ตั้ง”อุดมเดช”เป็นหัวเรือใหญ่ ดัน”มวยไทย”ชิงชัยโอลิมปิก

23 ก.ค.64-ภายหลังจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่ ครั้งที่ 138 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ลงมติโหวตให้การรับรองกีฬามวยไทย และสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (อิฟมา) เข้าเป็นสมาชิกแบบถาวร ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญที่คนไทยและคนทั่วโลก อาจจะได้ชมการแข่งขันกีฬามวยไทย ที่จะได้รับการบรรจุแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้นั้น ล่าสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร นายกสมาคมสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ หนึ่งในคีแมนย์คนสำคัญที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดความสำเร็จครั้งนี้ เปิดเผยว่า ส่วนตัวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งมาก เป็นวันที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย และของสมาชิกอิฟมาทั่วโลก เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้วที่เราได้ร่วมกับรัฐบาล, คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และองค์กรกีฬาต่างๆ ในการปฎิบัติตามครรลองของโอลิมปิก เพื่อให้กีฬามวยไทยเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้ อิฟมา เป็นเพียงองค์กรเดียวเท่านั้น ที่ ไอโอซี ให้การรับรองด้านกีฬามวยไทย จึงนับว่าเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งที่สำคัญ สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์นั้น จะประกอบด้วยกีฬาหลัก 28 ชนิดกีฬา และกีฬาบรรจุใหม่ อีก 5 ชนิดกีฬา ที่ไอโอซีและประเทศเจ้าภาพ จะร่วมกันพิจารณา โดยคัดเลือกจากกีฬาที่ได้การรับรองแบบถาวรจากไอโอซี และเป็นสมาชิกของ ARISF (Association of IOC Recognised International Sport Federations) ซึ่งปัจจุบัน อิฟมา เป็นสมาชิกของ ARISF แล้ว ดังนั้นการรับรองจากการที่ประชุมใหญ่ของไอโอซี เมื่อวันที่ 20 ก.ค. จึงหมายความว่ากีฬามวยไทยมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ พร้อมแล้วที่จะให้ไอโอซีและชาติเจ้าภาพ ได้คัดเลือกเข้าไปบรรจุเป็นกีฬาที่ใช้แข่งขันในโอลิมปิกต่อไป พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า อิฟมา ยังคงต้องมุ่งมั่นปฎิบัติตามกฏเกณฑ์ของไอโอซี อย่างต่อเนื่อง เช่น นักกีฬาต้องไม่ใช้สารต้องห้าม, ป้องกันการทุจริตในการแข่งขัน และการใช้แรงงานเด็ก ฯลฯ เป็นต้น และควรกำหนดมาตรฐานมวยไทย One Standard Muaythai (OSM) เพื่อให้ นักกีฬา, ผู้ฝึกสอน, ผู้ตัดสิน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนได้ ยึดถือปฏิบัติ เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของกีฬามวยไทย และควรสร้างชื่อเสียงให้กีฬามวยไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยการผลักดันให้มีการบรรจุกีฬามวยไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติ ที่สำคัญต่างๆ ปัจจุบันที่สำเร็จแล้ว เช่น การแข่งขันกีฬายูโรเปี้ยนเกมส์ ที่โปแลนด์ และการแข่งขันกีฬาเวิลด์คอมแบตเกมส์ ที่ซาอุดิอาราเบีย ในปี 2566  “ผมและสมาชิกอิฟมาทุกคนรู้สึกไม่ต่างจากพี่น้องคนไทย ที่อยากเห็นกีฬามวยไทยในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2024 และเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (บอร์ด กกท.) ได้ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก ตามมติของบอร์ด กกท. โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการ และผมเป็นประธานคณะอนุกรรมการดำเนินการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิกเกมส์ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคลากรที่สำคัญในวงการกีฬามวยไทย ทำให้ผมมีความมั่นใจมากว่า เป้าหมายของพวกเราที่อยากจะเห็นการแข่งขันกีฬามวยไทย ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว และกีฬามวยไทย จะเป็นกีฬาชนิดแรกในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่มีชื่อประเทศอยู่ในชื่อกีฬา นำมาซึ่งความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนไทยทุกคน ในเร็วๆ นี้แน่นอน” นายกสมาคมสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ขว้างจักรสาว “สุเบญรัตน์” นำหนักลด พร้อมลุยโตเกียวเกมส์ 2020

