“พริษฐ์” เผยหารือ “ปธ.สภาฯ” ย้ำทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอ

ทำเนียบ 27 พ.ย.-“พริษฐ์” เผยหลังหารือ “ปธ.สภาฯ” ย้ำทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอ เสนอเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ด้าน “วันนอร์” ให้ยื่นร่างแก้ไข รธน. เพิ่มหมวด สสร. เข้ามาใหม่อีกครั้ง

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังการร่วมหารือกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า วันนี้เป็นการประชุมหารือกันระหว่างคณะกรรมการธิการฯ และประธานรัฐสภาเกี่ยวกับเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยข้อถกเถียงหลักอย่างหนึ่งเกี่ยวกับกระบวนการนี้ คือเรื่องจำนวนในการทำประชามติ ในส่วนของกฎหมาย หรือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดไว้ให้ต้องทำอย่างน้อย 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้งนั้น มาถึงวันนี้ ความเห็นต่างในการตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ก็ยังคงมีอยู่


แต่เรามีข้อมูลเพิ่มเติม 2 อย่าง ที่ได้พูดคุยกับประธานสภาและทีมในวันนี้ คือ 1.หากดูตามความเห็นส่วนบุคคลของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9 คน ประกอบคำวินิจฉัย ที่ 4/2564 นั้น จะเห็นว่าเสียงส่วนใหญ่ของตุลาการเขียนไว้ค่อนข้างชัดเจน ว่าการทำประชามติ 2 ครั้งนั้นเพียงพอแล้ว และ 2.คือข้อมูลที่มาจากการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า เมื่อได้นำข้อมูล 2 ชุดนี้ หารือกับประธานสภาได้ข้อสรุปว่า หากจะให้คณะกรรมการประสานงานมีการวินิจฉัยเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง จะต้องมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีเนื้อหาเพิ่มหมวด 15/1 เกี่ยวกับการมีสภาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อมาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เข้าสู่สภาอีกรอบหนึ่ง


ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะไปหารือกับ สส.พรรคประชาชน เพื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งจะทำให้คณะกรรมการประสานงาน มีโอกาสในการวินิจฉัยอีกครั้งว่า ตกลงแล้วจำเป็นจะต้องมี การทำประชามติเพิ่มขึ้นมาเป็นครั้งที่ 3 หรือสามารถทำ 2 ครั้งเพียงพอ และเรามีความหวังว่า ข้อมูลใหม่ที่ได้นำมาในวันนี้ จะเพียงพอในการทำให้คณะกรรมการประสานงานวินิจฉัยว่า 2 ครั้งเพียงพอ

เมื่อถามว่าจะทันการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า รัฐบาลเคยสัญญาไว้กับประชาชนว่า จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป หากย้อนไปตอนที่พรรคเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยูกับอดีตพรรคก้าวไกล แล้วมีการจัดตั้งรัฐบาล ก็ได้มีแถลงการณ์ออกมา ระบุว่า ต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง และเมื่อจัดทำเสร็จแล้ว จะมีการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนด้วยซ้ำ

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการตีความเจตนารมณ์ของแถลงการณ์นั้น หรือการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลชุดนี้ จะเห็นชัดว่า เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลได้สัญญาไว้ แต่มาถึงวันนี้ ชัดเจนว่า หากรัฐบาลเดินตามแผนเดิม ที่จะมีการทำประชามติ 3 ครั้ง โดยไม่ริเริ่มครั้งแรก จนกว่าจะมีการแก้พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติเสร็จนั้น เป้าหมายดังกล่าวก็มีโอกาสเป็นจริงน้อยมาก


”หนทางเดียวที่จะทำให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นจริงได้ คือการลดจำนวนการทำประชามติจาก 3 เป็น 2 ครั้ง ซึ่งความพยายามที่ผ่านมาในการเข้าพบกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องความวินิจฉัยศาล รวมถึงการหารือกับประธานสภาวันนี้ ให้อาจจะมีการทบทวนการตีความคำวินิจฉัย และบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ สสร. จะต้องทำอย่างไรนั้น ก็ล้วนเป็นความพยายามของตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ใช้ทันการเลือกตั้งครั้งถัดไป“ นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีที่เสียงจากทางแกนนำรัฐบาลเห็นว่าอาจจะไม่ทันนั้น นายพริษฐ์ มองว่า หากเดินตามแผนเดิม โอกาสทันก็น้อย นี่เป็นข้อเท็จจริง แต่สิ่งที่ตนอยากเห็น คือความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เพราะเป้าหมายเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ เป็นเป้าหมายที่เป็นนโยบายของรัฐบาล และเป็นเป้าหมายที่แกนนำพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคประชาชน เห็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนเองสวมหมวก 2 ใบ เป็น สส.ของพรรคประชาชน ซึ่งเป็นแกนนำของฝ่ายค้าน ที่อยากเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นจริง รวมถึงในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ด้วย จึงพยายามทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และอยากเห็นรัฐบาลมาร่วมมือกัน

