Elephant in Surin Province with mahout

สื่อจีนรายงานผลกระทบท่องเที่ยวสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – สื่อทางการจีนรายงานว่า การท่องเที่ยวในจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจท่องเที่ยวเกี่ยวกับช้าง ยังคงได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและการปะทะกันตามแนวพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชา สถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น (CGTN) ของทางการจีนรายงานว่า ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งแม้ว่าได้ยุติลงชั่วคราวจากข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อจังหวัดสุรินทร์ของไทย ที่ซึ่งช้างซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวท้องถิ่นกำลังแบกรับภาระหนัก   รายงานระบุว่า สัตว์ที่มีตัวใหญ่ยักษ์อย่างช้าง มีความอ่อนโยนอย่างมาก อีกทั้งยังไวต่อเสียงและแรงสั่นสะเทือน จึงได้รับผลกระทบอย่างมากจากเสียงปืนใหญ่และเสียงคำรามของยานพาหนะทางทหารที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควาญช้างในพื้นที่เล่าว่า ช้างเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว อยู่กันมาตั้งแต่ช้างลืมตาดูโลก เมื่อใดก็ตามที่เกิดระเบิดขึ้นใกล้ ๆ ช้างจะตกใจมาก และจะร้องไห้ แสดงปฏิกิริยาเหมือนคน ซีจีทีเอ็นรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ด้านการท่องเที่ยวท้องถิ่นกล่าวว่า ช้างเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจังหวัดสุรินทร์ ทำให้จังหวัดนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทุกงานทุกเทศกาลต่าง ๆ ในจังหวัดสุรินทร์ ล้วนมีช้างเป็นสัตว์อยู่ในงานด้วย นอกจากความสำคัญทางวัฒนธรรมแล้ว ช้างยังเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจจังหวัดสุรินทร์ เพราะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เน้นไปที่ปางช้าง เส้นทางขี่ช้างเที่ยว และการแสดงต่าง ๆ ช่วยเกื้อหนุนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสุรินทร์หลายพันครอบครัว แต่เมื่อเกิดการปะทะตามพรมแดนที่อยู่ใกล้กับสุรินทร์ ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทาง เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย.-815(814).-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งทุกหน่วยงานเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก “พายุวิภา”

พรรคเพื่อไทย 3 ส.ค. – “ขัตติยา“ เผยรัฐบาลสั่งการทุกหน่วยงาน เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพายุวิภา ยืนยันรัฐบาลเพื่อไทยไม่ทอดทิ้งประชาชน พร้อมเร่งเดินหน้าฟื้นฟูเยียวยา น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีวิกฤติอุทกภัยในภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ จ.น่าน ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุโซนร้อนวิภา ว่ารัฐบาลได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน พร้อมกับประเมินความเสียหายและออกมาตรการเยียวยาวอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงการคลังได้สั่งให้ธนาคารของรัฐพักหนี้ ปล่อยสินเชื่อใหม่ ช่วยเหลือการฟื้นฟูกิจการของเกษตรกร และผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อย่างเร่งด่วน น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า กรมธนารักษ์ ได้รับคำสั่งให้ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุ สำหรับพื้นที่ประสบอุทกภัย 6 จังหวัดในภาคเหนือ ได้แก่ จ.น่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ และแพร่ และได้มีการขยายวงเงินทดรองราชการให้กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเพื่อช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ เช่น น้ำป่า ดินโคลนถล่ม วาตภัย และน้ำท่วมฉับพลัน น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่าเราจะไม่ทอดทิ้งประชาชนแม้แต่คนเดียว และเราจะเร่งเดินหน้าฟื้นฟู เยียวยา และป้องกันอย่างรอบด้าน เพื่อให้ประชาชนผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง.-316-สำนักข่าวไทย

