กรุงเทพฯ 9 มี.ค. – ประธาน ศกพ. ประสานทุกหน่วยงานเฝ้าระวังปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในภาคเหนือต่อเนื่องถึง 15 มี.ค. เนื่องจากความเร็วลมต่ำ ประกอบกับมีการลักลอบเผาทำให้พบจุดความร้อนเป็นจำนวนมาก ขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านลดและควบคุมการเผาทั้งในระดับชายแดนและอาเซียน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในภาคเหนือต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องถึงวันที่ 15 มี.ค. โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายว่า สภาพอากาศมีความเร็วลมต่ำทำให้ฝุ่นละอองสะสมได้มากขึ้น ประกอบกับยังคงพบจุดความร้อนจำนวนมาก รวมทั้งลมตะวันตกเฉียงใต้มีแนวโน้มพัดฝุ่นละอองเข้ามาสะสมเพิ่มเติม
สำหรับรายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 9 มี.ค. เวลา 07:00 น. พบว่า ภาคเหนือพบปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน 14 พื้นที่ โดยมีค่าระหว่าง 27-271 มคก./ลบ.ม. (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 4 พื้นที่คือ โรงพยาบาลเทพรัตนฯ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ต.บ้านกลาง และ ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน และอีก 10 พื้นที่อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพคือ ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก
สำหรับพื้นที่ที่ที่มีฝุ่น PM2.5 สูงสุดคือ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมากถึง 271 มคก./ลบ.ม. ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกินค่ามาตรฐาน 2 พื้นที่ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่เกินค่ามาตรฐาน
เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-8 มี.ค. พบว่า มีจำนวนวันที่ฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 64 วัน และมีค่าสูงสุด 325 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งพบที่ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนของ จ.เชียงใหม่ ที่มีการนำเสนอข่าวว่าเป็นเมืองมลพิษลำดับ 3 ของโลก พบว่าค่าคุณภาพอากาศมีค่าสูงทั้งที่เป็นพื้นที่ที่มีค่าจุดความร้อนไม่มาก เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ ทำให้เอื้อต่อการสะสมของมลพิษทางอากาศ ประกอบกับมีจุดกำเนิดความร้อนจำนวนมากจากพื้นที่โดยรอบที่เป็นพื้นที่ต้นลม ทั้งจากประเทศเพื่อนบ้าน จ.แม่ฮ่องสอน และจ.ตาก ทำให้กระแสลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันตกเฉียงใต้ พัดพาฝุ่นละอองมาสะสมยังบริเวณ จ.เชียงใหม่ รวมถึงปัจจัยสภาพอากาศในเวลากลางคืน ที่มีการระบายอากาศในแนวดิ่งได้ไม่ดีนัก ทำให้เกิดการสะสมฝุ่นละออง
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า คพ. เฝ้าระวังผลกระทบทั้งที่เกิดขึ้นจากแหล่งกำเนิดในประเทศและจากหมอกควันข้ามแดน ล่าสุดประสานทัพภาค 3 ขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านลดและควบคุมการเผาทั้งในระดับชายแดนและอาเซียน ขอให้ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ โดยสวมใส่หน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง เมื่อออกนอกบ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย เด็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ . – สำนักข่าวไทย
