ร้องดีเอสไอพิจารณาคืนทรัพย์ถูกอายัดในคดีโกงเงินแบงก์ทหารไทย

ดีเอสไอ 2 ก.ย. – ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายกฤษฎา อินทามระ หรือทนายปราบโกง ได้พา น.ส.ทิพาวรรณ อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาที่ 7 ในคดีพิเศษที่ 97/2559 กรณีนายสมศักดิ์ กับพวกรวม 12 คน ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและร่วมกันใช้เอกสารปลอม ร่วมกันฟอกเงินและซ่องโจร โดยมีมูลค่าเงินที่เกี่ยวข้องในคดีกว่า 2,500 ล้านบาท ยื่นร้องเรียนถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับผลการพิจารณาสั่งฟ้องคดี เนื่องจากเวลาล่วงเลยมากว่า 9 ปี แต่คดีกลับมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และทุกวันนี้คดียังอยู่ในชั้นดีเอสไอดังเดิม เรื่องยังไม่ขึ้นสู่ชั้นศาลเพื่อตัดสินให้ความเป็นธรรม ส่วนรายการทรัพย์สินจำนวนมากที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ อาทิ อาคารพาณิชย์ 5 คูหา และบ้านพักห้องแถว รวมมูลค่าประเมินทรัพย์สินหลายสิบล้านบาท ก็ถูกคำสั่งยึดอายัดไว้โดยอำนาจของพนักงานสอบสวน คดีพิเศษ แต่กลับมีกลุ่มบุคคลนอกเข้าไปใช้ประโยชน์และเก็บค่าเช่า ทั้งที่เป็นทรัพย์ที่ถูกอายัดไว้แล้ว จึงมาขอความเป็นธรรม เพื่อให้คดีมีความโปร่งใส


ทนายกฤษฎา เผยว่า น.ส.ทิพาวรรณ เป็น 1 ใน 12 ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 97/2559 กรณี ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและร่วมกันใช้เอกสารปลอม ร่วมกันฟอกเงินและซ่องโจร โดยมีมูลค่าเงินที่เกี่ยวข้องในคดีกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นคดีที่มีข้อกล่าวหาร้ายแรงเป็นอย่างมาก และในจำนวนผู้ต้องหาเหล่านี้มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล แต่ในส่วนของ น.ส.ทิพาวรรณ ตามพยานหลักฐานแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงเงินของธนาคารทหารไทย ซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีดังกล่าว เนื่องด้วย น.ส.ทิพาวรรณ มีส่วนเกี่ยวข้องเพียงเรื่องเส้นทางการเงินกับบุคคลในคดีเดียวกัน โดยเป็นการกู้ยืมเงินเพื่อนำไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจส่วนตัวเท่านั้น แต่ น.ส.ทิพาวรรณ ไม่เคยทำเรื่องขอกู้ยืมเงินโดยตรงกับธนาคารทหารไทยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีเอกสารสัญญาเงินกู้ใดทั้งสิ้น แต่ถูกเอาชื่อเข้าไปอยู่ในสำนวนเป็นผู้ต้องหา เพียงเพราะพนักงานสอบสวนเล็งเห็นเส้นทางการเงินที่เธอไปเกี่ยวข้องกับบุคคลในคดี และปักใจเชื่อว่าเธออยู่ในขบวนการฟอกเงินด้วย เพราะมันเป็นเหมือนว่าเอาเงินจากธนาคารมาแล้วไม่ได้มีการประกอบธุรกิจจริง มีการเอาเงินไปหมุนเวียนระหว่างกัน ธนาคารจึงจับได้ว่าเป็นการหลอกเอาเงินจากธนาคารไป ตนหวังว่าคดีดังกล่าวนี้ เนิ่นนานมาตั้งแต่การรับเป็นคดีพิเศษในปี 2559 จวบจนถึงปัจจุบัน แม้มีการนัดหมายให้ไปรับทราบคำสั่งคดีกับพนักงานสอบสวน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ต้องหารายนี้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเข้าพบพนักงานสอบสวนตลอด แต่เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ ทางพนักงานอัยการก็ได้มีการส่งกลับสำนวนให้พนักงานสอบสวน โดยแจ้งว่า พนักงานอัยการได้มีคำสั่งคืนสำนวนการสอบสวนให้ดีเอสไอไปดำเนินการตาม ป.วิ อาญา มาตรา 20 เนื่องจากมองว่าผู้ต้องหาได้ร่วมกันกระทำความผิดกับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักรถือว่าคดีเป็นการกระทำความผิดที่มีโทษตามกฏหมายไทยได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร

สำหรับ คดีนี้เป็นคดีพิเศษในปี 2559 และดีเอสไอส่งฟ้องไปที่พนักงานอัยการในวันที่ 20 ก.ค.62 ซึ่งพนักงานอัยการได้นัดหมายให้ผู้ต้องหาไปฟังคำสั่งคดีในวันที่ 20 ก.ย.62 จากนั้น อัยการส่งสำนวนพร้อมผู้ต้องหากลับที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะมองว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร


ด้าน น.ส.ทิพาวรรณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนยืนยันว่าไม่เคยทำธุรกรรมกู้เงินกับทางธนาคารทหารไทย แต่ดีเอสไอมองว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับนิติบุคคลที่เป็นผู้ต้องหาในคดี ที่มีการกู้เงินกับทางธนาคารโดยตรง และเมื่อตนเข้าพบพนักงานสอบสวน ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและให้การชี้แจงทุกอย่างแล้วว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทางพนักงานสอบสวนก็บอกเพียงให้ตนไปแก้ในชั้นศาลแทน ตนเป็นเพียงคนที่ประกอบธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรังสิต เงินที่ไปเกี่ยวข้องก็คือการหยิบยืมมาหมุนเวียนในธุรกิจ จำนวนประมาณ 10 ล้านบาท ไม่ได้ไปร่วมโกงเงินธนาคารกับเขาด้วย ตนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ผ่านเวลานานแบบนี้ก็เกิดความเครียดพอสมควร เพราะไม่สามารถทำมาหากินได้แล้ว ทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพาณิชย์ที่ตนมีก็ถูกอายัดไว้ ตนก็ไม่ใช่คนแข็งแรง เป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 มีรายได้เพียงเงินจากประกันสังคม เดือนละประมาณ 3,000 กว่าบาทเท่านั้น จึงอยากขอความเป็นธรรมจากดีเอสไอด้วย นอกจากนี้ ตนยังพบว่า อาคารพาณิชย์ของตนที่ถูกพนักงานสอบสวนยึดและอายัดไว้นั้น ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ถนนพระราม 3 กลับถูกกลุ่มบุคคลภายนอกเข้าไปใช้ประโยชน์ในอาคารสิ่งปลูกสร้างที่ถูกอายัด ในลักษณะเป็นสมาคมกีฬาแข่งนกพิราบ และยังมีการปล่อยเช่าข้างล่าง ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทรัพย์สินนั้นเป็นชื่อของตนและกำลังถูกอายัดอยู่ เหตุใดจึงมีกลุ่มคนเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ รวมแล้วราคาประเมินทรัพย์สินที่ตนถูกอายัด และโดนธนาคารฟ้องล้มละลายมีมูลค่าประมาณ 178 ล้านบาท .-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]