“เศรษฐา” ลั่นเพื่อไทยทำได้จริง ย้ำชัดขอเป็นนายกฯ คนที่ 30

อิมแพ็ค เมืองทองธานี 12 พ.ค. – “เศรษฐา” ประกาศชัด “ขอเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย” ลั่นเพื่อไทย ทำได้จริง พร้อมเปลี่ยนประเทศพ้นวิกฤติ ย้ำอย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์


นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จะเป็นวันที่ต้องจารึกประวัติศาสตร์บทใหม่ของประเทศ ที่พี่น้องประชาชนชาวไทยจะร่วมกันแสดงพลัง พร้อมใจกันก้าวออกจากหลุมดำที่ขังเรามานานกว่า 8 ปี จากประเทศไทยที่เคยยืนอยู่อย่างสง่างามในเวทีโลก มีศักยภาพ มีคนเก่ง แต่ผู้นำคณะรัฐประหารได้สร้างวิกฤติ เอารถถัง เอาปืนมาจ่อหัวพวกเรา ปล้นอำนาจอธิปไตยไปจากพวกเรา ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลก ที่มองว่ารัฐประหารเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ทำให้คนไทยทุกคนล้วนสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้า จากประเทศไทยที่เคยเป็นที่ต้องการ เป็นไข่แดงของการลงทุนในอาเซียน แต่วันนี้ประเทศไทยกลายเป็นไข่ขาวรอบอินโดนีเซียและเวียดนาม ที่มีผู้นำที่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจและความเจริญ นำการค้า การลงทุน นำเงินเข้าประเทศมากมาย

ขณะที่ในประเทศไทย ความเหลื่อมล้ำได้ขยายตัวขึ้นทุกวัน ด้วยฝีมือของรัฐบาลที่ประกาศคืน “ความสุข” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจล้วนเป็น “ความทุกข์” ทั้งการคอร์รัปชัน การใช้กฎหมายเป็นอาวุธ การบริหารวัคซีนผิดพลาด และเรื่องที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดที่สุด คือ การยัดข้อหาที่ไร้หัวใจ หาว่าเยาวชนไทย “ชังชาติ”


นายเศรษฐา กล่าวเปรียบเทียบว่า รัฐบาลปัจจุบันได้สร้างคุกขนาดใหญ่ ขังประชาชนทั้งประเทศเอาไว้กับความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ความยากลำบาก ความไม่เป็นธรรม ใช้กฎหมายทำร้ายคนเห็นต่าง ทรยศต่อประชาชน ทั้งหมดนี้เป็นผลไม้พิษที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหารในปี 2557 ดังนั้น ความตั้งใจที่เข้ามาในพรรคเพื่อไทยวันนี้ ‘มาตัวเปล่า’ มาโดยปราศจากคำสัญญาใดๆ กับนายทุน ผู้มีอำนาจ หรือผู้มีอิทธิพล แต่มีคำสัญญาเพียงหนึ่งเดียวที่มีต่อพี่น้องประชาชน ว่าจะตั้งใจทุ่มเททำงานหนัก ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ต่อสู้เพื่ออนาคตของลูกหลาน นำประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจกว่า 30 ปี มาทำประโยชน์ สร้างอนาคตให้กับประชาชนคนไทยทุกคน

นายเศรษฐา ย้ำว่า ผู้สมัคร ส.ส. และบุคลากรของพรรคเพื่อไทยหลายคน ล้วนรู้ลึก รู้จริง เป็นปรมาจารย์ที่เก่งทั้งทฤษฎี มีประสบการณ์การลงมือทำ พรรคเพื่อไทยยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ที่เคยดูแลพี่น้องประชาชนร่วม 66 ล้านคน ครบ 4 ปี และอีกนิดเดียว ที่ไทยเกือบจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว เป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย จึงอยากขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนทุกคน ที่จะทำให้ 4 ปีข้างหน้า เจริญเติบโตรุ่งเรืองเหมือนที่ไทยรักไทย พลังประชาชน ได้ทำไว้ให้กับพี่น้องคนไทยทุกคน

