กู้ตึก สตง.ใหม่ถล่มได้แล้วเกือบ 70% ลดความสูงซากได้ต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ 23 เม.ย. – ผอ.สปภ. เผยคืบหน้าภารกิจกู้ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม ปฏิบัติการคืบหน้าเกือบร้อยละ 70 สามารถลดระดับความสูงของซากอาคารลงมาได้ต่อเนื่อง


บรรยากาศบริเวณอาคาร สตง.ถล่ม เช้านี้ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการรื้อถอนซากอาคาร พร้อมกับค้นหาร่างผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง ทั้งเครื่องจักรหนัก และกำลังคน ยังคงสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำงานพร้อมทั้งฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น โดยวันนี้มีการประชุมความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายและรื้อถอนซากอาคาร สตง.ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ที่กองอำนวยการร่วม นำโดย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร และส่วนที่เกี่ยวข้อง

นายสุริยชัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าภารกิจกู้ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม ว่า การลดความสูงของซากอาคารในภาพรวม เฉลี่ยแล้ว ลดลง 1.17 เมตร หากคงระดับนี้ได้จะอยู่ในระยะเวลาคาดว่าภายในสิ้นเดือนจะถึงชั้นที่ 1 ส่วนการทำงานจะมีการทำแผนของชั้นใต้ดินและมีการประชุมกับทางทีมงานแล้ว โดยเฉพาะฝ่ายช่าง ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะได้ไปดูหน้างาน ซึ่งตัวอาคารเดิมจะมีความกว้างยาวอยู่ที่ 40×40 เมตร ส่วนด้านข้างของซากอาคารด้านซ้ายซึ่งเป็นอาคารที่เชื่อมกันได้มีการรื้อออกและนำเศษปูนไปถมพื้นชั้นใต้ดินเพื่อจะนำรถเครื่องจักรหนักเข้าไปทำงาน จึงวางแผนเพื่อใช้พื้นที่ ในส่วนนี้มีการวางแผนจะนำเศษปูนออกเพื่อให้มีที่ว่างขุดด้านข้างของตัวชั้นใต้ดิน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาการทำงานไม่หายไปสามารถทำงานเสร็จสิ้นได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด


ส่วนการทำงานด้านล่างจะใช้การลดทอนความสูงจากด้านบน โดยที่บริเวณด้านบนจะมีการขุดแล้วนำเศษปูนออก จากนั้นจะตัดเหล็ก ที่ผ่านมามีการลดระดับลงเรื่อย ๆ ความสูงก็จะลดลงและความหนาก็จะหายไป หากดูจากหน้างาน ตัวด้านหน้าที่เคยบอกว่าเป็นโซน A กับ โซน D จะเหลือแค่ A4 กับ D1 ส่วนบริเวณโซน A1-A3 รวมถึงโซน D2-D4 ได้ลดลงหายไปแล้ว จึงยังเหลือพื้นที่ที่จะต้องดำเนินการบริเวณโซนด้านหน้าของโซน A และโซน D อีก 1 ใน 4 ส่วน สำหรับลดทอนความสูงที่โซน B และ โซน C จากความสูง 8.58 เมตร ลดเหลือ 7.41 เมตร ส่วนโซน A และโซน D จาก 9.78 เมตร ลดมาเหลือ 9.25 เมตร

ส่วนความยากของการค้นหา นายสุริยชัย บอกว่าความยากยังคงเหมือนเดิม คือตัวเหล็ก เพราะเครื่องมือ โดยเฉพาะเครื่องจักรหนักก็มีการเสีย เป็นระยะ เมื่อเสียก็จะมีการซ่อมแซม เมื่อวานนี้พบเสีย 8 เคส แต่เคสหนักๆ คือมีบูมหักของเครื่องจักรเบอร์ 18 ไม่สามารถซ่อมแซมได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวใหม่ ทำให้เครื่องจักรหนักหายไป 1 ตัว ส่วนเคสที่มีการซ่อมแซมไปเมื่อวานนี้เกี่ยวกับระบบไฮดรอลิกก็ได้มีการถอดเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอุปกรณ์ซ่อมแซมจะอยู่หน้างาน ช่วยให้การทำงานทำได้รวดเร็วขึ้น บางส่วนมีบุ้งกี๋แตกทำให้ต้องเสียเวลาในการเชื่อมโดยมีทีมช่างของกองอำนวยการช่างกลสำนักงานโยธา กรุงเทพมหานครจัดทีมช่างเข้ามาช่วยดำเนินการ

