แจงเหตุผลตรา พ.ร.ฎ. อนุญาตทำกินในป่าอนุรักษ์ ภายใน 27 พ.ย. 67

กรุงเทพฯ 8 พ.ย. – อธิบดีกรมอุทยานฯ เผยเหตุผลที่ต้องมีการเสนอตรา พ.ร.ฎ. 2 ฉบับเกี่ยวกับการอนุญาตให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ซึ่งต้องตราให้แล้วเสร็จใน 27 พ.ย. นี้ เนื่องจากต้องออกกฎหมายกำหนดระยะเวลาไว้ หลังจาก พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ามีผลใช้บังคับเมื่อปี 62 ชี้เป็นการรับรองสิทธิให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกินได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่เป็นการลิดรอนสิทธิตามที่กลุ่ม “พีมูฟ” เข้าใจ


นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวถึงขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการออกพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พ.ศ. …. และพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พ.ศ. ….โดยร่างพระราชกฤษฎากทั้ง 2 ฉบับจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567

ทั้งนี้พีมูฟขอให้รัฐบาลชี้แจง ผู้แทนรัฐบาลนำโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี หน่วยงานที่เข้าชี้แจงคือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช


นายอรรถพลกล่าวว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ซึ่งจะทำให้มีการรับรองสิทธิอย่างถูกต้อง เดิมพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ไม่มีบทบัญญัติใดที่อนุญาตให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ การแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาเป็นเพียงการผ่อนผันทางนโยบายให้ประชาชนอยู่อาศัยทำหรือทำกินภายใต้มติคณะรัฐมนตรี โดยมติคณะรัฐมนตรีหลักที่ใช้คือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ที่แก้ไขปัญหาประชาชนที่อาศัยหรือทำกินมาก่อนปี 2545 ต่อมารัฐบาลมีคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 วางมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ภายหลังมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 แต่ต้องอยู่อาศัยก่อนปี พ.ศ. 2557 และคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เสนอคณะรัฐมนตรีให้มีมติเห็นชอบพื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามมติ คทช.ดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ ในกลุ่มที่ 4 ชุมชนที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ ทั้งก่อนและหลัง มติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 กำหนดให้นำผลการสำรวจตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 และผู้ที่อยู่ภายหลังมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 แต่ก่อนปี 2557 ตามคำสั่ง คสช. ที่ 66/2557 มาตรวจสอบร่วมกับประชาชน และกำหนดเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ทำกินอันสอดคล้องกับการปรับปรุงกฎหมาย เป็นพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เพื่อให้นำพื้นที่ตามนโยบายของรัฐบาลมารับรองให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และกำหนดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาพร้อมทั้งให้มีแผนที่กำหนดแนวเขตที่ชัดเจนแนบท้าย โดยกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนในเขตป่าอนุรักษ์ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดแล้วเสร็จได้จำนวนทั้งสิ้น 224 ป่าอนุรักษ์ จำนวน 4,042 หมู่บ้าน ประชาชน จำนวน 314,784 ราย/ครอบครัว 466,307 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 4.257 ล้านไร่

สำหรับความจำเป็นที่ต้องดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาให้แล้วเสร็จภายใน 27 พฤศจิกายน 2567 เป็นตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและประเมินผลสัมฤทธิ์ ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ที่กำหนดไว้ดังนี้

  1. พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายฯ ได้บัญญัติให้กฎหมายระดับพระราชบัญญัติ ต้องมีการออกกฎเพื่อให้ประชาชนสามารถปฏิบัติตามกฎหมายหรือได้สิทธิจากกฎหมายได้ หากไม่มีการออกกฎภายในระยะเวลา 2 ปี และบทบัญญัติก่อภาระหรือเป็นผลร้ายต่อประชาชน ให้บทบัญญัติดังกล่าวสิ้นผล แต่ในกรณีที่บทบัญญัตินั้นให้สิทธิประโยชน์แก่ประชาชนให้บทบัญญัติดังกล่าวมีผลบังคับได้โดยไม่ต้องมีกฎ โดยระยะเวลา 2 ปี ดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจะมีมติขยายออกไปอีกก็ได้แต่ไม่เกิน 1 ปี รวมเป็น 3 ปี ทั้งนี้สำหรับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์ฯ มีผลใช้บังคับให้นับระยะเวลา เมื่อพ้นกำหนดเพิ่มได้อีก 2 ปี รวมเป็น 5 ปี
  2. พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2562 เป็นวันก่อนพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายฯ มีผลใช้บังคับ ดังนั้นจึงมีระยะเวลาออกกฎให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี ซึ่งทั้ง 2 พระราชบัญญัติดังกล่าวมีระยะเวลาครบกำหนด วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ขยายระยะเวลาอีก 1 ปี เป็น วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ดังนั้น จึงต้องดำเนินการออกกฎให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ตามที่กฎหมายกำหนด
  3. กรณีการแก้ไขปัญหาประชาชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์กำหนดไว้ในมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งได้บัญญัติให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ พร้อมแผนที่กำหนดขอบเขตแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาอันเป็นกฎที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์ฯ กำหนด โดยพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาฯ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ซึ่งต้องให้แล้วเสร็จ และมีผลใช้บังคับภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567