23 ก.ค.64-ส.ต.ต.หญิงสุเบญรัตน์ อินแสง นักกีฬาขว้างจักรทีมชาติไทยได้ออกเดินทางไปสมทบกับทีมนักกีฬาไทยเพื่อร่วมมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมด้วยMr.Reedus Devon Thurmond ผู้ฝึกสอนชาวอเมริกัน   นักกีฬาขว้างจักรสาวไทย กล่าวว่า นี่เป็นโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 ในชีวิต โดยก่อนหน้านี้เคยเข้าร่วมการแข่งขันมหกรรมกีฬานี้มาแล้วที่ประเทศบราซิล ในศึก “ริโอ เดอ จาเนโร 2016” ซึ่งการผ่านเข้ามาร่วมโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงโตเกียวของตนเองในครั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นความโชคดีอย่างมากที่การแข่งขันถูกเลื่อนจากปีที่แล้วมาจัดในปีนี้ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้ในการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อคัดโควตานักกีฬาหลายรายการไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ การฝึกซ้อมของตนเมื่อปีที่ผ่านมาก็ไม่สามารถทำได้เต็มที่ หากจัดในปีที่ผ่านมาตนก็คงไม่มีโอกาสมาร่วมการแข่งขัน “โอลิมปิกเกมส์รอบนี้หนูผ่านควอลิฟายเข้าไปในฐานะนักกีฬาอันดับที่ 31 ซึ่งก็เป็นโควตารองสุดท้าย แม้จะรู้ตัวว่าจะได้เข้าร่วมการแข่งขันไม่นานนัก แต่ในช่วงที่ผ่านมา สมาคมกีฬากรีฑาฯได้วางแผนการฝึกซ้อมให้อย่างเข้มข้นมาตลอด รวมถึงการเปลี่ยนผู้ฝึกสอนมาเป็นชาวอเมริกันคนนี้ได้มีการปรับเทคนิคให้เยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับจังหวะการขว้างใหม่ จากที่ไม่เคยกระโดดขว้าง ก็ต้องปรับเป็นการกระโดดขว้างเพื่อให้มีแรงส่งมากขึ้น จะขว้างได้ไกลขึ้น ที่สำคัญคือการลดน้ำหนักตัวของตัวเอง โอลิมปิกเกมส์ที่บราซิล หนูมีน้ำหนักตัวที่ 126 กิโลกรัม ตอนนี้น้ำหนักตัวลดลงมาอยู่ที่ 98 กิโลกรัม การปรับไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงและกระฉับกระเฉง มีความคล่องตัวมากขึ้น ที่สำคัญยังมีผลให้การทรงตัว การปรับท่ายืนและการขว้างมีความมั่นคง ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขว้างที่ดีขึ้น” สุเบญรัตน์ กล่าวอีกว่า โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ ตนมีการเตรียมตัวฝึกซ้อมที่ดีมากกว่าโอลิมปิกเกมส์ครั้งก่อน สภาพร่างกายแข็งแรงดีมาก ไม่มีอาการบาดเจ็บ และค่อนข้างมีความมั่นใจมากกว่าเดิม ทำให้ตนวางเป้าหมายไว้ที่การทำผลงานการขว้างให้ได้ 61.97 เมตร ซึ่งเป็นสถิติที่ตนเคยทำได้ในการแข่งขันที่สาธารณรัฐเชกเมื่อปี 2018 ผ่านมาจะ 3 ปีแล้วก็ยังไม่เคยทำสถิตินี้ได้อีกเลย ซึ่งโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ก็จะเป็นรายการที่ทำให้ตนมีโอกาสกลับมาพิสูจน์ความสามารถอีกครั้งแม้จะยังไม่สามารถทำให้ไปถึงการคว้าเหรียญรางวัล แต่ก็จะเป็นการทำให้ทั่วโลกได้เห็นมาตรฐานของนักกรีฑาไทยที่มีความสามารถพอสำหรับการแข่งขันมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่นี้ สำหรับ สุเบญรัตน์ อินแสง จะลงทำการแข่งขันกีฬาขว้างจักรหญิง ซึ่งโปรแกรมการแข่งขันรอบคัดเลือกโดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นกลุ่ม เอ และ กลุ่ม บี ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้-สำนักข่าวไทย.

