นิด้า 27 ก.พ.- นักวิชาการ ชี้เหตุ “พล.อ.ประยุทธ์” คะแนนนำชายแดนใต้เพราะ “เพื่อไทย-ประชาชาติ”ตัดคะแนนกัน เชื่อผลคะแนนนิยมแคนดิเดตนายกฯ ไม่ส่งผล ส.ส.เขต มั่นใจไม่มีปรากฏการณ์ “ตาอยู่”
รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีฝ่ายวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)กล่าวถึงผลการสำรวจความเห็นประชาชนใด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่อยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ขออย่าเพิ่งไปดูว่าคะแนนใครนำใครเพราะหากดูคะแนนนิยมโดยละเอียดแล้ว จะพบว่า พลเอกประยุทธ์ ได้คะแนนนิยมร้อยละ 19 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จากพรรคประชาชาติได้คะแนนนิยมร้อยละ 17 และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนนิยมร้อยละ 16 ซึ่งถือว่าคะแนนนิยมทั้ง 3 คนใกล้เคียงกันมาก ส่วนในจังหวัดอื่นๆกรณีที่พลเอกประยุทธ์แข่งกับนางสาวแพทองธาร คะแนนนิยมของนางสาวแพทองธารก็จะนำ แต่กรณีดังกล่าว มีนายวันมูหะมัดนอร์ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมสูงในจังหวัดชายแดนใต้แทรกขึ้นมา จึงดึงคะแนนของนางสาวแพทองธาร มา หากสองคนรวมกันก็ถือว่ามากกว่าพลเอกประยุทธ์ แต่อย่างไรก็ตาม พลเอกประยุทธ์ถือว่ามีฐานเสียงหรือแฟนคลับที่แน่นอน ในกลุ่มข้าราชการ และพ่อบ้านแม่บ้านที่เป็นชาวพุทธอยู่
“ถ้าพูดไปก็คือว่าสองคนนี้ คือแพทองธาร และนายวันมูหะมัดนอร์ มาตัดคะแนนกันเอง เลยทำให้พลเอกประยุทธ์มีคะแนนขึ้นนำ” นายพิชาย กล่าว
นายพิชาย ยังวิเคราะห์ว่า พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมสูงในเขตเมือง จังหวัดนราธิวาส และยะลา แต่ก็มีคำถามว่าพรรคเพื่อไทยสู้จริงหรือไม่ หากคัดเลือกผู้สมัครที่มีความโดดเด่นก็มีโอกาสที่จะชนะได้ แต่ถ้าส่งผู้สมัครตัวไม่เด่นก็มีโอกาสแพ้ได้เช่นกัน ซึ่งหากพรรคเพื่อไทย ส่งตัวคนไม่เด่นก็จะทำให้พรรคพันธมิตรมีโอกาสได้รับอานิสงส์ไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของคนที่ชื่นชอบพลเอกประยุทธ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับพบว่า จะมาเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติเพียงร้อยละ 59 ซึ่งใกล้เคียงกับจังหวัดอื่นๆ ส่วนที่มีชื่อพลเอกประยุทธ์และจะเลือกส.สในพื้นที่ คือในจังหวัดชลบุรี ที่คนชื่นชอบพลเอกประยุทธ์ 100 คนจะไปเลือกส.ส.รวมไทยสร้างชาติ 76 คน
ด้านผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล กล่าวว่า จากการทำโพลสำรวจความเห็นประชาชนมา แล้วแกะข้อมูลละเอียดจะพบว่า พลเอกประยุทธ์มีแฟนประจำ เป็นคนรุ่นอายุ 46 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยม และกลุ่มคนที่มีเงินเดือน 40,000 บาทขึ้นไป กับกลุ่มคนที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 10,000 บาท โดยกลุ่มหลังพอใจในนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเห็นว่าได้ผล สามารถดึงคะแนนได้ ทำให้หลายพรรคการเมืองมาต่อยอดและทำต่อ ทั้งนี้มองว่าผลการสำรวจดังกล่าวไม่ได้สะท้อนถึงปัจจัยในการเลือกส.ส.เขต เนื่องจากเป็นการลงคะแนนโดยใช้บัตร 2 ใบ
ขณะที่ผศ.ดร.มูฮัมหมัดอิลยาส หญ้าปรัง อ.ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวว่า ผลโพลดังกล่าว ไม่น่าจะสะท้อนถึงการเลือกตั้ง ส.ส.เขต ในจังหวัดชายแดนใต้ ที่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของผู้สมัครกับประชาชนในพื้นที่ และความสัมพันธ์ของหัวคะแนน และเป็นการต่อสู้ทางการเมืองในลักษณะของอัตลักษณ์ด้วย จึงไม่อาจสรุปได้ว่า พลเอกประยุทธ์ มีคะแนนนำ เช่นนี้จะทำให้ผู้สมัครจากส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติได้รับการเลือกตั้ง และจากที่ติดตามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อว่า ไม่น่าจะมีปรากฏการณ์”ตาอยู่” เกิดขึ้นจากการแย่งคะแนนกันเอง เพราะดูเหมือนว่า ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติ แยกกันเดินหมายถึงว่าในเขตเดียวกันจะไม่ส่งผู้สมัครที่แข็งมาชนกันหรือช้างชนช้าง.-สำนักข่าวไทย
