พบชาวกัมพูชายังปักหลักอยู่จุดที่เคยปะทะ

สระแก้ว 19 ก.ย. – กองทัพบก นำคณะสื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ที่บริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว พบยังคงมีชาวกัมพูชาปักหลักอยู่จุดที่เคยปะทะ บรรยากาศช่วงเช้า ที่บริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ได้นำคณะสื่อลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ พบว่ายังคงมีชาวกัมพูชาปักหลักอยู่ที่บริเวณรั้วลวดหนามจำนวนมาก ใกล้กับจุดที่เกิดการประทะกันเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ซึ่งคาดว่าเป็นความพยายามเพื่อจะยึดพื้นที่ที่เป็นดินแดนของไทย พันเอกชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.12 ชี้แจงถึงพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วบางส่วน ที่มีความพยายามจากชาวกัมพูชา อ้างว่าอาศัยอยู่มานานแล้ว แต่ในข้อเท็จจริง ยืนยันว่าพื้นที่ในสามเหลี่ยมสีฟ้า เป็นของไทยทั้งหมด โดยอ้างอิงตาม MOU 43 ที่มีเส้นเขตแดนของทั้งสองฝั่งที่ยังตกลงกันไม่ได้ คือเส้นสีแดงและสีน้ำเงินเท่านั้น และยืนยันว่า ไม่ว่าจะมีการทำลายหรือย้ายหมุดอย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้เส้นเขตแดนไทยเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งการดำเนินการหากมีการรุกล้ำเข้ามาในแนวรั้วลวดหนาม จะใช้วิธีการทางกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจากเบาไปหาหนัก ส่วนกำลังทหารจะเพียงช่วยดูแลหากมีการพังรั้วลวดหนาม แต่จะไม่มีการใช้อาวุธใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้เกิดการเพลี่ยงพล้ำในเวทีโลก พร้อมยืนยันว่าทางการไทย เคยส่งหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชา นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นจำนวนถึง 12 ครั้ง รวมถึงปักป้ายประกาศให้ชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่ แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดจากทางฝั่งกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้ไทยสามารถยึดคืนพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วคืนจากชาวกัมพูชาได้แล้วกว่า 100 ไร่ ที่ปรากฏตามแนวรั้วลวดหนาม เหลือส่วนที่ยังมีชาวกัมพูชาอาศัยอยู่อีก […]

ภัยการเงินก่อความสูญเสีย เฉพาะผู้แจ้งความเฉียดแสนล้านบาท

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – แบงก์ชาติกระตุ้นทุกฝ่ายปกป้องภัยการเงิน ที่มาพร้อมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี งานวิจัยพบ ความเสียหายลุกลาม มีเพียง 10% ของผู้เสียหายที่แจ้งความ โดยตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วกว่า 1 ล้านราย มูลค่าความเสียหายเกือบ 9.8 หมื่นล้านบาท งานสัมมนาวิชาการธนาคารแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568หัวข้อ “เท่าทันภัยการเงิน: Towards Safer and More Inclusive Digital Finance” นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในทศวรรษที่ผ่านมา การเงินดิจิทัล (digital finance) ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะระบบการชำระเงินดิจิทัล หรือ fast payment ที่ทำให้การทำธุรกรรมสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงได้ จนเปลี่ยนวิถีชีวิตทางการเงินของทั้งประชาชนและภาคธุรกิจไปอย่างมาก ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของไทย คือ พร้อมเพย์ (PromptPay) ที่ประชากรไทยกว่า 70% ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน […]

กลุ่มปิโตรเคมี ดึงเทคโนโลยีพัฒนาเม็ดพลาสติกรีไซเคิล

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี” สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนปฏิบัติการพัฒนาระบบส่งคืนขยะพลาสติกสู่การรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานและครบวงจร มุ่งสู่การเป็นวัตถุดิบยุคใหม่ สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-curve ดึงทุกภาคส่วน รัฐ เอกชน ชุมชน ประชาชน พัฒนาวงจรใช้พลาสติกอย่างเข้าใจ นายอภิชัย เจริญสุข ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ส.อ.ท. เปิดเผยว่า กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งมีสมาชิกสามัญในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรวม 28 บริษัท พร้อมร่วมประกาศเจตนารมณ์กับสมาคมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืนตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ( PPP Plastics) โดยมุ่งมั่นร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนพลาสติก ตามโรดแมปของประเทศว่าด้วยการจัดการขยะพลาสติก ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกแล้ว ยังเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (S-curve) ที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศแบบคาร์บอนต่ำ ลดภาวะโลกร้อน และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพไปด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจไทยและการแข่งขันในเวทีการค้าโลก การมุ่งสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมรีไซเคิลพลาสติกครอบคลุมทุกลำดับขั้นการจัดการขยะ (Waste Hierarchy) เพื่อพัฒนาเป็นวัตถุดิบต้นทางคุณภาพสูงเหมาะในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยการมีระบบดึงขยะพลาสติกเข้าสู่การจัดการขยะที่ถูกต้อง ที่ปัจจุบันได้เกิดความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการผลิตและใช้พลาสติกอย่างเข้าใจทั้งระบบ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งในมิติเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม “ปิโตรเคมี เป็นอุตฯต้นน้ำ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศจากวัตถุดิบธรรมชาติได้มากถึง 10–25 […]

