ส.ส.ก้าวไกล อัดเละ กมธ.รับฟังความเห็นนิสิต นักศึกษาฯ

รัฐสภา 2 ก.ย.- ส.ส.ก้าวไกล อัดเละ กมธ.รับฟังความเห็นนิสิต นักศึกษาฯ ซัดไร้ประโยชน์ ไม่พูดถึงการปกป้องจาก ม.116 ที่รัฐใช้เป็นแท็กติกกดหัวประชาชน


ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณามีมติให้รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และประชาชน ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมี ส.ส.ก้าวไกล สลับกันลุกขึ้นตำหนิรายงานฉบับดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาทิ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ฝ่ายค้านไม่ขอเข้าร่วม กมธ. คณะนี้ เพราะเห็นว่า ข้อเรียกร้องของนักศึกษาครบถ้วนแล้ว จึงไม่เห็นประโยชน์จากรายงานฉบับนี้ ซึ่งเนื้อหาของรายงาน กมธ. พบว่า สามารถเชิญกลุ่มนักศึกษาได้เพียงกลุ่ม Gen กล้า กลุ่มเดียวเท่านั้น ไม่มีความเห็นของกลุ่มตัวแทนของนักศึกษาที่หลากหลาย เพราะพวกเขาเห็นว่า เปล่าประโยชน์ที่จะมาร่วม เนื่องจาก กมธ.ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผู้มีอำนาจคนที่สร้างปัญหาที่พวกเค้าอยากให้มารับฟัง ขณะเดียวกัน การลงพื้นที่ร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม 7 เวทีของกมธ.นั้น คิดว่า ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนเวทีที่จัดทั่วประเทศ

นางอมรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้จากรายงานในส่วนของ สพฐ. ที่บอกว่า ไม่ได้มีนโยบายหรือคำสั่งห้ามจัดชุมนุมในสถานศึกษา โดยได้ทำหนังสือเวียนไปยังผู้บริหารโรงเรียนให้เปิดพื้นที่ให้แสดงความเห็น แต่ในความเป็นจริงกลับมีข้อร้องเรียน ถูกครูอาจารย์คุกคามละเมิดสิทธิเต็มไปหมด เช่นเดียวกับ ในส่วนของ สตช. ก็บอกว่า ได้สร้างทัศนคติที่ดีต่อผู้ชุมนุมได้ให้ความสะดวก ได้ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริงตนได้ลงไปร่วมสังเกตการณ์ในหลาย สน. พบว่า ทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นจริง อย่าง เหตุการณ์สาดสีใส่เจ้าหน้าที่ที่ สน.สําราญราษฎร์ ก็เกิดจากความพยายามไม่ให้กลุ่มผู้ให้กำลังใจผู้ต้องหาเข้าไปในบริเวณ สน. นำแผงเหล็กมาปิดกั้น ขอตรวจบัตรประชาชน สร้างแรงกดดันจนรู้สึกถูกปฏิบัติแบบไม่ให้เกียรติ ทั้งๆ ที่บอกว่า เป็นโรงพักของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะนี้ ท่านอ้างว่า คนที่ออกมาเป็นคนบางส่วนเท่านั้น อยากถามว่าท่านจะรอให้ 67 ล้านคนออกมาให้ครบถึงจะยอมรับความจริงหรือย่างไร เรื่องนี้ทำให้ตนนึกถึงขาลงของทรราชทั่วโลกที่เมื่อประชาชนออกมาขับไล่ก็จะมีอาการหลอน หลอกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง เชื่อข้อมูลหลอกลวงจากคนแวดล้อม กว่าจะลงจากอำนาจได้ก็ลงแบบมีโศกนาฏกรรม


นายวิโรจน์ ลักขนาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สิ่งที่ไม่ปรากฏในรายงานนี้คือ นวัตกรรมในการคุมคามประชาชนที่รัฐบาลรังสรรค์ขึ้นมา นั้นคือมาตรา 116 ข้อหายุยงปลุกปั่น เป็นข้อหายอดฮิต ที่ถูกเอาใช้ตั้งแต่มีการทำรัฐประะหาร โดย กบฎ คสช. ปี 2557 และใช้จนถึงปัจจุบัน มีการกล่าวหาประชาชนที่แสดงความคิดเห็นตรงข้ามกับรัฐบาล ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไร ชูสามนิ้ว ผูกโบว์ขาว กระกระดาษเปล่า ร้องเพลงแร๊พ ด่าตุ๊กตา อภิปรายถึงความล้มเหลวของรัฐบาลก็จะถูกดำเนินการด้วยมาตรา 116 อย่างพร่ำเพื่อทั่วประเทศ จนปั่นทอนนิติรัฐของประเทศให้สูญสลาย ขอตั้งคำถามว่าประเทศที่มีประชาชนถูกดำเนินคดีด้วยข้อหายุยงปลุกปั่นทุกวัน ประเทศนี้อยู่ไม่ได้แล้ว มีคนโดน 116 ทุกวัน สิ่งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เปลี่ยนนายกฯเปลี่ยนรัฐบาล เขาไม่ได้คุกคาม ไม่ได้ข่มขู่ใคร ทุกคนที่มาชุมนุมมาด้วยความสมัครใจ จึงไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 116 แล้วทำไมต้องใช้มาตรา 116 หรือข้อหายุยงปลุกปั่น เพราะข้อหานี้มีโทษจำคุกถึง 7 ปี ตำรวจสามารถขอศาลออกหมายจับได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีหลายเรียก และเงินประกันตัวก็สูงหลักแสนบาท นี้เป็นแท็กติกในการใช้คุกคามประชาชน คือสร้างภาระ สร้างชะนักปักหลังให้ประชาชน นักเรียกนักศึกษาให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ของรัฐบาลชุดนี้

