ริยาด 18 ก.ย.- ซาอุดีอาระเบียและปากีสถานลงนามข้อตกลงการป้องกันประเทศร่วมกันเมื่อวานนี้ เป็นความเคลื่อนไหวที่จะกระชับความเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงยาวนานหลายทศวรรษอย่างมีนัยสำคัญ ในยามที่ความตึงเครียดระดับภูมิภาคทวีความรุนแรงขึ้น สถานีโทรทัศน์ของทางการปากีสถานออกอากาศภาพนายกรัฐมนตรีเชบาซ ชารีฟของปากีสถาน ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ สวมกอดกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย หลังจากลงนามข้อตกลงดังกล่าวที่กรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย โดยมีจอมพลอาซิม มูนีร์ ผู้บัญชาการทหารบกของปากีสถานที่ถือว่าเป็นผู้ทรงอำนาจที่สุดของประเทศร่วมอยู่ด้วย สำนักนายกรัฐมนตรีปากีสถานและสำนักข่าวซาอุดีเพรสส์หรือเอสพีเอ (SPA) ของทางการซาอุดีอาระเบียเผยแพร่แถลงการณ์ร่วมว่า ข้อตกลงนี้สะท้อนถึงพันธกิจของทั้งสองประเทศที่จะเสริมสร้างความมั่นคงของตนเอง และจะทำให้ภูมิภาคและประชาคมโลกมีความมั่นคงและสันติภาพ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสองประเทศ และเสริมสร้างการป้องปรามร่วมกันต่อการรุกรานใด ๆ โดยจะถือว่าการรุกรานประเทศใดประเทศหนึ่งจะถือว่าเป็นการรุกรานทั้งสองประเทศ แถลงการณ์ร่วมระบุด้วยว่า ข้อตกลงนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนระดับประวัติศาสตร์ ผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ร่วมกัน และความร่วมมือด้านกลาโหมอย่างใกล้ชิดของสองประเทศ ซาอุดีอาระเบียและปากีสถานลงนามข้อตกลงนี้ หลังจากสันนิบาตอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลามหรือโอไอซี (OIC) เปิดการประชุมร่วมวาระพิเศษเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่กรุงโดฮาของกาตาร์ เพื่อหารือเรื่องที่อิสราเอลใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงโดฮาหวังสังหารแกนนำกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 9 กันยายน ชาติอาหรับและอิสลามพากันประณามอิสราเอลอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นการโจมตีในขณะที่แกนนำฮามาสกำลังหารือข้อเสนอของสหรัฐเรื่องหยุดยิงในกาซา ซาอุดีอาระเบียและปากีสถานมีความสัมพันธ์ทางทหารและทางการค้าใกล้ชิดมาหลายทศวรรษ ปากีสถานได้ฝึกอบรมให้ทหารซาอุดีอาระเบียมากกว่า 8,200 นายนับตั้งแต่ปี 2510 และจัดการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกันหลายครั้ง ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศอินเดียโพสต์ผ่านเอ็กซ์ (X) ในวันนี้ว่า อินเดียทราบเรื่องข้อตกลงการป้องกันประเทศร่วมกันปากีสถาน-ซาอุดีอาระเบีย และจะศึกษาเรื่องผลกระทบที่จะมีต่อความมั่นคงของอินเดียและเสถียรภาพในภูมิภาค เจ้าหน้าที่อาวุโสของซาอุดีอาระเบียที่ขอสงวนนามยอมรับว่า […]

โตเกียว, 18 ก.ย. – นางซานาเอะ ทาคาอิจิ อดีตรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจกล่าวในวันพฤหัสบดีว่า เธอจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี ซึ่งเป็นรัฐบาลที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 4 ตุลาคม เพื่อหาผู้นำพรรคแทนที่นายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง นางทาคาอิจิ ซึ่งคาดหวังที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตัวเก็งร่วมกับนายชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และการประมง นางทาคาอิจิกล่าวว่าเธอจะจัดแถลงข่าวในวันศุกร์เพื่ออธิบายถึงนโยบายของเธอ เธอมีแนวทางที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น และเรียกร้องให้เพิ่มการใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เปราะบาง นายกรัฐมนตรีอิชิบะได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งหลังจากดำรงตำแหน่งได้ไม่ถึงหนึ่งปี สำหรับผู้สมัครคนอื่น ๆ ได้แก่ นายโยชิมาสะ ฮายาชิ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายโทชิมิตสึ โมเตงิ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และนายทาคายูกิ โคบายาชิ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นายฮายาชิกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาจะสานต่อนโยบายบางอย่างของรัฐบาลอิชิบะ ซึ่งรวมถึงความพยายามที่จะขยายการขึ้นค่าจ้างในหมู่บริษัทขนาดเล็ก เพื่อให้ครัวเรือนสามารถรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าไม่ควรลดอัตราภาษีการบริโภคของญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าภาษีดังกล่าวเป็นแหล่งรายได้สำคัญในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคมสำหรับประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประเทศ ในขณะที่ผู้สมัครอีกคนหนึ่งคือนายโมเตงิ กล่าวว่าเขาจะเจรจากับสหรัฐเพื่อลดภาษีนำเข้าเพิ่มเติมหากสถานการณ์เอื้ออำนวย ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวจิจิของญี่ปุ่นที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี พบว่านายโคอิซูมิเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งด้วยคะแนนร้อยละ 23.8 ในฐานะผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาด้วยนางทาคาอิจิที่ร้อยละ 21.0 ส่วนนายฮายาชิและนายโมเตงิอยู่ในอันดับสามร่วมกันที่ร้อยละ […]