รัฐสภา 6 ส.ค.- “เดชอิศม์” ยันสส.ปชป.อยู่ครบไม่ไปไหน หลังถามเรียงตัว “ชัยชนะ”บอกอยู่ต่อล้านเปอร์เซ็นต์ ขณะ “สรรเพชญ“ ยังบอก อยากอยู่กับนายกฯ ชาย โวได้สส.ปัจจุบันเพิ่มแน่ แต่มาเวลาที่เหมาะสม นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยอมรับว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) ตนพร้อมสส.พรรคประชาธิปัตย์ 21 คน ได้เข้าพบนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บ้านพักและรับประทานอาหารร่วมกัน เนื่องจากที่ผ่านมามีข่าวว่า สส.พรรคจะย้ายออกจากพรรค จึงให้ทุกคนเปิดใจ ว่าใครจะย้ายพรรค ก็ขอให้บอก แต่ทุกคนยืนยันมันเสียงเดียวกันว่าขออยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยทุกคนขอความมั่นใจจากตในฐานะเลขาธิการพรรค ซึ่งตนก็ยืนยันว่ายังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ 100% ไม่คิดและย้ายไปไหนโดยเด็ดขาด ซึ่งนายเฉลิมชัย และนายชัยชนะ เดชเดโช รอหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ประกาศชัดเจน ดังนั้นตนมั่นใจว่าทุกคนยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์จนถึงวันเลือกตั้งสมัยหน้า และต่อไปเราคงต้องพบกันอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อให้ทุกคนได้พูด เพราะเราบอกแล้วว่า แต่ถ้าใครอยากย้ายก็ไม่มีปัญหา ขอให้บอก แต่ทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังอยู่กันต่ออย่างแน่นอน สำหรับกรณีที่เคยบอกว่าจะได้สส.เพิ่มนั้น […]

ทำเนียบ 6 ส.ค.- “สุชาติ” เผยปฏิบัติการ “กวาดลานวัด” รัฐบาลเดินหน้าตรวจสอบและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์กระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ยึดหลักศาสนาควบคู่การปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย หากพบเสพเมถุน ต้องสึกทันที พร้อมแก้ไขกฎหมาย เพิ่มโทษทั้งจำทั้งปรับ สมี..มารศาสนา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ที่ประพฤติไม่เหมาะสมหรือกระทำผิดกฎหมาย โดยดำเนินการอย่างเป็นระบบ คำนึงถึงการวางแนวทางในระยะยาว ภายใต้การเคารพต่อโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์และหลักพระธรรมวินัยควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายบ้านเมือง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและวางแนวทางแก้ไขอย่างรอบด้าน ทำเนียบรัฐบาลได้เปิดบทสัมภาษณ์ระหว่างนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กับนายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยระบุว่า รัฐบาลได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับการบริหารจัดการปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับพระสงฆ์ โดยเฉพาะในประเด็นที่ยังไม่มีบทบัญญัติกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันเหตุแห่งความผิดของพระสงฆ์มี 4 ประเภทหลัก ได้แก่ การลักทรัพย์ ฆ่าสัตว์ เสพเมถุน และการอวดอุตริ ซึ่งหากผิดวินัยสงฆ์ จะเข้าข่ายอาบัติปาราชิกและต้องสึก แต่ในด้านกฎหมายของรัฐยังไม่มีบทลงโทษในบางกรณี เช่น เสพเมถุน และอวดอุตริ จึงมีความจำเป็นต้องพิจารณาแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้มีโทษทางอาญา เช่น การจำคุกหรือปรับ เพื่อให้สอดคล้องกับความวิตกกังวลของสังคมและวิกฤตศรัทธา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้วางแนวทางการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ แบ่งออกเป็น 3 […]