ทั้งนี้ นโยบายของพรรคเพื่อไทย ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แก้ปัญหาตั้งแต่ระดับโครงสร้างในภาพใหญ่ และมีนโยบายเฉพาะกาลที่แก้ปัญหาระยะสั้น จนถึงระยะยาว ประกอบกันจนเป็น Roadmap ของการพัฒนาประเทศ จึงขอชวนพี่น้องมองไปข้างหน้า ถ้าเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ประเทศไทยจะเปลี่ยนไป ดังนี้


  1. พี่น้องจะเห็นรัฐบาลที่เข้ามาบริหารอย่างจริงจัง ไม่ใช่บริหารแบบธุรการเหมือนที่ผ่านมา เราจะมียุทธศาสตร์ มีเป้าหมายที่ชัดเจน นำพาประเทศและชีวิตของพี่น้องประชาชน เราจะทำงานอย่างขยันขันแข็ง วางระบบไว้สำหรับคนรุ่นหลังให้เดินต่อไปได้ จะไม่มาบอกว่า “ถ้าไม่มีผมแล้ว ประเทศจะอยู่อย่างไร” หรือ “ถ้าผมไม่ทำ แล้วใครจะทำ” เรากำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนว่า ภายในปี 2567 เราจะทำให้ GDP ประเทศโตไม่น้อยกว่า 5% เพราะเราต้องการให้พี่น้องร่วมชาติทุกคน มีงานทำ มุ่งไปที่เป้าหมายแรงงานขั้นต่ำ 600 บาท และปริญญาตรี 25,000 บาท ทุกคนจะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลก ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่หลายประเทศจะมาขอเรียนรู้จากเรา เหมือนที่เราทำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค และแน่นอนว่า เราจะรักษาวินัยการเงินการคลังเป็นอย่างดี และจะเห็นบริษัทของคนไทยเติบโตในเวทีโลกจากการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ยืนยันว่า นักลงทุนจะกลับมาให้ความสนใจกับประเทศไทย ไม่แพ้เพื่อนบ้านของเราอย่างแน่นอน
  2. ถ้าคนไทยทุกคนเอามือล้วงกระเป๋าตังค์ จะพบว่าตั๋วจำนำหมดไป แทนที่ด้วยแบงก์ในกระเป๋ามากขึ้น หนี้สินน้อยลง เพราะระบบเศรษฐกิจของเราจะทำให้คนไทยทุกอาชีพ ทุกฐานะ สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆ เหมือนในยุคไทยรักไทย ด้วยโครงการ Soft Power การเติมเงินทุกครอบครัวให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ใช้หลักตลาดนำ นวัตกรรมเสริมทางการเกษตร และการใช้เทคโนโลยี Blockchain
  3. รายจ่ายจะลดลง ผ่านนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่จะปรับปรุงการบริการด้วยเทคโนโลยี คนกรุงเทพฯ จะขึ้นรถไฟฟ้าได้ถูกลง 20 บาทตลอดสาย ค่าทางด่วนจะมีการเชื่อมโยงให้เสียค่าใช้จ่ายน้อยลง เพื่อการจราจรที่ติดขัดน้อยลง คนต่างจังหวัดจะมีรถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ มาเสริมบริการ ในราคาที่ไม่แพงเกินไป
  4. ยาเสพติดจะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะเพื่อไทยจะนำนโยบายและวิธีการสมัยไทยรักไทยมาใช้ คืนลูกหลานให้กับครอบครัว เป็นบุคคลที่มีค่า ไม่ใช่ปัญหาสังคม
  5. นักท่องเที่ยวจะเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก และกระจายไปทั่วประเทศ มีการเพิ่มสนามบินนานาชาติที่มีมาตรฐาน ปรับปรุงสนามบินสุวรรณภูมิให้ไม่วุ่นวายแบบทุกวันนี้ เราจะมีการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น Man-made ทำนุบำรุงรักษาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมให้มีชีวิตชีวา พร้อมจัดการแข่งกีฬาและคอนเสิร์ตระดับโลก ตลอดจนยกระดับงานประเพณีไทยให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งปี
  6. คืนอากาศสะอาด จัดการ PM 2.5 อย่างต่อเนื่องที่ต้นตอ การจราจรในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ จะต้องได้รับการดูแล ไม่ปล่อยไว้ตามยถากรรม
  7. คืนสิทธิที่จะ “รักชาติ” โดยไม่จำเป็นต้อง “เกณฑ์ทหาร” เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ โดยรัฐบาลจะพูดคุยกับกองทัพถึงความจำเป็น และการฝึกอาชีพหลังจากการเป็นทหาร เหมือนในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว
  8. จะไม่มีใครโอดครวญเรื่องค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน และค่าแก๊ส อีกต่อไป เพราะเราจะปรับโครงสร้างราคาใหม่ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมเร่งพัฒนาแหล่งพลังงานใหม่มาเสริม และจะควบคุมการผลิตไฟฟ้าให้เหมาะสม
  9. เราจะจัดการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นภาระประชาชน เช่น ทำตัวเป็นนายประชาชน รีดไถประชาชน ทำทันทีที่เข้ารับหน้าที่ และจะไม่ยอมให้มีการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการเด็ดขาด ไม่ว่าจะโดยนักการเมือง หรือผู้บังคับบัญชาชั้นสูง เราจะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน เป็นกฎหมายสูงสุดตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจะไม่ให้มีการโค่นล้มรัฐธรรมนูญ หรือก่อรัฐประหารขึ้นอีก เพราะเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ มีการบังคับใช้กฎหมายที่ชัดเจนและเป็นธรรม ใครที่ล้มรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ถือเป็นอาชญากรของชาติ ต้องได้รับโทษอย่างเหมาะสม
  10. เราจะขอเชิญทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่อยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่ตัวเองไม่ถนัด กลับไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง และจะให้ผู้มีความรู้ มีประสบการณ์ เข้าไปช่วยทำให้รัฐวิสาหกิจประสบความสำเร็จ ทุกคนจะเห็นรัฐบาลเพื่อไทยลดการผูกขาดทุกรูปแบบ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และบริการที่เป็นธรรม

