“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ส่งกลับอุยกูร์

รัฐสภา 6 มี.ค.-“โรม” เปิดข้อมูลใหม่ เผยมติ สมช. เคาะส่งกลับอุยกูร์ ตั้งแต่ 17 ม.ค.68 แล้วมาแจง กลางกมธ.การกฎหมายทีหลัง ยืนยันไม่มีการส่งตัว บอก มีประเทศที่ 3 อ้าแขนรับ แต่ไทยไม่ปฏิบัติการเชิงรุก ด้าน “ช่อ พรรณิการ์” ผิดหวัง “ทูตรัศม์” แจงประเทศอื่นไม่แน่วแน่ ปล่อยเจรจาคนเดียว ลั่นการทูต ไม่ใช้วิธีเอเยนต์ ไทยมีศักดิ์ศรีพอเจรจาเองได้


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรแถลงภายหลังการประชุม ว่าที่ประชุมได้ข้อมูล โดยเรื่องแรก สมช. ได้มีการประชุมและมีหนังสือจากทางการจีน เพื่อขอตัวชาวอุยกูร์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 มกราคม จากนั้น สมช. ได้มีการประชุมและลงมติเมื่อวันที่ 17 มกราคม แต่อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย ที่ได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการส่งตัวชาวอุยกูร์กับจีน ซึ่งหากไปดูตามไทม์ไลน์ การประชุมกรรมาธิการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังที่ประชุม สมช. มีมติไปแล้ว ซึ่งทำให้สงสัยว่าข้อมูล สมช. มาชี้แจงกับกรรมาธิการมีข้อมูลอย่างไร ซึ่งข้อมูล สมช. ไปให้กับกรรมาธิการต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากมติ สมช. แล้วทั้งนั้น

ทั้งนี้การประชุมของ สมช. ที่รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องหลายคน อาทิ นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และยังมีรัฐมนตรีจากกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ซึ่งมองว่าก็เป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการอยู่แล้ว


ขณะที่ในที่ประชุมกรรมาธิการได้สอบถาม เรื่องของเหตุผลการส่งตัวไปและไทยได้อะไรจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งข้อมูลที่ได้มายังไม่ชัดเจนว่าประเทศไทยได้ประโยชน์จากอะไร แต่กลายเป็นการพูดถึงเรื่องการคุมขังชาวอุยกูร์ที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาจเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ซ้อมทรมาน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้ยืนยันว่า การกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่าย ทำให้มีความเห็นแตกต่างกัน เพราะทาง สมช. มองว่าการให้อุยกูร์อยู่ในห้องคุมขังต่อเป็นการละเมิดสิทธิ แต่ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้เห็นเช่นนั้น

จากนั้นในที่ประชุมได้สอบถามเหตุผล ว่าเหตุใดไม่ส่งไปยังประเทศที่สาม ซึ่งเรื่องนี้ได้รับข้อมูลว่า ประเทศที่ 3 ไม่ได้มีความจริงจังที่จะต้องการรับชาวอุยกูร์ไปอยู่ด้วย และเมื่อพูดคุยในรายละเอียดก็ได้ทราบว่าประเทศไทยไม่เคยทำหนังสือไปยังประเทศที่3 เพื่อสอบถามซักครั้ง ไม่เคยทำหน้าที่เชิงรุกในการประสานงาน ซึ่งทางตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ยืนยันว่า ประเทศที่จริงจังที่สุดที่จะรับชาวอุยกูร์กลับไปก็คือประเทศจีน

นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ได้รับวันนี้ค่อนข้างชัดเจนเรื่องของประเทศที่ 3 ที่มีความพร้อมที่จะรับชาวอุยกูร์ทั้งหมดมากกว่า 1 ประเทศ แต่ทางการไทยไม่เคยตอบรับและทำหนังสือเพื่อยกระดับการพูดคุยในเรื่องนี้


ส่วนเรื่องของความปลอดภัย ที่ประชุมกรรมาธิการมีมติจะขอข้อมูลจากกล้องวงจรปิด CCTV อาทิ กล้องจากรถตำรวจ ที่นำอุยกูร์ไปสนามบิน
รวมถึงรายชื่อชาวอุยกูร์ทั้งหมด
พร้อมรูปถ่าย เพื่อมายืนยันว่าชาวอุยกูร์ ได้มีความสมัครใจกลับประเทศจีนจริงหรือไม่ และจะได้ทราบถึงอากัปกิริยาขณะเดินทาง

