วอชิงตัน 19 ก.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวประกันอีก 10 คนจะได้รับการปล่อยตัวจากกาซาในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่กลุ่มฮามาสย้ำเรื่องต้องการให้อิสราเอลยอมรับข้อตกลงแบบครอบคลุม ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ในระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำกับสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ตัวประกันส่วนใหญ่ในกาซาได้รับการปล่อยตัวแล้ว และจะมีตัวประกันได้รับการปล่อยตัวเพิ่มเติมอีก 10 คนในเร็ว ๆ นี้ หวังว่าเรื่องราวทั้งหมดจะยุติลงโดยเร็ว พร้อมกับใช้โอกาสนี้กล่าวชื่นชมนายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านกิจการตะวันออกกลางว่า เป็นนักเจรจาที่ดีและทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ และ มาร์โก รูบิโอ  รัฐมนตรีต่างประเทศที่ทุ่มเททำหน้าที่ได้อย่างดีในด้านการทูตและการผลักดันกฏหมาย ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ด้านโฆษกฝ่ายกองกำลังของกลุ่มฮามาสแถลงทางสถานีโทรทัศน์ว่า ฮามาสสนับสนุนการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในกาซา แต่หากการเจรจาในขณะนี้ไม่บังเกิดผล ฮามาสอาจกลับไปยืนกรานเรื่องต้องการให้มีข้อตกลงแบบครอบคลุมทุกประเด็นเพื่อยุติปัญหาขัดแย้งในกาซา โฆษกกล่าวว่า ฮามาสได้ยื่นข้อเสนอแบบครอบคลุมมาโดยตลอดว่า จะปล่อยตัวประกันทั้งหมดและบรรลุข้อตกลงหยุดยิงแบบถาวร แต่ถูกอิสราเอลปฏิเสธ ทั้งนี้อิสราเอลยืนกรานว่า สงครามจะยุติต่อเมื่อฮามาสถูกปลดอาวุธและแกนนำฮามาสถูกขับออกจากกาซา คณะเจรจาของฮามาสและอิสราเอลกำลังหารือกันที่กรุงโดฮาของกาตาร์ โดยมีกาตาร์และอียิปต์เป็นคนกลางมาตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม เรื่องข้อเสนอที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐให้มีการหยุดยิงเป็นเวลา 60 วัน โดยในระหว่างนั้นฮามาสจะปล่อยตัวประกันที่ยังมีชีวิต 10 คน และร่างตัวประกัน 18 คน แลกกับการที่อิสราเอลจะปล่อยชาวปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังจำนวนหนึ่ง […]

วอชิงตัน 19 ก.ค.- สหรัฐจำกัดการออกวีซ่าให้แก่เจ้าหน้าที่บราซิลและครอบครัวที่ดำเนินคดีกับนายฌาอีร์ โบลโซนารู อดีตประธานาธิบดีบราซิล หลังจากศาลฎีกาบราซิลมีคำสั่งห้ามนายโบลโซนารูติดต่อกับเจ้าหน้าที่ต่างชาติ ตามที่มีเสียงครหาว่าเขาขอให้สหรัฐแทรกแซงศาล นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐโพสต์เมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังจำกัดการออกวีซ่าให้แก่นายอเล็กซันดีร์ ดี โมราอิส ผู้พิพากษาศาลฎีกาบราซิลและเจ้าหน้าที่ตุลาการที่เป็นพรรคพวกกัน รวมถึงสมาชิกครอบครัว โดยให้มีผลทันที เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการดำเนินคดีกับนายโบลโซนารู ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ศาลฎีกาบราซิลได้ออกหมายค้นและออกคำสั่งห้ามกระทำการกับนายโบลโซนารู คณะผู้พิพากษา 5 คนเห็นชอบตามที่ผู้พิพากษาโมราอิสมีคำสั่งห้ามนายโบลโซนารูติดต่อกับเจ้าหน้าที่ต่างชาติ ห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือติดต่อสถานทูตต่าง ๆ เนื่องจากมีความเป็นไปได้เป็นที่ประจักษ์ว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ จากนั้นตำรวจรัฐบาลกลางได้ตรวจค้นบ้านพักของเขาและสวมกำไลอีเอ็ม ซึ่งเป็นกุญแจข้อเท้าเพื่อติดตามความเคลื่อนไหว นายโบลโซนารูให้สัมภาษณ์สื่อประณามผู้พิพากษาว่า เป็นเผด็จการและออกคำสั่งที่ขี้ขลาด เขารู้สึกอัปยศอดสูอย่างยิ่งที่ถูกกระทำเช่นนี้ทั้งที่มีอายุ 70 ปี และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาเป็นเวลา 4 ปี เขาปฏิเสธเรื่องเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ แต่เปิดเผยว่า จะไปพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ หากทางการคืนหนังสือเดินทางที่ตำรวจยึดไปตั้งแต่ปีก่อน อดีตผู้นำบราซิลกล่าวด้วยว่า ได้หาทางติดต่อกับเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำบราซิลเพื่อพูดคุยเรื่องภาษีศุลกากรที่สหรัฐจะเก็บกับบราซิลในอัตราร้อยละ 50 ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม นายโบลโซนารูอยู่ระหว่างถูกศาลฎีกาบราซิลพิจารณาคดีในข้อหาวางแผนก่อรัฐประหารเพื่อขัดขวางการที่นายลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ได้กดดันบราซิลให้ยกเลิกการพิจารณาคดีโดยอ้างว่า […]