และประการสุดท้าย เราจะไม่เห็นความอยุติธรรมจากตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐภายใต้อำนาจบริหารอีกต่อไป จะไม่เห็นการบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง จะไม่ให้คนตัวเล็กโดนกลั่นแกล้ง ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่คนก็เดือดร้อนมาก เราจะยกเลิกการตั้งด่านเก็บส่วยของทั้งตำรวจ กรมการขนส่งฯ โดยไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยความสามารถของพรรคเพื่อไทย

“ผมมีความฝันที่จะเห็นพี่น้องประชาชนไทย อยู่ดี กินดี มีความภาคภูมิใจ เศรษฐกิจไทยจะเติบโต พร้อมกับความเจริญทางจิตใจ ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก มีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ ประชาธิปไตยจะกลับคืนสู่พวกเราทุกคน และฝันว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับใช้ประชาชนอีกครั้ง ผมและพรรคเพื่อไทยจะต่อสู้เพื่อไม่ให้พวกเราตื่นขึ้นมาพบประเทศที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ไม่ยอมรับความแตกต่าง หรือตื่นขึ้นมาเจอผู้นำประเทศเป็นคนเดิมที่ไร้หัวใจ เห็นคนไทยไร้ที่ยืนในเวทีโลก” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนกระทั่งวันนี้เป็นพรรคเพื่อไทย เราเป็นสถาบันที่หนักแน่น มีอุดมการณ์ยึดโยงกับประชาชนมาโดยตลอด ขณะเดียวกันก็เป็นพรรคที่ถูกกลั่นแกล้งมากที่สุดเช่นกัน โดยความอยุติธรรมเกิดขึ้นในระบบกฎหมาย ผู้มีอำนาจที่ไม่รับฟังเสียงประชาชน แต่วิกฤติที่เกิดขึ้นทำอะไรไม่ได้กับอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย เรายังยืนหยัดแข็งแกร่ง ทำประโยชน์เพื่อประชาชน และกลับกัน ยังได้รับความศรัทธาจากพี่น้องประชาชน ได้รับความไว้วางใจของประชาชนอย่างต่อเนื่อง พิสูจน์จากผลการเลือกตั้งในปี 2544 ปี 2548 ปี 2550 ปี 2554 ปี 2562 และครั้งนี้ มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง ทำให้เราเป็นพรรคเดียวที่มีโอกาสทำให้ ส.ว. ต้องฟังเสียงประชาชน