เมื่อถามถึงบริเวณช่องบันไดพบร่างผู้สูญหายเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุริยชัย กล่าวว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณเที่ยงได้พบร่างจำนวน 2 ร่างบริเวณช่องบันได หลังจากนั้นยังไม่ได้พบเพิ่มเติมแต่จะมีพบชิ้นส่วนบางชิ้นส่วน ทั้งชิ้นส่วนเนื้อและชิ้นส่วนกระดูกจำนวน 4 เคส ทั้งนี้ผู้สูญหายที่เหลือคาดว่าน่าจะอยู่บริเวณชั้นล่างเพราะพฤติกรรมของคนจะวิ่งหนี ตามที่มีการคำนวณจะมีชั้นที่ต่ำกว่าชั้น 15 ลงไปจากข้อมูลมีคนทำงานอยู่ประมาณ 40 คน ซึ่งสอดรับกับข้อมูลที่คนจะวิ่งลงมาตามช่องบันไดเพื่อลงมายังชั้นล่าง ขณะนี้พบตัวช่องบันไดและป้ายของชั้น 11 แต่จัดการวิเคราะห์ตัวลิฟท์และตัวบันไดหนีไฟมีความแข็งจึงไม่แตกละเอียด การพบตัวเลขบอกบันไดเป็นส่วนหนึ่งในการนำมาวิเคราะห์แต่ยังไม่ยืนยันว่าระดับที่เจอเป็นระดับนั้นจริงๆ ทั้งหมดหากคิดจากความสูงกว่า 130 เมตร จากพื้นที่ความสูงของซากอาคารที่ลงมาที่ 26.8 เมตร รวมกับชั้นใต้ดินด้วยประมาณกว่า 31 เมตร ทำให้เฉลี่ยแล้ว 1 เมตรมีประมาณ 4 ชั้น แต่ขณะนี้ความสูงอยู่ที่ 7.41 เมตร บวกกับชั้นใต้ดินลึก 4 เมตร รวมเป็น 11 เมตร


ส่วนเครื่องมือหนักในขณะนี้มี 30 ตัว การวางแผนเมื่อวานนี้ การทำงานในช่วงกลางวันเนื่องจากตัวอาคารเริ่มแคบลง ทำให้การทำงานในช่วงกลางวันจะใช้เครื่องจักร 15 ตัว ส่วนกลางคืนจะทำงาน 1 ตัว ส่วนการมาช่วยของเอกชนจะมีการทำงานเพียง 1 ผลัด ส่วนของทหารและทางราชการทำงานได้ต่อเนื่องเพราะมีการสับเปลี่ยนกำลัง จัดการพูดคุยกับทีมอาสาสมัคร ยังคง สู้ และมีเป้าหมายเดียวกันคืออยากให้นำร่างออกมาให้ครบ และอยู่ด้วยกันจนจบงาน

ส่วนเช้าวันนี้เวลา 05.00 น. ใช้กำลังพล 107 คน K-9 จำนวน 3 ตัว ซึ่งจะมีการปูพรมค้นหาในเวลานี้ การค้นหาจะต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบในการนำร่างผู้ประสบภัยมาคืนให้กับญาติ เพราะยังมีการพบร่างและชิ้นส่วนบริเวณกองปูนอยู่เป็นระยะ ส่วนการขนย้ายซากอาคารทั้งเศษปูนและเหล็กได้มีการประเมินกับพื้นที่ที่รองรับไว้อยู่ว่าเพียงพอหรือไม่ ซึ่งทีมช่างยืนยันว่าเพียงพอจะมีการบริหารจัดการบีบอัดเหล็กให้แน่นขึ้นและยกขึ้นซ้อนกัน

นายสุริยชัย มองว่าการทำงานคืบหน้าประมาณ 70% การทำงานจะต้องเคลียร์พื้นที่รื้อออกทั้งหมด เพื่อให้ชัดเจนไม่มีอะไรตกค้าง เนื่องจากมีการมาแจ้งเพิ่มเติมกับทางพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับตัวเลขผู้ประสบภัย แต่จะต้องมีกระบวนการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลขณะนี้ยังยืนยันยอดผู้สูญหายที่ 103 ราย โดยได้มีการหารือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ากระบวนการสอบสวนยืนยันข้อมูล จะต้องเสร็จพร้อมกับการรื้อถอนอาคาร ทั้งนี้จำนวนผู้สูญหายจากเหตุอาคารสตง.ถล่ม ยังคงข้อมูลเดิม คือส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวไทย ตามมาด้วยแรงงานเมียนมา และสัญชาติอื่น

ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร สรุปยอดผู้ประสบเหตุ 103 คน ในช่วง 10.00 น. ยืนยันผู้เสียชีวิตคงเดิม 53 ราย บาดเจ็บ 9 คน และผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา 41 คน โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันนี้ จนถึงเวลา 10.00 น. ทีมค้นหาสามารถเก็บกู้ชิ้นส่วนอวัยวะ ผู้สูญหายได้เพิ่มเติม อีก 3 เคส และที่บริเวณ การรถไฟฯ ที่นำซากอาคารไปทิ้ง พบชิ้นส่วนอวัยวะอีก 1 เคส โดยอวัยวะส่วนใหญ่ที่พบเป็นกระดูกและชิ้นเนื้อ ได้นำส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อทำการพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตัวบุคคลอีกครั้ง.-419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]