“DITP” เร่งดันสินค้าสุขภาพไทยบุกไต้หวัน-ญี่ปุ่น-รัสเซีย-ซาอุฯ

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เดินหน้าผลักดันดันสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพของไทย บุก 4 ตลาดศักยภาพโลก “ไต้หวัน ญี่ปุ่น รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย” นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดกิจกรรมสร้างเครือข่ายเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าและบริการสุขภาพไทย ระหว่างวันที่ 2-3 สิงหาคม 2568 นางสาวสุนันทา เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมสุขภาพกำลังเป็น “Megatrend” ของโลก ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งไทยมีศักยภาพโดดเด่นทั้งสินค้าและบริการ โดย DITP ชูยุทธศาสตร์ผลักดันสินค้าสุขภาพไทยสู่ตลาดโลกผ่านนวัตกรรม การแปรรูป และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง DITP กำหนดให้กลุ่มสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายโอกาสการค้าในตลาดต่างประเทศอย่างยั่งยืน ในปี 2568-2569 DITP ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าสุขภาพหลายโครงการ สร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มมูลค่าการค้า เช่น คณะผู้แทนการค้าสุขภาพและความงามในจีน และญี่ปุ่น รวมถึงการเข้าร่วมงานระดับโลกอย่าง Osaka Expo 2025 และ THAIFEX-Anuga Asia 2025 […]

Indonesia's Lewotobi Laki-laki volcano erupts

ภูเขาไฟทางใต้ของอินโดนีเซียปะทุใหญ่

จาการ์ตา 3 ส.ค. – ภูเขาไฟบนเกาะฟลอเรส ทางตอนใต้ของอินโดนีเซีย เกิดการปะทุพ่นเถ้าถ่านร้อนสูงขึ้นไปเป็นระยะทางมากกว่า 10 กิโลเมตร ช่วงกลางดึกวันศุกร์ หลังจากปะทุครั้งใหญ่จนทางการบาหลีต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวมาแล้วเมื่อเดือนก่อน สำนักงานภูเขาไฟวิทยาแห่งอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ภูเขาไฟเลอโวโตบี ลากี-ลากี (Lewotobi Laki-laki)  เกิดปะทุขึ้นอีกครั้งช่วงกลางดึกคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น พ่นกลุ่มควันและเถ้าถ่านสูงขึ้นไปในอากาศกว่า 10 กิโลเมตร อีกทั้งยังทำให้เกิดฟ้าผ่าบริเวณที่กลุ่มควันและเถ้าถ่านปะทุจากปากปล่องภูเขาไฟ รวมถึงลาวาสีแดงที่ไหลลงมาตามเนินเขา แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้ได้รับอันตรายจากการระเบิดครั้งนี้ และยังไม่มีประกาศยกเลิกเที่ยวบิน มีเพียงคำประกาศเตือนชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้าใกล้ปากปล่องภูเขาไฟในรัศมี 6-7 กิโลเมตร และเฝ้าระวังอันตรายจากโคลนภูเขาไฟ หากว่ามีฝนตกหนักในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามชุมชนริมแม่น้ำ ปีนี้ภูเขาไฟเลอโวโตบี ลากี-ลากี ปะทุต่อเนื่องหลายครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม การปะทุใหญ่ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ทำให้เกิดกลุ่มควันเถ้าถ่านสูงขึ้นไปในอากาศถึง 13 กิโลเมตร ส่งผลให้ต้องมีการยกเลิกเที่ยวบินที่สนามบินบนเกาะบาหลีที่อยู่ใกล้กันถึง 24 เที่ยวบิน ภูเขาไฟเลอโวโตบี ลากี-ลากี ที่แปลว่าเลอโวโตบีผู้ชาย มีความสูง 1,584 เมตร ตั้งอยู่บนเกาะฟอเรส ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดของจังหวัดนูซาเตงการาตะวันออก ทางตอนใต้สุดของอินโดนีเซีย เป็นภูเขาไฟคู่แฝดกับภูเขาไฟเลอโวโตบี เปอเริมปวน (Lewotobi […]

“เพื่อไทย” สดุดีทหารกล้า-อาลัยพลเรือน ผลักดันสู่โต๊ะเจรจา

พรรคเพื่อไทย 3 ส.ค.- “เพื่อไทย” สดุดีทหารกล้า-อาลัยพลเรือน ย้ำ ชีวิตคนไม่อาจประเมินค่าได้ ยัน ไม่ละทิ้งประชาชน พร้อมผลักดันความขัดแย้งสู่โต๊ะเจรจา น.ส. ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียด และการปะทะบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์จะคลี่คลายลง จากความพยายามในการเจรจาเพื่อยุติการปะทะของรัฐบาลไทย จากการปะทะที่เกิดขึ้น ได้นำไปสู่ความสูญเสีย ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 มีพลเรือน เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย รวมทั้งสิ้น 55 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 15 นาย บาดเจ็บ 196 นาย รวมทั้งสิ้น 211 นาย […]