ความประทับใจจากจังหวัดคิตะคิวชูถึงเทควันโดไทย

นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ได้รับของขวัญจากจังหวัดคิตะคิวชู จัดส่งผ้าขนหนู ภาพเหมือนและการ์ดอวยพร เพื่อเป็นกำลังใจเชียร์ให้ประสบความสำเร็จ

ขุนพลเสื้อกล้ามไทย ทั้ง 4 คน พร้อมขึ้นเวที

ขุนพลเสื้อกล้ามไทย ทั้ง 4 รุ่น พร้อมขึ้นเวที คว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่นมากน้อยแค่ไหนไปติดตามกับ “เชียร์ไทยสุดใจ โตเกียวเกมส์ 2020”

ผอ.องค์การอนามัยโลก ให้กำลังใจนักกีฬาโอลิมปิก

22 ก.ค.64-คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ไอโอซี ต้อนรับ นายทีโดรส อัคฮานอม กรีเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวให้กำลังใจนักกีฬา,ไอโอซีและเจ้าภาพ โอลิมปิกญี่ปุ่น ขอให้ร่วมใจสู้โควิด-19 ผ่านพ้นไปด้วยกัน ณ ห้องประชุมใหญ่ไอโอซี  ครั้งที่ 138  รร.โอกุระ โตเกียว-สำนักข่าวไทย

ขี่ม้าไทยจากยุโรปถึงญี่ปุ่น พร้อมลุยโตเกียว 2020

22 ก.ค.64 –นักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยชุดโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 และเจ้าหน้าที่ทีม ต้องเดินทางจากสถานที่ฝึกซ้อมในประเทศฝรั่งเศสเข้าสู่สถานที่กักกันตัวม้า (Pre-export Quarantine) ที่ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่วันที่ 11-20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ในขณะที่ม้าได้ถูกเคลื่อนย้ายจากสถานที่กักกันตัว ประเทศเยอรมนี ไปพักคอยและขึ้นเครื่องบินที่ประเทศเบลเยียมในคืนวันที่ 19 กรกฎาคม เพื่อให้เดินทางถึงพร้อมกับนักกีฬา  3 นักกีฬาขี่ม้าและม้ากีฬาของไทย ประกอบด้วย “มิ้น” อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์ และม้า Boleybawn Prince, “บอมบ์” วีรภัฎ ปิฏกานนท์ และม้า Carnival March, “นัท” กรธวัชสำราญ และม้า Bonero K ลงทำการฝึกซ้อมที่ อีเควสเทียนปาร์ค เป็นวันแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ท่ามกลางสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน อย่างไรก็ตาม เจ้าภาพมีความพร้อมในการเตรียมจัดการแข่งขันเป็นอย่างดี โดยมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศในคอกม้าทุกจุดตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งได้จัดซุ้มพ่นละอองน้ำ ถังน้ำแข็ง คูลดาวน์ตามเส้นทางอีกด้วย การแข่งขันขี่ม้า ประเภทอีเวนติ้ง เป็นการรวมการแข่งขัน 3 ประเภทเข้าด้วยกัน ได้แก่ โชว์จัมปิ้ง (ขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง), เดรสสาจ (ศิลปะการบังคับม้า) และครอสคันทรี (ขี่ม้าในภูมิประเทศ) ถือเป็นกีฬาประเภททีมหนึ่งเดียวของไทยในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 และเป็นครั้งแรกของทัพนักกีฬาไทย หลังจากที่เคยได้โควตาแข่งขันในประเภทบุคคลในโอลิมปิกเกมส์ เอเธนส์ ปี 2004 จาก “ปูไข่” พงศ์สิรี บรรลือวงศ์ และโอลิมปิกเกมส์ ลอนดอน ปี 2012 จาก ณีนา รุจิราภรณ์ ล่ำซำ ลิเกิ้น โปรแกรมการแข่งขันขี่ม้า ประเภทอีเวนติ้ง ในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020  ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม2564 29 กรกฎาคม: การตรวจม้าครั้งที่ 1 30 กรกฎาคม: ศิลปะบังคับม้า (dressage) #1 31 กรกฎาคม: ศิลปะบังคับม้า (dressage) #2 1 สิงหาคม: ครอสคันทรี (Cross Country) 2 สิงหาคม: กระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Jumping)

“เทนนิส-จูเนียร์” ไร้ปัญหา คุมน้ำหนักเข้าที่พร้อมลงสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์