ด้านนางสาวพรรณิการ์ วานิช กล่าวเพิ่มเติม ว่า ที่ตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลไทยมีความพยายามเพียงพอหรือไม่ในการหา option เพิ่มเติมนอกจากการส่งกลับประเทศจีน และการกักขังแบบไม่มีที่สิ้นสุดในประเทศไทย ซึ่งในวันที่นายภูมิธรรมได้แถลง ในคืนวันที่ได้ปล่อยชาวอุยกูร์กลับประเทศไปแล้ว ใช้คำว่า ไม่มีประเทศใดเลยในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา ที่ติดต่อขอรับตัวชาวอุยกูร์ นอกจากประเทศจีน แต่ ณ วันนี้ปรากฏชัดเจนแล้วว่ามีประเทศที่ 3 พยายามติดต่อ โดยข้าราชการระดับกระทรวงการต่างประเทศ และระดับอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ที่ได้มีการชี้แจงกับกรรมาธิการกฎหมายฯ ว่ามีอย่างน้อย 3 ประเทศที่ติดต่อขอรับตัว แต่ตัวแทนของรัฐบาลมีการพยายามพูดว่า ไม่มีความจริงจัง ไม่มีความแน่วแน่จากประเทศที่3 เพราะไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งหลักการทางการทูต จะเริ่มต้นด้วยการติดต่อทางวาจา หากการติดต่อด้วยวาจาไม่ได้รับการตอบสนอง จะไม่มีการดำเนินการในขั้นต่อไป ในการทำหนังสือ ซึ่งตนเองได้ถามนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ว่าตกลงแล้ว รัฐบาลไทยเคยทำหนังสือหรือไม่ ในการพูดคุยกับประเทศอื่น เพราะอย่างน้อยมีประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะในแถลงการณ์ของกรรมาธิการต่างประเทศ ว่า สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐได้ระบุไว้ชัดเจนว่า สหรัฐอเมริกาเคยยื่นเงื่อนไขที่เป็นรูปธรรม ในการช่วยแก้ไขปัญหาอุยกูร์ และอยากให้รัฐบาลไทยช่วยพิจารณาข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมของสหรัฐ แต่ว่ารัฐบาลไทยได้ทำเอกสาร หรือหนังสืออย่างเป็นทางการ เพื่อยกระดับการเจรจาหรือไม่ แต่ทางผู้ช่วยรัฐมนตรี ก็ยอมรับว่า ไทยเจรจาปากเปล่า ไม่เคยทำหนังสือใดๆ อย่างเป็นทางการ จึงเกิดการย้อนแย้งในตัว ว่าที่แท้จริงประเทศไทยก็ไม่ได้มีความจริงจังกับประเทศอื่น เพราะฉะนั้นในทางการทูต จะต้องมีการดำเนินการอย่างเท่ากันทั้งสองประเทศ

นางสาว พรรณิการ์ กล่าวว่า สิ่งที่ผิดหวังที่สุดในวันนี้ คือนายรัศม์ ระบุว่าหากประเทศอื่นมีความจริงจังจริง ควรเจรจากับประเทศจีน ไม่ใช่ให้ไทยเจรจาอยู่ประเทศเดียว ตนเองจึงได้ถามกลับว่า นี่เป็นคำพูดจากกระทรวงการต่างประเทศจริงหรือ ซึ่งคิดว่าการทูตของไทย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้ประเทศอื่นมาเป็นเอเยนต์ หรือเป็นตัวแทนเจรจากับจีน เพราะไทยมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากพอ ที่จะเจรจากับประเทศจีน

ทั้งนี้ นายรัศม์ ยืนยันหนักแน่นว่า ต้องเชื่อประเทศจีนเพราะประเทศเป็นประเทศมหาอำนาจ ซึ่งได้รับรองความปลอดภัยแล้ว แต่ว่า 10 ปีแล้ว พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยยอมรับกับสื่อมวลชนว่า รัฐบาลจีน จะให้ความปลอดภัย ชาวอุยกูร์ 100 คน ในปี 2558 แต่คำถามคือ ณวันนี้ชาวอุยกูร์เหล่านั้นอยู่ที่ไหน รัฐบาลเคยติดตามตรวจสอบ ก่อนส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปก่อนหรือไม่ ซึ่งควรดูก่อนว่า ชาวอุยกูร์ที่ส่งกลับไปเมื่อ 10 ปี มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ก่อนตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์ 40 คนไปอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ใช้ความเชื่อเพราะประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจ และจะรักษาคำพูด แต่นายรัศม์ กลับไม่ตอบคำถาม