SCB EIC ชี้เศรษฐกิจไทยยังถูกความท้าทายรุมเร้า คาดครึ่งปีหลังโตได้แค่ 0.7%

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – SCB EIC มองทั้งปี เงินบาทอยู่ในกรอบ 31-32 บาทต่อดอลลาร์ เศรษฐกิจไทยยังถูกความท้าทายรุมเร้า คาดครึ่งปีหลังโตได้แค่ 0.7% แนะรัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้น ดร.ยรรยง ไทยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานวิจัยฯ SCB EIC กล่าวในรายการนาทีลงทุน ช่อง 9 MCOTHD หมายเลข 30 ว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้เงินบาท แข็งค่าขึ้นมากว่า 8% อยู่ในระดับต้น ๆ ของภูมิภาค ส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อการส่งออก และการท่องเที่ยวของไทย ส่วนการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนัดล่าสุด ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทหรือเงินดอลลาร์มากนัก เพราะการลดดอกเบี้ยเป็นไปตามคาด โดยมองว่าในอีก 1 – 2 เดือนข้างหน้า ค่าเงินบาทจะอยู่ในกรอบ 31.5-32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และหากมองไปถึงสิ้นปี จะอยู่ในกรอบ 31 – 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างแข็ง สาเหตุหลักมาจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า […]

Authorities Dismantle Burmese Rosewood Smuggling Ring

NONG KHAI, Sept 19 (TNA) – Thai authorities have busted a large-scale international smuggling ring, seizing a warehouse filled with protected Burma Padauk or Burmese rosewood and exposing a multi-million-dollar timber trade. The raid is part of a larger crackdown that could implicate local politicians. The Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation, in […]

กลุ่มค้าปลีกคาดคึกคักหลัง รัฐออกมาตรการกระตุ้น ศก.

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – นักวิเคราะห์ประเมินคาดกลุ่มค้าปลีกคึกคักหลังรัฐออกมาตรการกระตุ้น ศก.ส่วนวันนี้จะมีการปรับลดน้ำหนักดัชนี FTSE Rebalancing คาดว่าจะมีเม็ดไหลออกประมาณ 2,500 ล้านบาท นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้ง ครม. “อนุทิน” ก็คาดว่าน่าจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ในช่วงปลายสัปดาห์หน้า โดยมั่นใจว่าจะเร่งดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว เช่น มาตรการคนละครึ่ง มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งหากมีรายละเอียดในมาตรการต่าง ๆ ออกมา คาดว่าหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น ค้าปลีก, ไฟแนนซ์, อาหาร, เครื่องดื่ม, รับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง น่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐจากการลงทุนในระยะสั้น ในส่วนของตลาดหุ้นไทยในเช้าวันนี้ ยังอยู่ช่วงพักฐาน ช่วงเช้าดัชนีต่ำกว่า 1,300 จุด โดยอีกหนึ่งปัจจัยคือช่วงใกล้ปิดตลาดฯวันนี้ จะมีการปรับลดน้ำหนักดัชนี FTSE Rebalancing คาดว่าจะมีเม็ดไหลออกประมาณ 2,500 ล้านบาท ระหว่างวันหุ้นขนาดใหญ่อาจไม่ขยับ ทิศทางดัชนีฯแกว่งออกข้าง […]

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

รอง ผบช.ก. เผยคดีบริษัทอสังหาฯ ทิ้งงานก่อสร้างบ้านเข้าข่ายฉ้อโกง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – รอง ผบช.ก. เผยคดีบริษัทอสังหาฯ ทิ้งงานก่อสร้างบ้านเสียหายกว่า 300 ล้าน เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน หลังมีผู้เสียหายทั่วประเทศ เตรียมตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และส่งพนักงานสอบสวนลงพื้นที่สอบปากคำ กรณีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งรวมตัวกันมาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กรณีถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่รับงานก่อสร้างบ้าน ราคาหลังละ 3-10 ล้านบาท แต่ทิ้งงานไปรับลูกค้ารายใหม่ทั้งที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (19 ก.ย.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า สำหรับกรณีดังกล่าวเป็นการร้องเรียนบริษัทรับเหมาสร้างบ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเบิกเงินไปแล้วแต่ไม่ดำเนินงานก่อสร้างตามสัญญา บางรายสร้างเพียงร้อยละ 40–50 ของโครงการ แต่กลับเบิกเงินเกินจริง หรือผู้รับเหมาช่วงต้องควักเงินส่วนตัวไปทำงานต่อจนได้รับความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งหากไปแจ้งความดำเนินคดีที่โรงพักเป็นเรื่องเดียวก็จะเป็นเรื่องทางแพ่ง แต่เรื่องนี้มีการรวมตัวกันมาร้องเรียนหลายคน ซึ่งเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งเมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับผู้เสียหายทุกคน พร้อมบอกให้ผู้เสียหายเตรียมเอกสารและรวมตัวกันเพื่อสอบปากคำ เนื่องจากมีผู้เสียหายกระจายอยู่ในหลายจังหวัด โดยหากจังหวัดใดมีผู้เสียหายน้อยก็จะจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ขึ้นมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อรองรับการสอบปากคำผู้เสียหาย แต่หากจังหวัดใดที่มีผู้เสียหายจำนวนมากก็สามารถรวมตัวกันในจังหวัดได้ โดยตำรวจสอบสวนกลางจะจัดเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำในพื้นที่ เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวรับงานก่อสร้างกว่า 800 […]