22 ก.ค.64-ความพร้อมของทีมเทควันโดไทย ชุดลุยศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจอมเตะไทย ประกอบด้วย “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อันดับ 1 ของโลก รุ่น 49 กก.หญิง และ “จูเนียร์” รามณรงค์เสวกวิหารี จอมเตะหนุ่มรุ่น 58 กก. จะเป็นนักกีฬาไทยชุดแรก ลงแข่งขันเพื่อลุ้นเหรียญ ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เวลาประมาณ 08.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ทีมจอมเตะของไทย ยังคงฝึกซ้อมตามโปรแกรมปกติทั้งที่หมู่บ้านนักกีฬาและสนามฝึกซ้อม โดยมอบหมายให้ “โค้ชชิต” นายวิชิต สิทธิกัณฑ์ คุมทีมลงฝึกซ้อม ขณะที่ “เสี่ยบิ๊ก” นายธนฑิตย์ รักตะบุตร ผู้จัดการทีม และ “โค้ชเช” เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอน ได้เข้าร่วมการประชุมทีมหัวหน้านักกีฬา  “เสี่ยบิ๊ก” นายธนฑิตย์ รักตะบุตร กล่าวว่า ตอนนี้ทั้งพาณิภัคและรามณรงค์ ฟิตพร้อมสมบูรณ์ดี ไม่มีปัญหาการบาดเจ็บ รวมทั้งน้ำหนักก็อยู่ในพิกัด ไม่ขาดไม่เกิน ทั้งสองคนพร้อมขึ้นชั่งน้ำหนักและลงแข่งขันเต็มที่แน่นอน ส่วนเรื่องของอาหารการกินเราไม่ได้ให้นักกีฬาไปกินที่โรงอาหารในหมู่บ้านนักกีฬาแล้วเพราะว่าไม่อยากให้เสี่ยงต่อโรคโควิด-19 โดยเมื่อเย็นวันก่อนทางโค้ชเช ได้ลงมือทำข้าวผัดกิมจิและซุปกิมกิให้ทีมนักกีฬาไทยได้รับประทานกัน สำหรับการแข่งขันเทควันโด ในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020 จะแข่งขันวันแรก ในวันที่ 24 ก.ค. เริ่มรอบแรก เวลาประมาณ08.00 น. ตามเวลาประเทศไทย หากผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ได้สำเร็จ จะแข่งขันในเวลาประมาณ 19.30 น. นั้น ในรุ่น49 กก.หญิง ซึ่งมีนักกีฬาทั้งหมด 17 คน สายบน “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ มืออันดับ 1 ของโลก และเป็นเต็ง1 ของรายการ รอบแรก หรือ รอบ 16 คนสุดท้าย จะรอพบผู้ชนะที่มาจากรอบคัดเลือก ระหว่าง อบิสแฮก เซมเบิร์ก มือวาง 16 จากอิสราเอล หรือ วิคตอเรีย สตัมเบิช มือวาง 17 จากเปอร์โตริโก หากเข้ารอบ 8 คน จะพบกับผู้ชนะระหว่างยอง เวตเต มือวาง 9 จากแคนาดา หรือ เทรือง ธิ คิม ทูเย็น มือวาง 8 จากเวียดนาม อีกฝั่ง ซู โป-ยา มือวาง 13 จากไต้หวัน พบกับ มิยุ ยามาดะ มือวาง 4 จากญี่ปุ่น หากเข้ารอบ 8 คน จะไปพบกับผู้ชนะระหว่าง ซิม แจยอง มือวาง 5 จากเกาหลีใต้ หรือ อูไมมา เอล บุชติ มือวาง 12 จากโมร็อกโก ส่วนสายล่าง อาเดรียนา อิเกรเซียส  เซเรโซ มือวาง 15 จากสเปน พบ ทิยานา บอกดาโนวิช มือวาง 2 จากเซอร์เบีย ผู้ชนะคู่นี้จะเข้ารอบ 8 ไปเจอกับผู้ชนะระหว่าง หวู จิงหยู มือวาง 7 เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2 สมัยจากจีน หรือดินา พาวยูเนส มือวาง 10 จากทีมผู้ลี้ภัย อีกฝั่งของสายนี้ อันเดรีย รามิเรซ วาร์กัส มือวาง 11 จากโคลอมเบีย พบกับ คริสตินา โทมิช มือวาง 6 จากโครเอเชีย ใครชนะจะเข้ารอบ 8 คน ไปพบกับ รูกิเย ยิลดิริม มือวาง 3 จากตุรกี หรือ นูร์อับเดลซาลาม มือวาง 14 จากอิยิปต์  ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ของ “เอพี” สื่อยักษ์ใหญ่ ยกให้ ซิม แจยอง เป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าเหรียญทอง เหนือกว่า “น้องเทนนิส” แต่ ทีมผู้ฝึกสอนของไทย ก็ได้เก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ เช่นกัน พร้อมวิเคราะห์ว่า ในรอบรองชนะเลิศ “น้องเทนนิส” น่าจะเจอกับ โป-ยา จากไต้หวัน ที่น่าจะผ่านจอมเตะสาวจากแดนโสมมากกว่า และมั่นใจด้วยว่า พาณิภัค จะเข้าไปชิงชนะเลิศ ที่คาดว่าจะต้องดวลกับ หวู จิงหยู คู่ปรับเก่า และ “น้องเทนนิส” จะคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ ทางด้าน รุ่น 58 กก.ชาย นั้น สายล่าง “จูเนียร์” รามณรงค์เสวก วิหารี มือวาง 10 ของรายการ เจอศึกหนักตั้งแต่รอบแรก ที่จะพบบกับ ซาฟวาน คาลิล มือวาง 7 จากออสเตรเลีย หากชนะจะเข้ารอบ 8 คน ไปเจอผู้ชนะระหว่าง เจฟเฟอร์สัน เฟอร์นานเดซ โอเชา มือวาง 14 จากโคลอมเบีย หรือ วิโต เดลลาควิลา มือวาง 2 จากอิตาลี อีกฝั่ง เลาตาโร ลูคัสกุซมัน มือวาง 11 จากอาร์เจนตินา พบ แจ๊ค วูลลีย์ มือวาง 8 จากไอร์แลนด์ ใครชนะจะเข้ารอบ 8 คน ไปพบผู้ชนะระหว่าง อาร์มิน ไซกาลานี ฮาดิปัวร์ มือวาง 3 จากอิหร่าน หรือ โซโลมอน เดมซี มือวาง 13 จากเอธิโอเปีย ส่วนสายบน รอบ 16 คน โอมาร์ ซาลิม มือวาง 15 จากฮังการี พบ เซร์คิโอ ซูซูกิ มือวาง 4 จากญี่ปุ่น ใครชนะเข้าไปเจอผู้ชนะระหว่าง มิคาอิล อาร์ตาโมนอฟ มือวาง 5 จากทีมผู้ลี้ภัย พบ คาลิล เยนดูบี มือวาง 12 จากตูนีเซีย อีกฝั่ง อาเดรียน ยุนตา วินเซนต์ มือวาง 8 จากสเปน พบ รุย บรากันซา มือวาง 9 จากโปรตุเกส ใครชนะจะเข้าไปพบกับผู้ชนะระหว่าง จาง จุน เต็ง 1 ของรายการจากเกาหลีใต้ หรือ ไบรอัน เคิร์ท บาร์โบซา มือวาง 16 จากฟิลิปปินส์.-สำนักข่าวไทย.