นอกจากนี้เมื่อปี 2022 สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ เคยออกรายงานเป็นเล่ม ระบุว่า รัฐบาลจีน อาจกระทำการ อาชญากรรม ต่อมนุษยชาติ ต่อชาวอุยกูร์ และ ปี2023 ที่ประชุมสหประชาชาติ 51 ประเทศ นำโดยประเทศอังกฤษ ออกแถลงการณ์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ในแนวทางเดียวกัน แต่รัฐบาลไทยประเทศจีนเลือก เลือกเชื่อประเทศจีนเพียงประเทศเดียว หรือแม้แต่การที่จะ ตามไปดูชาวอุยกูร์ที่มณฑลซินเจียง ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ จะสามารถติดตามดูตลอด1-10ปีหรือไม่ แต่กลับไม่ไปดูกว่า 100 คน ที่ส่งกลับไปตอนแรก เพราะนั่นจะเป็นเครื่องพิสูจน์

นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลายคนที่เดินทางมาประชุมกรรมาธิการในวันนี้ เป็นผู้ปฏิบัติ และไม่สามารถตัดสินใจในเชิงนโยบายได้ ในขณะที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ใหญ่ เพราะไปเกี่ยวข้องกับกฎหมายในประเทศและต่างประเทศ อาจจะทำให้ผู้ปฏิบัติ อาจจะซวยไปด้วย ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ตนเองสังเกตสีหน้าเลขา สมช. เห็นได้ว่าตัวรัฐบาลไปยืนอยู่ข้างหลังผู้ปฏิบัติงานอย่าง สมช. ตนมองว่าไม่แฟร์ ขณะที่ทางตำรวจได้ส่งรองผบช.ตม. มาชี้แจงแทน ซึ่งก็ไม่ได้รับผิดชอบในเรื่องนี้ จึงแปลกใจว่าทาง สตช. ที่มีทั้งผบ.ตร.และรองผบ.ตร. โดยเฉพาะพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ที่เดินทางไปติดตามสถานการณ์แต่ไม่ยอมมาให้ข้อมูล จึงตั้งคำถามไปที่รัฐบาลว่าหากมั่นใจในกระบวนการเหตุใดจึงให้ข้าราชการประจำเป็นผู้ออกหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้บ่งชี้ชัดได้ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวผิดพลาด

เมื่อถามว่าเมื่อมีประเทศที่3 ขอตัวชาวอุยกูร์มาแล้ว แต่ไทยไม่ดำเนินการส่งตัวถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นางรังสิมันต์ ระบุว่า ถ้าเป็นหลักกฎหมายคงไม่ใช่ เป็นเรื่องของนโยบายมากกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาเรามีทางเลือกที่มีประเทศที่3เสนอจะรับชาวอุยกูร์ เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเคยส่งผู้ลี้ภัยที่อยู่ค่ายผู้อพยพทั้ง 9 ค่ายในไทยไปยังประเทศที่3 เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเทียบกันชาวอุยกูร์ 40 คน ถือว่าน้อยมาก ซึ่งไทยไม่เคยส่งสัญญาณว่าไทยจะเลือกทางเลือกแบบนี้ และการไปบอกว่าประเทศอื่นไม่มีความจริงใจมองว่าแบบนี้เป็นการหาเรื่องประเทศอื่น เป็นชักศึกเข้าบ้าน ทั้งที่ประเทศอื่นก็ไม่ได้มีความผิดอะไร

เมื่อถามต่อว่าเลขา สมช. ได้เดินทางไปส่งชาวอุยกูร์ถึงประเทศจีน ได้เปิดเผยหรือไม่ว่าเหตุใดต้องรอให้ทางการจีนออกมาเปิดเผยก่อนประเทศไทย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ในประชุมได้มีการซักถามแต่ไม่ได้รายละเอียดที่ชัดเจน คราวๆ คือความตั้งใจของรัฐบาลไทยอยู่แล้ว จึงเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ แต่มีข้อบ่งชี้ว่าความจริงแล้วทางการไทยต้องการให้เป็นการ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]