กมธ.ศึกษาแก้รธน. เสนอตั้งส.ส.ร.ร่างรธน.ใหม่

รัฐสภา 10 ก.ย.- กรรมาธิการศึกษาแก้ รธน. แถลงผลศึกษาต่อสภาฯ เสนอตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ยกเว้นหมวด 1-2 รื้อระบบเลือกตั้งกลับไปใช้แบบปี 40 เลิกเสนอชื่อนายกฯ ก่อนการเลือกตั้ง ให้สภาฯ ตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญและองค์อิสระได้ คืนอำนาจถอดถอนนักการเมืองให้ ส.ว.


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ที่ประชุมได้พิจารณารายงานการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญของกรรมาธิการชุดที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่สภาฯตั้งขึ้นร่วมกัน และใช้เวลาถึง 8 เดือนในการศึกษา นายพีระพันธุ์ เปิดเผยว่า กรรมาธิการเห็นว่าหมวด 1 และหมวด 2 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีอะไรต้องแก้ไข แต่ในหมวดอื่น ๆ มีผลการศึกษาดังนี้

หมวดที่ 3 ที่เกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย เห็นว่ามีหลายมาตรามากที่จำเป็นจะต้องแก้ไขใหม่ โดยเฉพาะมาตรา 25 ถึงมาตรา 49 ซึ่งการแก้ไขจะยึดรัฐธรรมนูญฉบับในอดีตเป็นฐาน โดยเฉพาะฉบับปี 2540 และฉบับปี 2550 เพราะมีการบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพไว้มากกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพราะบางมาตราในปัจจุบันบัญญัติไว้กว้างสามารถตีความให้สามารถจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้


หมวดที่ 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย กรรมาธิการเห็นว่าจำเป็นต้องทบทวนใหม่เช่นกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเรื่องใดควรเป็นหน้าที่และเรื่องใดควรเป็นสิทธิ เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องของสิทธิมากกว่าหน้าที่

หมวดที่ 5 หน้าที่ของรัฐที่ควรกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบให้ชัดเจน เพรารัฐธรรมนูญกำหนดเพียงว่ารัฐเป็นหน้าที่ แต่ไม่ได้กำหนดว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ และควรเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีอำนาจในการควบคุมการใช้อำนาจรัฐให้ได้มากยิ่งขึ้น

หมวดที่ 6 เรื่องแนวนโยบายแห่งรัฐ เห็นว่าควรปรับปรุงให้เรื่องนโยบายเป็นอิสระของคณะรัฐมนตรี โดยไม่ควรบัญญัติให้บังคับไว้ในรัฐธรรมนูญ และควรปรับลดระยะเวลาตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีลง และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมากขึ้น และที่สำคัญต้องกำหนดให้ชัดเจนว่านโยบายแห่งรัฐจะต้องเอื้อประโยชน์หรือเกิดการผูกขาดให้กับกลุ่มทุน


หมวดที่ 7 รัฐสภา กรรมาธิการเห็นว่าควรกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งแบบ 2 ระบบ คือระบบแบ่งเขต และระบบบัญชีและรายชื่อ และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบเหมือนเดิม และยกเลิกการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีก่อนการเลือกตั้ง ในส่วนวุฒิสภา ให้กลับมามีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเหมือนเดิม และสามารถถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงได้ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนที่มาของ ส.ว.ให้กำหนดวิธีการเลือกกันเองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

หมวดที่ 8 คณะรัฐมนตรี กรรมาธิการเห็นตรงกันว่าคณะรัฐมนตรีจะต้องไม่เป็น ส.ส.ในเวลาเดียวกัน และกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับการถือครองหุ้นสื่อให้ชัดเจน

หมวดที่ 9 การขัดกันแห่งผลประโยชน์ กรณีห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถือหุ้นในบริษัทสัมปทานของรัฐนั้น กรรมาธิการเห็นว่าไม่ควรรวมถึงการถือหุ้นในลักษณะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่จะไปมีสิทธิในการบริหาร

หมวดที่ 10 เกี่ยวกับศาล กรรมาธิการเห็นว่าควรให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้พิพากษา ตุลาการในการพิจารณาคดี ในคดีที่ขัดต่อความรู้สึกของประชาชน ที่คำพิพากษาอาจถูกแทรกแซงจากปัจจัยภายนอกได้ และให้อำนาจสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบถ่วงดุลการใช้ดุลพินิจของผู้พิพากษาได้ และผู้พิพากษาหรือข้าราชการในศาลยุติธรรมไม่ควรมีตำแหน่งในหน่วยงานหรือองค์กรอื่นของรัฐ และไม่ควรไปเข้าเรียนในหลักสูตรต่าง ๆ ที่เป็นการเปิดโอกาสสร้างคอนเนคชั่นจนกระทบต่อความเชื่อมั่นได้ ส่วนศาลทหารให้เป็นศาลที่พิจารณาเฉพาะคดีของทหารเท่านั้น

