จี้ราชทัณฑ์ส่งเหตุผลต่อเวลารักษา-รูปถ่ายกับผู้คุม

รัฐสภา 26 ธ.ค.-“สมชาย” เผยคำแถลงการณ์กสม.ถูกราชทัณฑ์บิดเบือนการจำแนกนักโทษ ชี้คุมขังนอกคุกต้องไม่ใช่บ้าน จี้เปิดหนังสือต่อเวลารักษา “ทักษิณ” พร้อมรูปถ่ายร่วมกับผู้คุมที่ต้องส่งรายงานทุก 2 ชั่วโมง


นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวในที่ประชุมวุฒิสภาถึงผลการประชุมของคณะกรรมาธิการฯ วานนี้ (25 ธ.ค.) ที่เชิญกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) และผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมมาชี้แจงกรณีการออกระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำ การพักโทษ และคำแถลงการณ์ของกสม.ที่ถูกกระทรวงยุติธรรมนำไปใช้อ้างอิง ซึ่งกสม.ยืนยันว่าไม่ตรงตามที่กระทรวงยุติธรรมแถลงข่าว

“แต่สอดคล้องกับความเห็นของกรรมาธิการฯ ที่เคยเสนอความเห็นไปยังรัฐบาล ถึงการลดปัญหาความแออัดของเรือนจำ ที่ควรแยกขังผู้ที่ยังไม่ได้ถูกศาลพิพากษา รวมถึงผู้ป่วย ผู้เปราะบางในวาระสุดท้าย เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ภูมิคุ้มกันบกพร่อง มะเร็งระยะสุดท้าย หรือสตรีตั้งครรภ์ และระยะเวลาการต้องโทษเหลือไม่มากที่ควรได้รับการลดโทษ พักโทษ หรือปล่อยตัวแบบมีเงื่อนไข หรือไปอยู่ในสถานที่คุมขังอื่น ดังนั้น คำแถลงการณ์ของ กสม.จึงไม่ตรงกับการสื่อสารของฝ่ายการเมืองที่จะใช้พักโทษสำหรับนักโทษบางคน” นายสมชาย กล่าว


นายสมชาย กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจมีผลกระทบต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวงปี 2563 ที่ออกมาบังคับใช้ก่อนหน้านี้ รวมถึงระเบียบราชทัณฑ์เรื่องการคุมขังนอกเรือนจำ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 และขัดต่อประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเข้ารับพักโทษ เนื่องจากจำเป็นร้ายแรง พิการ หรืออายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งตามเนื้อหาในกฎกระทรวงระบุถึงการใช้สถานที่คุมขัง ให้เป็นไปตามที่กฎกระทรวงกำหนด สามารถป้องกันการหลบหนีของนักโทษได้ และได้รับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษที่ระบุตามคำพิพากษา หรือไม่น้อยกว่า 10 ปี ในกรณีต้องโทษจำคุกเกิน 30 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งขัดต่อระเบียบกระทรวงที่ระบุถึงบ้านพัก ที่อยู่อาศัย เป็นสถานที่คุมขังได้

“ตามเจตนารมณ์คือเมื่อนักโทษที่เหลือโทษน้อย ผ่านคัดกรองผ่านแล้ว สามารถไปทำงานในโรงงานเขตนิคมอุตสาหกรรมและพักค้างแรมได้ แต่ไม่ใช่การกลับไปพักอาศัยที่บ้านที่สะดวกสบาย และไม่มีลักษณะคุมขัง รวมถึงยังออกระเบียบราชทัณฑ์มารับรองอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งจะเห็นได้ว่ากฎกระทรวงและระเบียบกรมราชทัณฑ์อาจเกิดปัญหา และหลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษนั้น นักโทษเด็ดขาดที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ให้อนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยพักโทษ โดยนักโทษจะต้องไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือช่วยเหลือตัวเองได้น้อย และมีโทษจำคุกเหลือไม่ถึง 10 ปี จึงเรียกร้องไปยังกระทรวงยุติธรรม พิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ได้รับคำชี้แจงการกรมราชทัณฑ์เรื่องการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่โรงพยาบาลตำรวจที่เกิน 120 วันแล้ว ซึ่งผู้บัญชาการเรือนจำใช้หลักเกณฑ์เกณฑ์อนุมัติให้นายทักษิณพักรักษาตัวต่อ โดยยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์และส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว เพราะเมื่อครบ 30 วันผู้บัญชาการเรือนจำได้ส่งความเห็นไปยังอธิบดี เมื่อครบ 60 วันขออนุมัติอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และแจ้งปลัดกระทรวงยุติธรรมทราบ และเมื่อครบ 120 วัน ผู้บัญชาการเรือนจำได้ทำความเห็นผ่านไปยังรัฐมนตรีเพื่อทราบ พร้อมหลักฐานความเห็นคำวินิจฉัยของแพทย์