“เศวต” ภูมิใจถือธงเปิด โอลิมปิกเกมส์ ส่งกำลังใจคืนกลับให้คนไทยต่อสู้กับโควิด -19

22 ก.ค.64-“บิ๊กแซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬาเป้าบิน วัย 58 ปี ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ที่ร่วมถือธงชาติไทยนำขบวนพาเหรดทัพนักกีฬาไทยเข้าสู่พิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์โตเกียว 2020 ร่วมกับ “เอิน” ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์นักกีฬายิงปืนหญิงทีมชาติไทยในช่วงค่ำวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ได้เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณ “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ซี่งเป็นพี่ใหญ่ของพวกเราในการดูแลน้อง ๆ นักกีฬาทุกคน และได้ให้เกียรติมอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ให้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่มีนักกีฬาถือธงชาติ 2 คน รู้สึกดีใจ และภูมิใจมาก ถือว่าฝันเป็นจริงในความพยายามทุ่มเทมา 17 ปีของการเป็นนักกีฬา ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดทั้งในการแข่งขัน และการเดินนำทัพนักกีฬาไทยเข้าสู่สนามในพิธีเปิดมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด “ผมขอขอบคุณ คนไทยทุกคนที่ให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนที่มาสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ในครั้งนี้ ในทางกลับกันผม นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกคน ก็ขอส่งกำลังใจให้กับรัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ให้ต่อสู้กับโรคระบาดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย อีกไม่นานเราจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขเหมือนเดิม”-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กต้อม”ส่งเสบียงหนุน “พาณิภัค” ก่อนชิงทองเเรก

