้สามารถระบายน้ำ และให้ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
ศาลให้เหตุผลว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ลำรางทั้งที่ 4 เส้นที่ติดกับแปลงที่ดินที่โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์สเช่าประกอบกิจการโรงเรียนนั้น เป็นลำรางสาธารณะ โดยธรรมชาติตั้งแต่ก่อนออกโฉนดที่ดิน จึงถือเป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การที่โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์สยังไม่ได้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกปักหรือก่อสร้างที่รุกล้ำลำรางสาธารณะตามคำสั่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ให้ถูกต้องครบถ้วนอันเป็นการฝ้าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว และไม่ปรากฏว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตวัฒนาได้บังคับการตามคำสั่งตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการบังคับการตามคำสั่งให้เสร็จสิ้นไปแต่อย่างใด จึงถือได้ว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตวัฒนายังคงละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ข้อพิพาทนี้มีการประวิงเวลาของ ผอ.เขตวัฒนามาอย่างต่อเนื่อง อาจจะเนื่องจากโรงเรียนนานาชาติดังกล่าวเป็นของคนตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียง และมีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองระดับประเทศ ถ้าเอ่ยชื่อจะร้องอื้อหื้อกันทั้งแผ่นดินเลยเชียว แต่ทว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ต้องบังคับใช้ให้เสมอภาคกันไม่เลือกปฏิบัติ เพราะก่อนหน้านี้ กทม.เคยในช้อำนาจตาม ปว.44 ไปไล่รื้อบ้านเรือนชาวบ้านริมคลองลาดพร้าว คลองโอ่งอ่าง มาแล้วมากมาย แต่พอมาเป็นโรงเรียนคนใหญ่คนโตบุกรุกบ้าง กลับเพิกเฉยประวิงเวลาเสีย หากไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ มาตรการต่อไปคงต้องไปร้อง ป.ป.ช. หรือยื่นฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตต่อไป .314.-สำนักข่าวไทย