ส่วนจะมีการหารือกับแกนนำพรรครัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ ระบุว่า ความจริงตอนเราออกหนังสือขอเข้าพบ เราได้ออกหนังสือ 3 ฉบับ พร้อมกัน คือ 1.นายกรัฐมนตรี 2.ประธานสภา และ 3.ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้เข้าพบไปแล้ว 2 ท่าน เหลือเพียงกันรอคำตอบกลับจากนายกรัฐมนตรีอยู่ว่า จะให้เข้าพบเมื่อไหร่ เนื่องจากการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ ก็เคยระบุว่า ไม่ติดที่จะให้มีการเข้าพบ แต่วันนี้ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาจากนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น นี่เป็นเจตนาของเราอยู่แล้ว ในการพูดคุยกันกับฝ่ายบริหาร แต่อยู่ที่ว่าฝ่ายบริหารจะพร้อมให้เราเข้าไปพูดคุยเมื่อไหร่

เมื่อถามว่าหากเดินตามไทม์ไลน์ใหม่ ซึ่งคือการทำประชามติ 2 ครั้ง ประเมินว่าจะเห็น สสร. ใหม่ ทันปี 68 หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตัวแปรที่จะกำหนดกรอบเวลามีมาก พร้อมยกตัวอย่างว่า หากสมมุติมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่มหมวดเกี่ยวกับ สสร.เข้าสู่สภาแล้ว หากคณะกรรมการประสานงาน และประธานสภา ตัดสินใจบรรจุในรอบนี้ ก็จะทำให้เข้าสู่การพิจารณาในวาระ 1 ได้ทันที ซึ่งหากเปิดสมัยประชุมสภาในช่วงปลายปีนี้ หรือเดือนธันวาคม และสามารถทำให้เข้าได้ทันทีนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะผ่าน 3 วาระ ภายใน 3-6 เดือน

และหากเป็นเช่นนั้น ประชามติรอบแรกก็จะเกิดขึ้นหลังผ่านวาระ 3 ซึ่งอาจจะเป็นช่วงหลังของปี 68 และเมื่อประชามติผ่านแล้ว อาจจะต้องมีกระบวนการการเลือกตั้ง สสร. โดยหากทำทุกอย่างให้เสร็จได้ภายในปี 68 สสร.จะมีเวลาในปี 69 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และทำให้เราสามารถนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ไปทำประชามติรอบที่ 2 ในช่วงต้นปี 70 ก็จะทันก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้น ตนอยากเห็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการร่วมรักษาสัญญา

ส่วนประธานสภาได้มีการระบุถึงการประชุมร่วมกันของวิป 3 ฝ่ายหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ ชี้ว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ ร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขรายมาตรา ซึ่งถูกบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมแล้ว เป็นหน้าที่ของวิป 3 ฝ่ายที่ต้องหารือกันว่า จะมีการประชุมในวันไหน และจะนำร่างไหนเข้าก่อนหรือหลัง แต่เรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับ สสร. ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น เพราะต้องให้ประธานสภาบรรจุก่อน วันนี้เราจึงอยากให้มีการทบทวนใหม่

สำหรับกรณีที่พรรคประชาชนจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไปใหม่ จะเป็นร่างเดิมหรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า คงต้องมีการหารือกันก่อน แต่เวลานี้ยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปรับจากร่างเดิม สำหรับเหตุผลของประธานสภาที่ทำให้ต้องมีการยื่นใหม่ ทั้งที่มีร่างเดิมค้างอยู่ 2 ฉบับนั้น เป็นเพราะมีการวินิจฉัยไปแล้วเกี่ยวกับร่างนั้น ว่าไม่บรรจุ ดังนั้น เรื่องนั้นถือว่าสิ้นสุดไปแล้ว แม้จะมีข้อมูลใหม่ที่ได้มา ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคำวินิจฉัยได้

ขณะที่ ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าตนเองในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน และเสนอความเห็นต่อประธานสภา ก็ได้รับข้อมูลใหม่ให้คณะกรรมการนำไปทบทวน หากมีการเสนอร่างจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมได้ส่งมอบความเห็นเพิ่มเติมที่ได้รับจากศาลรัฐธรรมนูญ ประธานสภาจึงมีดำริว่า ให้คณะกรรมการนำข้อมูลส่วนนี้ไปประกอบคำวินิจฉัยเดิม ส่วนจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญร่างเดิมได้หรือไม่นั้น แล้วแต่ท่านผู้เสนอ

เมื่อถามว่าประธานสภาให้เหตุผลอะไร ทำให้ความเห็นของฝ่ายกฎหมายของสภา มีน้ำหนักมากกว่าความเห็นของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากที่บอกว่าให้ทำประชามติสองครั้ง ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ ระบุว่า ประธานสภาเพียงมอบโจทย์ใหม่จากข้อมูลที่เปลี่ยนไปให้เป็นดุลย์พินิจของคณะกรรมการแต่ละคน ซึ่งมีทั้งผู้บริหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายกฎหมายของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่นำมาพิจารณา คณะกรรมการดังกล่าวมีจำนวนประมาณ 10 กว่าคนที่เสนอความเห็นมา มีรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีมาตั้งแต่สภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว ซึ่งคณะกรรมการมีหน้าที่เพียงให้ความเห็นประกอบ แต่ผู้ใช้ดุลยพินิจคือประธานสภา และส่วนใหญ่ท่านจะ มีความเห็นคล้อยตามที่คณะกรรมการเสนอไปเป็นส่วนมาก

ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ ระบุอีกว่า ตนเองรับปากกับนายพริษฐ์ไปต่อหน้าประธานสภา ว่าจะนำความเห็นของประธานศาลรัฐธรรมนูญมาร่วมพิจารณาด้วย และถ้ามีโอกาสจะเชิญนายพริษฐ์ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าไปร่วมให้ข้อมูลด้วย.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]