รองโฆษก พท. ยันปมยึดคืนเขากระโดง รักษาผลประโยชน์ประเทศ

พรรคเพื่อไทย 3 ส.ค.- รองโฆษกเพื่อไทย ยัน มหาดไทยยึดคืนที่ดินเขากระโดง ไม่ใช่การใช้กลไกรัฐทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามหรือการเลือกปฏิบัติ แต่รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ตามหลักกฎหมาย นางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยเดินหน้ายึดคืนที่ดินเขากระโดง จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคการเมืองบางพรรค ว่าเป็นเกมการเมืองว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันต่อสังคมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามหรือการเลือกปฏิบัติ แต่เป็นการดำเนินการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ บนหลักของกฎหมาย ความยุติธรรมและความโปร่งใส การดำเนินงานในกรณีนี้เกิดจากกระบวนการทางกฎหมายและการตรวจสอบที่ถูกต้องตามหลักนิติธรรม มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ย้อนหลังการวินิจฉัยของศาล และการบังคับตามกฏหมายของหน่วยงานรัฐ ยืนยันว่าทุกขั้นตอนไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่ใช่การใช้กลไกรัฐที่จะต้องเล่นงานบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ใช้เป็นเป็นการทวงคืนสิ่งที่เป็นของประชาชนทุกคน หากละเลยในกรณีที่มีการรุกล้ำที่ดินของรัฐหรือถือครองโดยไม่ชอบเพียงหนึ่งกรณีอาจเป็นบรรทัดฐานที่บั่นทอนความยุติธรรมในประเทศ “พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าเราจะไม่ปล่อยให้ทรัพยากรของชาติเป็นเครื่องมือของผลประโยชน์ส่วนตัวไม่ว่าผู้กระทำจะเป็นใครหรืออยู่ฝั่งใดทางการเมืองก็ตาม” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังคงมุ่งมั่นทำงานด้วยความรอบคอบ จริงใจ และโปร่งใส เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นสำคัญทุกความเคลื่อนไหว ทุกการตัดสินใจล้วนผ่านการคิดวิเคราะห์และฟังเสียงจากหลายภาคส่วนอย่างรอบด้าน .-316 -สำนักข่าวไทย

เพื่อไทยขอทุกฝ่ายไม่สร้างชนวนขัดแย้งทางการเมือง

พรรคเพื่อไทย 3 ส.ค.- เพื่อไทย ย้ำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยนัดชุมนุมสิทธิขั้นพื้นฐาน ขอ ทุกฝ่ายตระหนักไม่สร้างชนวนขัดแย้งทางการเมือง-ซ้ำเติมสถานการณ์เปราะบาง น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ว่า พรรคเพื่อไทยขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการชุมนุมโดยสงบนั้นเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคนในระบอบประชาธิปไตย และพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะปกป้องหลักการดังกล่าวอย่างเต็มที่ แต่ขณะนี้ประเทศของเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สังคมไทยต้องการความร่วมมือ ความเข้าใจ และความเป็นเอกภาพจากทุกภาคส่วน พรรคเพื่อไทยจึงขอความร่วมมือจากทุกกลุ่มทุกฝ่ายให้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการแสดงออกทางการเมือง โดยเฉพาะการแสดงออกที่เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ หรือขยายความขัดแย้งของสังคมในช่วงเวลาที่เปราะบางนี้ “พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลพร้อมฟังเสียงจากประชาชนทุกกลุ่ม แต่ขอให้ความเคลื่อนไหวตั้งอยู่บนฐานของความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และไม่กลายเป็นชนวนของความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ ในช่วงเวลาที่ประเทศต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างสูงสุด” น.ส.ขัตติยา ระบุ .-316 -สำนักข่าวไทย