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า รายงานฉบับนี้ไม่ได้พูดถึงและไม่ได้ให้คำแนะนำในการปกป้อง สิทธิเสรีภาพของประชาชนในการปกป้องตนเองคือการใช้ มาตรา 200 ของประมวลกฎหมายอาญา ที่ผ่านมาข้อกล่าวหาในมาตรา 116 จากสถิติเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็มักจะสั่งไม่ฟ้อง จำหน่ายคดี หรือยกฟ้อง นี่จึงเป็นหลักฐานโดยชัดแจ้งว่ามาตรา 116 ถูกใช้เป็นเครื่องมือในกรกลั่นแกล้งรังแกประชาชนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น กมธ. ชุดนี้ควรจะแนะนำนักเรียก นักศึกษาว่า หากยืนยันว่าแสดงสิทธิเสรีภาพเป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ไม่มีการใช้กำลังคุกคาม ข่มขู่ผู้ใดให้มาร่วมชุมนุม หากถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาในมาตรา 116 ผู้ชุมนุมปรึกษาศูนย์ทนายสิทธิฯ หาทนายไปฟ้องร้องต่ออศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยตรง และให้ฟ้องมาตรา 200 พ่วงมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้พนักงานสอบสวนและ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจเอามาตรา 116 กดหัวประชาชนไม่จบสิ้น

“เจ้าหน้าที่ตำรจมักอ้างกับตนเสมอว่านายสั่งมา ผมขอฝากไปยังตำรวจทุกคนว่า ถ้าท่านโดนมาตรา 200 มีผลแน่ๆ กับหน้าที่การงานของท่าน และนายท่านก็ต้องย้าย ต้องเกษียณไป นายใหม่มาจะดูแลท่านหรือไม่ และเมื่อคดีเข้าสู่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ต่อให้นายท่านจะเป็นใครก็ช่วยเหลือท่านไม่ได้ ผมยืนยันว่ารายงานฉบับนี้ควรเพิ่มเติมว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรใช้มาตรา 116 ในการคุกคามประชาชนแบบนี้อีกต่อไป และแนะนำให้ประชาชนทุกคนที่โดน 116 ให้คืน 200 กลับไปที่ตำรวจทุกนาย และให้กระบวนการยุติธรรมสร้างบรรทัดฐานเพื่อยุติการใช้มาตรา 116 กดหัวประชาชนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”นายวิโรจน์ กล่าว


ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในประธาน กมธ. ชี้แจงว่า ตั้งแต่ กมธ. ได้รับแต่งตั้ง สิ่งแรกที่เรารู้สึกเสียใจคือ กมธ.ชุดนี้ไม่สมประกอบ เพราะมีแต่สัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นความเสียใจที่สภาฯ จากตัวแทนประชาชน จะช่วยกันแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง แต่กลับผลักภาระไปให้กับรัฐบาล การทำงานที่ผ่านมาเรารู้ทันทีว่า ต้องเจอกันอะไรบ้าง อย่างที่นางอมรัตน์ ระบุว่า กมธ.ชุดนี้เชิญเยาวชนมาได้เพียงกลุ่มเดียว ซึ่งตนยอมรับ ส่วนกลุ่มอื่นไม่ใช่กมธ.เพิกเฉย แต่เมื่อเชิญแล้วกลับได้คำตอบว่า ไม่ขอเข้าร่วม เพราะพวกเขารู้สึกว่า กมธ.คณะนี้ถูกตั้งมาขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนรัฐบาล เพื่อมาซื้อเวลา ตนยืนยันว่า กมธ.ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล ไม่ได้มีการซื้อเวลา เพราะเราได้เวลาจากสภาฯ 90 วัน แต่ตนทราบว่า เรื่องนี้่เร่งด่วน จำเป็นต้องให้รัฐบาลแก้ไข กมธ.จึงใช้เวลาไม่ถึง 30 วันเพื่อสรุปเอาคำตอบมาให้สภาฯ ส่วนกรณีที่บอกว่า เราไปเวทีชุมนุมเพียง 7 เวทีมันน้อยไป ซึ่งกมธ.มีอยู่กันเท่านี้ ทำไมฝ่ายค้านไม่มาร่วมกับพวกเรา ตนชวนแล้วก็ไม่เอา บอกอย่างเดียวว่า ต้องส่งให้รัฐบาล แต่เสียงในสภาฯให้ตั้งกมธ.ก็ไม่มาร่วมด้วย มันเลยไปได้แค่ 7 เวทีเท่านั้น ส่วน ม.116 นั้น กมธ. ได้แสดงความเป็นห่วงกับตำรวจ แต่ผลที่ออกมาเพราะ เราควบคุมไม่ได้ สิ่งที่เราจะทำได้ร่วมกันในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติต้องไม่อยู่เฉย และไม่ผลักภาระไปให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เราควรร่วมมือกันแล้วเรียกร้องข้อนี้ให้เกิดขึ้น

ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิรายว่า ตนเห็นด้วยกับประธานกมธ.ว่ารายงานฉบับนี้ไม่สมประกอบจริงๆ เหตุผลที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม กมธ. เพราะเรารู้ดีว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นปัญหาระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และประชาชน หลายเรื่องที่เขียนในรายงานเล่มนี้ไม่จำเป็นต้องส่งรายงานเล่มนี้ให้พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเราก็รู้กันดีว่า ประชาชนต้องการอะไร ดังนั้น การตั้งกมธ.ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเราต่างรู้ดีว่า หน้าที่ที่จะต้องทำคือ การส่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไปรับฟังประชาชนอย่างตั้งอกตั้งใจ รัฐบาลจะต้องไม่หลบซ่อนอยู่ข้างหลัง แต่จะต้องออกมาเผชิญหน้าต่อประชาชน แต่ถ้าเราดูในส่วนของข้อเรียกร้องที่ต้องการให้หยุดคุกคามประชาชน ถือเป็นหน้าที่พื้นฐานของรัฐที่จะต้องปกป้องไม่ให้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดมา เรากลับพบว่า การข่มขู่คุกคามสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องไปรับฟังความคิดเห็นนักศึกษา และประชาชนด้วยตัวเอง ท่านจะต้องโผล่หัวออกจากกะลาแล้วออกมาเผชิญหน้า สบตาประชาชนในฐานะที่เท่าเทียมกัน ฟังทุกข้อเรียกร้อง ฟังเสียงประณามด้วย 2 หู ของท่านเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งของการอภิปราย นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า “เหตุที่ กมธ.ชุดนี้ไม่สมประกอบ เพราะฝ่ายค้านเล่นการเมืองแบบเก่า จึงอยากเรียกร้องว่า วันนี้เรามีรัฐสภาใหม่ มีรัฐบาลชุดใหม่แล้ว ตนอยากเห็นการเมืองแบบใหม่ จึงอยากให้ฝ่ายค้านเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์มากกว่านี้ ไหนที่ผ่านมาบอกจะเล่นการเมืองแบบใหม่ สร้างสรรค์”

ทำให้นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตอบโต้นายอนาวิลล โดยยืนยันว่า “พรรคก้าวไกลทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ การบอกว่า เราไม่เข้าร่วมกมธ.แล้วตีความถึงเจตนาว่า เราเล่นการเมืองแบบเก่านั้น ขอปฏิเสธ เพราะยืนยันไปแล้วตั้งแต่วันตั้งกมธ.ว่า ข้อเสนอของนักศึกษาสามารถถึงนายกฯได้เลย การจะเทียบการเมืองแบบเก่าหรือแบบใหม่ ขอเทียบกันง่ายๆคือ การเมืองแบบเก่ามีการซื้อตัว ขายตัวส.ส. ซึ่งคนทั่วประเทศไทยเรียกกันว่า งูเห่า ผมคิดว่า พรรคก้าวไกล หรืออดีตอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไป เราไม่มีความคิดที่จะไปซื้อตัว หรือไปดึงเพื่อนส.ส.จากพรรคอื่นให้มาอยู่กับเราเลย”

ทั้งนี้การพิจารณารายงานดังกล่าวยังไม่เสร็จ เนื่องจากมีผู้ต่อคิวอภิปรายเป็นจำนวนมาก กระทั่งเวลา 19.00 น. นายศุภชัย ประธานการประชุมได้สั่้งปิดประชุมเพื่อพิจารณาต่อในวันที่ 3 ก.ย.นี้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]