“บิ๊กเต่า” เผยกองปราบฯ เร่งตรวจสอบเส้นเงินวัดดังย่านปทุมธานี

19 ก.ย. – พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยหลังจากที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เข้าไปพบเพื่อมอบพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงินพระวัดดังย่านปทุมธานี โดยใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง ว่าจากกรณีที่มีสีกาจากประเทศเยอรมนีส่งทีมทนายความเข้ามาร้องเรียนกับทาง บก.ปปป. ให้ตรวจสอบพระวัดดังย่านปทุมธานี ในฐานความผิดเกี่ยวกับเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ตามมาตรา 157 และ147 เรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้มีการส่งสำนวนคดีไปที่ทาง ป.ป.ช. แล้ว ในส่วนกรณีของกองบังคับการปราบปรามที่ได้รับข้อร้องเรียนให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดดังตั้งแต่ปี 2556-2559 มีการตรวจสอบในหลายประเด็น ขอสงวนไว้ก่อน ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียนประมาณ 500 ล้านบาท ในส่วนข้อมูลหรือหลักฐานของทนายอนันต์ชัย ที่นำมามอบให้นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังมีบางส่วนที่โต้แย้งกันไปมา แต่มีข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ทนายของสีกาเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ เป็นเรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด และหลักฐานการคืนเงินของผู้เสียหาย ในเบื้องต้นทางวัดยังไม่มีการประสานเข้ามาให้ข้อมูล ส่วนข้อมูลที่ทางทีมทนายความของวัดออกมาชี้แจงก่อนหน้านี้ เป็นการชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องเงินตั้งมูลนิธิในประเทศเยอรมนีซึ่งเป็นคนละส่วนของการตรวจสอบ.-419- สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]

ยูเอ็นโหวตหนุนหยุดยิงถาวรในกาซ่าแต่สหรัฐคัดค้าน

นิวยอร์ก 19 ก.ย. – คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบร่างมติเรียกร้องให้หยุดยิงถาวรในฉนวนกาซ่า ขณะที่สหรัฐเป็นประเทศเดียวที่ออกเสียงคัดค้าน สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 14 ประเทศมีมติเห็นชอบร่างมติเรียกร้องให้หยุดยิงถาวรในฉนวนกาซ่าโดยไม่มีเงื่อนไข และให้อิสราเอลยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดในการส่งมอบความช่วยเหลือเข้าไปในฉนวนกาซ่า ร่างมติดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยสมาชิกคณะมนตรีฯ 10 ประเทศที่ได้รับเลือกจากสมาชิกทั้งหมด 15 ประเทศ ซึ่งในร่างญัตตินี้ยังเรียกร้องให้ปล่อยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสและกลุ่มอื่นๆ จับตัวเอาไว้โดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไขอีกด้วย ทูตเดนมาร์กประจำสหประชาชาติกล่าวว่าฉนวนกาซ่ากำลังเผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายด้านมนุษยธรรมและกำลังจะทวีความรุนแรงขึ้นจากการที่อิสราเอลเดินหน้ารุกคืบโจมตีกาซ่าซิตี้ ขณะที่สหรัฐเป็นเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่คัดค้านร่างมตินี้ นับเป็นครั้งที่ 6 แล้วที่สหรัฐใช้อำนาจออกเสียงยับยั้งหรือวีโต้ร่างมติของคณะมนตรีฯ ที่เกี่ยวข้องกับสงครามในฉนวนกาซ่าระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสซึ่งยืดเยื้อมานานเกือบ 2 ปีแล้ว นักการทูตสหรัฐกล่าวก่อนการลงมติว่ากลุ่มฮามาสจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเพราะเป็นฝ่ายเริ่มและยังไม่ยอมยุติสงคราม ซึ่งสงครามอาจจะยุติลงในวันนี้หากฮามาสยอมปล่อยตัวประกันและยอมวางอาวุธ.-816.-สำนักข่าวไทย

หุ้นไทยปิดเช้าลบ 1.63 จุด

กทม. 19 ก.ย.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดเช้าวันนี้ 1,295.38 จุด ลดลง 1.63 จุด (-0.13%) มูลค่าซื้อขายราว 18,408 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวกรอบแคบ ทั้งแดนบวกและลบ โดยทำระดับต่ำสุด 1,294.16 จุด และสูงสุด 1,302.49 จุด.-สำนักข่าวไทย

1 79 80 81 82 83 34,748