หมวดที่ 11 ศาลรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการเห็นว่า ควรกำหนดขอบเขตการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยให้รัฐสภามีอำนาจถ่วงดุลตรวจสอบการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญได

หมวดที่ 12 องค์กรอิสระ กรรมาธิการเห็นว่าควรกำหนดกรอบการใช้ดุลพินิจของกรรมการในองค์กรอิสระและให้องค์กรอิสระสามารถถูกตรวจสอบโดยศาลได้ และให้สภาผู้แทนราษฎรมีบทบาทในการตรวจสอบองค์กรอิสระ และให้ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำวินิจฉัยของ กกต.ได้ กกต.ไม่ควรมีอำนาจวินิจฉัยตัดสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้ง แต่ควรเป็นอำนาจศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งแทน ส่วน ป.ป.ช.ควรกำหนดให้การชี้มูลความผิดต้องเป็นกรณีที่ปรากฏพยานหลักฐานอย่างแน่ชัด ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดไม่ใช่ชี้มูลจากคำว่า เชื่อได้ว่า

หมวดที่ 13 องค์กรอัยการ กรรมาธิการเห็นว่าควรมีกลไกในการควบคุมการใช้อำนาจของอัยการ และห้ามมอบอำนาจในการใช้ดุลพินิจสั่งคดีอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในคดี บอส อยู่วิทยา และควรห้ามอัยการไม่ให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอื่นของรัฐ หรือไปเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้บริษัทต่าง ๆ

นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงหมวดการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 กรรมาธิการเห็นด้วยให้ยกเลิกการให้ ส.ว.ร่วมเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยเสียง 1 ใน 3 และให้ใช้เสียงข้างมากในที่ประชุมร่วมรัฐสภาแทน เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 และให้ยกเลิกเงื่อนไขที่ต้องให้ ส.ส.จากพรรคซึ่งไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือ ประธานสภาต้องเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และให้ยกเลิกการทำประชามติในหมวดที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามทางการเมือง หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ให้ตัดหมวดการปฏิรูปประเทศออกจากรัฐธรรมนูญ เพราะไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ยิ่งทำให้เกิดความล่าช้า จึงควรให้ไปบัญญัติในกฎหมายลำดับรองแทน เพราะจนถึงขณะนี้การปฏิรูปยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญจนไม่สามารถปฏิรูปได้จริง ส่วนเนื้อหาในหมวดเฉพาะของรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการเห็นควรให้ปรับปรุง 2 แนวทาง คือ ให้ยกเลิก ส.ว.ที่มาตามบทเฉพาะกาล และให้มีวุฒิสภามาตามบทบัญญัติหลักของรัฐธรรมนูญแทน หรือให้ ส.ว.ชุดปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนครบวาระ แต่ตัดอำนาจในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า อำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 272 ที่ให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี กรรมาธิการมีความเห็นเป็น 2 แนวทางคือ 1 ให้ตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีออกทั้งหมดเพื่อให้เป็นอำนาจ ส.ส.เพียงสภาเดียวในการเลือกนายกรัฐมนตรี หรือ 2 ไม่จำเป็นต้องแก้ไขมาตรา 272 เพราะมาตรานี้เป็นบทบัญญัติที่บังคับไว้เพียงชั่วคราวและได้ใช้บังคับในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไปแล้ว นอกจากนี้กรรมาธิการยังเห็นชอบว่า ควรยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาแทนการแก้ไขรายมาตรา โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ขึ้นมาทำหน้าที่ในการยกร่าง ยกเว้นการร่างหมวด 1 และหมวด 2 และให้จัดทำประชามติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

จากนั้นที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปราย ส.ส.พรรคก้าวไกลส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่กรรมาธิการมีแนวทางไม่แก้ไขหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะที่นายพีระพันธุ์ ชี้แจงว่า ไม่มีกรรมาธิการคนใดเสนอประเด็นที่ต้องแก้ไขในทั้ง 2 หมวด โดยกรรมาธิการมีตัวแทนจากทุกพรรครวมถึงพรรคก้าวไกลด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]