“กรมราชทัณฑ์ไม่มีอำนาจนำตัวผู้ต้องขัง ออกจากโรงพยาบาล เพราะแพทย์ได้ลงนามรับรองในใบการรักษาประกอบที่แนบไปพร้อมกับคำขอให้นักโทษพักรักษาตัวต่อเนื่อง จึงเรียกร้องไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้ตรวจสอบอาการป่วยของนายทักษิณ เพราะโรคที่ทราบทั้งความดันโลหิตสูง โควิด-19 เส้นเลือดตีบ และติดเชื้อที่ปวด รวมถึงข้อกระดูกเสื่อม ถือเป็นโรคปกติที่ไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวเกิน 120 วัน คณะแพทย์ที่ประชุมร่วมกับกรรมาธิการฯ เมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ให้ความเห็นว่า หากเป็นอาการเกิน 120 วัน อาจจะต้องป่วยร้ายแรง เป็นวาระสุดท้าย หรือร้ายแรงมากถึงขั้นติดเตียง” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ได้สอบถามผู้แทนกรมราชทัณฑ์ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทราบว่าไม่เคยไปพบนักโทษที่โรงพยาบาลตำรวจเลย ทั้งที่ตามระเบียบจะต้องใส่กุญแจมือ ตีตรวน ส่งเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าผลัดละ 2 คน และจะต้องตรวจเวชระเบียน ลงบันทึกผู้เยี่ยม รวมถึงถ่ายภาพคู่กับผู้ต้องขังเพื่อรายงานต่อผู้บังคับบัญชา แต่ที่ทราบมีเพียงผู้คุมนักโทษผลัดละ 2 คนเท่านั้น จึงเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไปตรวจที่โรงพยาบาลตำรวจว่าแพทย์ผู้รักษาโรงพยาบาลตำรวจ ให้การเท็จหรือไม่ และนายทักษิณ ป่วยด้วยโรคใดถึงต้องรักษาตัวต่อเนื่องเกิน 120 วัน เพื่อให้สังคมรับทราบ

“ขณะนี้ยังมีความเคลือแคลบสงสัย ซึ่งกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ กรรมาธิการสาธารณะสุขและกสม.พร้อมให้ความช่วยเหลือ และร่วมติดตามตรวจสอบด้วย พร้อมเรียกร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำส่งเอกสารและใบรับรองแพทย์ที่ขออนุญาตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อคราวขอต่ออายุการรักษานายทักษิณ 30 วัน, 60 วัน และ 120 วัน เพื่อให้กรรมาธิการฯ พิจารณาว่า เหตุใดแพทย์จึงลงความเห็นให้นายทักษิณต้องรักษาตัวต่อเนื่อง เพราะแพทย์โรงพยาบาลตำรวจยืนยันว่าไม่มีอำนาจอนุญาต ขอให้กรมราชทัณฑ์ส่งรูปถ่ายผู้คุมขังถ่ายคู่กับนักโทษทุก ๆ 2 ชั่วโมงมายังกรรมาธิการฯ ตั้งแต่วันแรก จนครบ 125 ในวันนี้ (26 ธ.ค.)” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจกรมราชทัณฑ์ที่หลายคนขอย้ายตัวออกจากหน่วยไปอยู่กรมหรือกระทรวงอื่น ขอให้ข้าราชการลุกขึ้นชี้แจงความจริงให้ผู้บริหารฝ่ายการเมืองได้เข้าใจ เหมือนปัญหาในกระทรวงพาณิชย์ที่ผ่านมาในอดีต จนสามารถดำเนินคดีจำนำข้าวได้ แต่หากข้าราชการ เผลอไปทำตามคำสั่งฝ่ายการเมือง เพื่อประโยชน์อื่นใด จะต้องคำนึงถึงอดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ที่ถูกจำคุกอยู่ จึงขอให้กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ควบคุมนักโทษอย่างมีประสิทธิภาพ ให้การแก้ปัญหาบ้านเมืองเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา

“แต่หากยังขาดความสามารถ จึงขอให้ฝ่ายค้าน ได้ตัดงบกรมราชทัณฑ์ให้หมด เพราะถือว่าหน่วยงานนี้ขาดความจำเป็นแล้ว หากให้นักโทษไปคุมขังที่บ้านได้ รวมถึงการแก้ไขพระราชบัญญัติให้ใช้พระธรรมนูญศาลยุติธรรม เพื่อจัดตั้งศาลแผนกบังคับโทษ หลังระเบียบราชทัณฑ์ เหนืออำนาจตุลาการ สามารถลดโทษคำพิพากษาจำคุกของศาลได้” นายสมชาย กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]