News of Trump's tariff on India

อินเดียจะซื้อน้ำมันรัสเซียต่อไปไม่หวั่น “ทรัมป์” ขู่

นิวเดลี 3 ส.ค.- แหล่งข่าวในรัฐบาลอินเดียเปิดเผยว่า อินเดียจะเดินหน้าซื้อน้ำมันจากรัสเซียต่อไป แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐขู่ใช้มาตรการลงโทษ และจะเดินหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐหลังจากถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีร้อยละ 25 ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมว่า จะลงโทษอินเดียเพิ่มเติมหากยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย จากนั้นได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมกำหนดใช้อัตราภาษีศุลกากรใหม่กับหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงอินเดียที่จะต้องเสียในอัตราร้อยละ 25 ต่อมาผู้นำสหรัฐกล่าวกับสื่อในวันรุ่งขึ้นว่า ทราบมาว่าอินเดียจะไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ในสหรัฐรายงานอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสอินเดีย 2 คนเมื่อวันเสาร์ว่า รัฐบาลอินเดียไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ เช่นเดียวกับรอยเตอร์ที่อ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลอินเดีย 2 คนว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ อย่างฉับพลัน สัญญาซื้อขายน้ำมันเป็นสัญญาระยะยาว ไม่สามารถหยุดซื้อได้ง่าย ๆ ในชั่วข้ามคืน นอกจากนี้การที่อินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซียยังช่วยคงราคาน้ำมันโลกไม่ให้แพงขึ้นอย่างกะทันหันด้วย ปัจจุบันอินเดียซื้อน้ำมันดิบรัสเซียในราคาต่ำกว่าเพดานราคาที่สหภาพยุโรปหรืออียูกำหนดไว้ตามมาตรการลงโทษรัสเซียเรื่องรุกรานยูเครน อินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าและใช้น้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยนำเข้าจากรัสเซียราว 1 ใน 3 ของการใช้งานทั้งหมด เฉพาะช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนของปีนี้นำเข้าจากรัสเซีย 1.75 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม […]

มทภ.2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ อีสาน เข้มโดรน-จับตาสถานที่สำคัญ

3 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ จังหวัดอีสาน เข้มมาตรการกำจัดโดรน สั่งจับตาสถานที่สำคัญ ศาลากลางจังหวัด-คลังอาวุธ-สถานีขนส่ง บูรณาการตำรวจจับผู้ก่อเหตุ ดำเนินคดีข้อหาหนัก “ก่อการร้าย-ไส้ศึก” เมื่อวันที่ 3 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า วานนี้ (2 ส.ค.) ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดภาคอีสาน ผ่านระบบ VTC เรื่องมาตรการกำจัดโดรน โดยให้ผู้ว่าแต่ละจังหวัด ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ให้แต่ละหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคเอกชน ประชาชน จัดหาเครื่องแอนตี้โดรน ป้องกันจังหวัดของตัวเอง โดยเฉพาะเพ่งเล็งในพื้นที่สำคัญ อาทิ ศาลากลางจังหวัด สนามกีฬา คลังอาวุธ สถานีตำรวจ สถานีขนส่ง และสนามบิน นอกจากนี้ให้มีการจัดชุดลาดตระเวนพิสูจน์ทราบบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หากสามารถควบคุมตัวได้ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดในทุกประเด็น เช่น ก่อการร้าย ไส้ศึก โดยโทษหนักสุดถึงขั้นประหารชีวิต คงต้องไปดูข้อกฎหมาย ทั้งนี้ได้กำชับห้ามปล่อยตัวง่ายๆ ต้องตรวจสอบไปถึงต้นตอ […]

พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าเมืองสุรินทร์ ชาวบ้านกังวลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีรายงานว่าพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายโดรน บินเหนือหลายพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์เป็นจำนวนมาก โดยยังไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการ ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นโดรนจริง หรือเป็นอากาศยานชนิดใดกันแน่ ชาวบ้านในพื้นที่ได้โพสต์และแชร์ภาพวัตถุปริศนา บินอยู่เหนือเขตเมืองและพื้นที่ชายแดน ซึ่งถือเป็นพื้นที่หวงห้ามตามคำสั่งของกองทัพ ห้ามอากาศยานไร้คนขับบินโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ทีมข่าวลงพื้นที่และสามารถบันทึกภาพวิดีโอไว้ได้ โดยพบวัตถุลักษณะคล้ายโดรนบินจากรอบนอกเมืองเข้าสู่เขตชั้นในของตัวเมืองสุรินทร์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก ล่าสุดเช้าวันนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ยังจุดที่ชาวบ้านแจ้งว่าพบเห็นวัตถุดังกล่าว โดยมีการนำภาพถ่ายที่บันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นขณะที่ท้องฟ้ายังสว่างให้ทีมข่าวดู ภาพปรากฏวัตถุคล้ายเครื่องบินขนาดเล็ก หรือโดรนที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัด ชาวบ้านบางส่วนแสดงความวิตก ว่า วัตถุดังกล่าวอาจมีลักษณะคล้ายโดรนพลีชีพหรืออาจบรรทุกวัตถุระเบิด ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกและกังวลในชุมชน จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หรือหน่วยงานความมั่นคง ออกมาชี้แจงโดยเร็ว เพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่ . – 716 – สำนักข่าวไทย