นายอรรถพลกล่าวย้ำถึงประเด็นโต้แย้งของพีมูฟที่ว่า เป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยระบุว่า พระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับเป็นกฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนในการอยู่อาศัยหรือทำกิน ในอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับบุคคลใดที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินมาก่อนการประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ย่อมมีสิทธิในการพิสูจน์สิทธิการครอบครองตามกระบวนการพิสูจน์สิทธิ จึงมิใช่การลิดรอนสิทธิของประชาชนแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการรับรองสิทธิให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกิน ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้ตามที่กฎหมายกำหนด


สำหรับประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับจากการแก้ไขปัญหาตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ประกอบด้วย

  • ประชาชนสามารถอยู่อาศัยหรือทำกินเพื่อการดำรงชีพอย่างเป็นปกติธุระได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และสามารถกระทำการใดๆ ในเขตพื้นที่โครงการตามพระราชกฤษฎีกาฯ โดยไม่ต้องรับโทษ
  • หน่วยงานของรัฐ/ส่วนราชการ สามารถเข้าไปพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพหรือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินภายใต้ โครงการ เช่น การตัดไม้ยางพาราของบุคคลที่ได้รับสิทธิอยู่อาศัยหรือทำกินภายในพื้นที่โครงการ รวมการตัดไม้ที่ปลูกโดยเฉพาะไม้ผลของเกษตรกรที่ปลูกขึ้นเอง

ในส่วนการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาที่ดินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์นั้น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้ตรวจสอบป่าอนุรักษ์ที่ได้เสนอแผนที่แนบท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาฯ 2 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 14 ป่าอนุรักษ์ พบว่า มีป่าอนุรักษ์ 6 แห่งที่อยู่ในท้องที่จังหวัด ที่ผ่านการพิจารณาแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) แล้ว และไม่มีผลกระทบกับแปลงที่ดินของราษฎรที่ได้ดำเนินการสำรวจที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินไว้ก่อนแล้ว ได้แก่ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จังหวัดจันทบุรี อุทยานแห่งชาติตาดหมอก จังหวัดเพชรบูรณ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง จังหวัดเพชรบูรณ์ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ส่วนป่าอนุรักษ์ที่เหลืออีก 8 แห่งอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่ยังพิจารณาแนวเขตไม่แล้วเสร็จ

ทั้งนี้หากคณะรัฐมนตรีมีความห่วงใยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชจะขอถอนพื้นที่ป่าอนุรักษ์ดังกล่าวค่อยเสนอเพิ่มเติมภายหลัง เพื่อไม่ให้พระราชกฤษฎีกาฯ ตกไป โดยเป็นพระราชกฤษฎาฯ แก้ไขเพิ่มเติม แต่ต้องให้พระราชกฤษฎีกาฯ ทั้ง 2 ฉบับแรกผ่านความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ทันภายในกำหนดเวลาที่ได้กล่าวไปแล้ว

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเห็นว่า การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) จะแล้วเสร็จต้องใช้เวลาหลายปี หากรอจนแล้วเสร็จ ในระหว่างนั้นจะไม่มีกฎหมายใดมารองรับการอยู่อาศัยและทำกินของประชาชน
จะส่งกระทบให้ราษฎรเสียสิทธิในการประกอบอาชีพในแปลงที่ดินที่ครอบครองอยู่ในปัจจุบัน ในการพัฒนาอาชีพต่างๆ ที่เป็นลักษณะปัจเจกบุคคล ซึ่งกำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาฯ ทั้ง 2 ฉบับ หากภายหลังมีกฎหมายที่ให้ประโยชน์ต่อประชาชน ก็จะได้มีสิทธินั้นตามกฎหมายนั้นอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า มีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่อาศัยหรือทำกินบริเวณขอบแนวเขตป่าอนุรักษ์ ซึ่งการปรับปรุงแนวเขตฯไม่มีผลใดๆ กับประชาชนกลุ่มนี้ก็จะเสียสิทธิในการประกอบอาชีพนั้นไปด้วย

ส่วนการเสนอพระราชกฤษฎาฯ แก้ไขเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์อื่นๆ ก็จะตรวจสอบพื้นที่ให้เป็นไปโครงการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 (One Map) ก่อนจะนำเสนอในครั้งต่อๆ ไป เพื่อประโยชน์และเป็นธรรมแก่ประชาชน . 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]