พร้อมย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะต้องชนะให้มากกว่าทุกครั้งที่เราเคย ให้มากพอที่จะทำให้ ส.ว. ทำตามฉันทามติของประชาชน โดยไม่มีข้ออ้างอีกต่อไป เราจะไม่ทรยศต่อคนที่ร่วมอุดมการณ์กับพวกเรา เราจะรับฟังทุกเสียงของประชาชน จะทำงานหนัก จัดตั้งรัฐบาลที่โปร่งใส เราจะใช้ทุกวินาทีอย่างมีค่า ใช้จ่ายภาษีทุกบาททุกสตางค์อย่างมีจุดมุ่งหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยทุกคน ภาพฝัน ความหวัง และนโยบายที่ได้กล่าวไปในตลอด 75 วันที่ลงพื้นที่ เป็นไปได้จริง

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เวลานี้ประเทศต้องการรัฐบาลที่มีประสบการณ์ มีความสามารถ เข้าใจกลไกทั้งการเมือง กฎหมาย ราชการ และความร่วมมือจากภาคเอกชนจำนวนมาก ทั้งในไทยและต่างประเทศ มาเปลี่ยนประเทศไทยให้พ้นจากวิกฤติ สถานะทางการเงินการคลังของประเทศอยู่ที่ปากเหว หนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เรารอไม่ได้แล้ว ประเทศไทยไม่มีโอกาสให้เสี่ยงอีกแล้ว ทั้งเสี่ยงที่จะเปิดช่องว่างให้รัฐบาลเผด็จการกุมอำนาจ ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ค้านมติของประชาชน เสี่ยงที่เสียงของฝ่ายประชาธิปไตยจะถูกบั่นทอน จากการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม เสี่ยงที่การลงคะแนนแบบไม่มียุทธศาสตร์ จะทำให้ฝ่ายเผด็จการกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง เรามีบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ที่พรรคเพื่อไทยพลาดไปเพียง 17 ที่นั่ง เราต้องไม่ปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกแบบไร้ยุทธศาสตร์อีกครั้ง ไม่เช่นนั้นเราจะต้องทนกับรัฐบาลที่สืบทอดเผด็จการ ขั้วอำนาจเดิมต่อไป

“ผมขอวิงวอนจากใจ อย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ ชัวร์ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง เราจะทำให้เสียงของประชาชนเป็นใหญ่ ให้ประชาธิปไตยเป็นใหญ่ ให้นักการเมืองฟังเสียงของประชาชน และผม นายเศรษฐา ทวีสิน ขอเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความมืดมน สู่ความเป็นจริงที่มีความหวัง ผมขอให้ทุกคนลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ทั้ง ส.ส.เขต และพรรค เบอร์ 29 ให้แลนด์สไลด์ทั้งประเทศ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ให้พวกเราไปรับใช้ประชาชน ไปทำความหวังของทุกคน เปลี่ยนประเทศให้ได้จริง และส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้กับลูกหลาน” นายเศรษฐา กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]