ค้น 2 สถานบันเทิงย่านบางรัก มั่วสุมเสพยา-เปิดเกินเวลา

กทม. 3 ส.ค.- เปิดปฏิบัติกวาดล้างยาเสพติด “NO Drugs NO Dealers” ตรวจค้น 2 สถานบันเทิงย่านบางรัก มั่วสุมเสพยา-เปิดเกินเวลา ตำรวจ สน.บางรัก ร่วมกับสืบนครบาล 6 และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพฯ เปิดปฏิบัติกวาดล้างยาเสพติด “NO Drugs NO Dealers” เข้าปิดล้อม ตรวจค้นสถานบันเทิง 2 แห่งย่านบางรัก แหล่งมั่วสุมของแรงงานชาวเมียนมา หลังพบเบาะแส เปิดเกินเวลา ปล่อยให้แรงงานต่างด้าวและนักเที่ยว เข้าไปมั่วสุมเสพยาเสพติด ขณะเข้าตรวจค้นพบนักท่องเที่ยวกำลังดื่มกินและเต้นกันอย่างสนุกสนาน เจ้าหน้าที่ขอให้หยุดทุกกิจกรรม ผลตรวจพบสารเสพติด นักเที่ยวรวม 27 คน อยู่เกินกำหนด 4 คน ไม่แจ้งสถานที่ทำงาน 13 คน ยึดบุหรี่ไฟฟ้า 24 แท่ง กัญชา15 มวน ใบยาสูบพม่า 8 มวน พร้อมดำเนินคดีกับเจ้าของร้านหลายข้อหา ทั้งเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเปิดเกินเวลา […]

ยันไทยปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม-กม.ระหว่างประเทศ

ทำเนียบ 3 ส.ค.- รองโฆษกรัฐบาล ยันไทยปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม-กฎหมายระหว่างประเทศเคร่งครัด หลังกัมพูชาปล่อยข่าวปลอม ปม “ทหารไทยหวังปลุกปั่น-สร้างความปั่นป่วนในสังคม” นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพและข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ กล่าวหาทหารไทยว่ากระทำการโหดร้ายกับทหารกัมพูชา โดยเฉพาะการอ้างว่ามีการ “ตัดศีรษะ” และ “เหยียบย่ำศพ” นั้น ขอยืนยันว่าเป็น “ข่าวปลอม” ที่ไม่มีมูลความจริง และเป็นความพยายามบิดเบือนข้อมูลเพื่อปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง สร้างความตึงเครียดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ รัฐบาลไทยขอชี้แจงว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารไทยเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม กฎหมายระหว่างประเทศ และระเบียบข้อบังคับของกองทัพอย่างเคร่งครัด ทหารกัมพูชาที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณชายแดน ได้รับการดูแลรักษาพยาบาลจากฝ่ายไทยอย่างเหมาะสม ก่อนส่งตัวกลับประเทศผ่านจุดผ่านแดนช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ ด้วยกระบวนการที่เปิดเผย โปร่งใส และให้เกียรติ ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้เผยแพร่รายชื่อ 10 อันดับข่าวปลอมที่ถูกแชร์มากที่สุดในรอบสัปดาห์ ซึ่งล้วนเป็นข่าวบิดเบือนที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ได้แก่: ข่าวปลอมทั้งหมดนี้ ถูกตรวจสอบแล้วว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูล โดยใช้ภาพเก่าหรือภาพจากต่างประเทศมาใส่คำบรรยายเท็จ เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ “รัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนทุกคนร่วมกันหยุดวงจรข่าวปลอม อย่าแชร์ต่อหากไม่แน่ใจ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากแหล่งข้อมูลทางการเท่านั้น หากพบข้อมูลน่าสงสัยหรืออาจเป็นข่าวปลอม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1111 หรือ Line ID: […]

1 431 432 433 434 435 34,748