22 ก.ค.64- “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทยชุดสู้ศึกโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาไทยที่ได้ทยอยเดินทางเข้าสู่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่แล้วว่า ขณะนี้ยังไม่พบนักกีฬามีปัญหาอาการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมที่น่ากังวลใดๆ นักกีฬาทุกคนมีขวัญกำลังใจที่ดี ส่วนกรณีที่ขณะนี้มีนักกีฬาต่างชาติเริ่มเข้ามาพักในหมู่บ้านนักกีฬามากขึ้น และนักกีฬาต่างชาติบางคนอาจจะถอดหน้ากาก หรือ ไม่สวมหน้ากากบ้าง อย่างในหมู่บ้านนักกีฬาถ้ามีเจ้าหน้าที่พบเห็นก็จะเข้าไปเตือนให้สวมหน้ากาก แต่ที่สนามกีฬาบางแห่ง อย่างที่สนามยิงเป้าบินที่ตนได้รับรายงานว่า มีนักกีฬาต่างชาติไม่สวมหน้ากากนั้น เรื่องนี้ก็จะมีการนำเข้าไปแจ้งในที่ประชุมหัวหน้านักกีฬาซึ่งจะประชุมกันทุกวันเพื่อให้แต่ละประเทศได้มีความรอบคอบ ระมัดระวัง และเตือนนักกีฬาในด้านความปลอดภัยในจุดนี้อย่างเข้มงวดต่อไป “สำหรับนักกีฬาไทยเรามีการแจ้งและดูแลนักกีฬาในด้านนี้อย่างเคร่งครัดทุกวันรวมถึงนักกีฬาไทยเองก็มีความตื่นตัวและมีวินัยอย่างดีเยี่ยมมากๆ ทุกคนจะปฏิบัติตัวตามที่แพทย์ได้แนะนำอย่างดีทั้งในหมู่บ้านนักกีฬาและที่สนามแข่งขันโดยเฉพาะในหมู่บ้านนักกีฬา ทีมกองบัญชาการนักกีฬาไทยก็จะพยายามให้นักกีฬาลดความเสี่ยงโดยการเข้าไปรับประทานอาหารในโรงอาหารให้น้อยที่สุด  ด้วยการจัดอาหารเช้าให้นักกีฬาโดยจะจัดเตรียมไว้ที่กอง บก.นักกีฬา ทั้งแซนด์วิช แฮมเบอร์เกอร์ เครื่องดื่มต่าง ๆ ขณะที่มื้อกลางวันนักกีฬาจะไปรับประทานที่สนาม ส่วนมื้อค่ำก็ได้รับการสนับสนุนจากสถานเอกอัครราช ทูต ณ กรุงโตเกียว ที่จัดส่งข้าวกล่องอย่างดีมีอาหารหลากหลายและในปริมาณที่มากพอให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกวัน” หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ยังได้กล่าวถึงการชิงชัยเหรียญทองของทัพนักกีฬาไทยในวันแรก คือวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ที่”เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ความหวังของไทยที่จะลงแข่งขันในรุ่นน้ำหนัก 49 กก.หญิงว่า หลังจากที่ได้ทราบข่าวว่ามีสื่อต่างชาติเสนอข่าวในกรณีที่ว่า พาณิภัค อาจจะไม่ได้เหรียญทองในประเภทนี้ ตนมองว่าเป็นเพียงแค่การวิเคราะห์ของสื่อ ซึ่งก็แล้วแต่สื่อไหนจะมีข้อมูลอะไร ในเรื่องนี้ถือว่าไม่ได้สร้างความหนักใจหรือความกังวลให้ทีมไทยแต่อย่างใด และคิดว่า พาณิภัค เองก็ไม่ได้กังวลในจุดนี้ซึ่งจากการได้เจอ พาณิภัค น้องก็ยังมีความมุ่งมั่น โฟกัสอยู่ที่การแข่งขันอย่างเต็มที่ และ มีความมั่นใจในฟอร์มและความสามารถของตัวเองที่ได้มีการฝึกซ้อมและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี  “ผมไม่กังวลในเรื่องความพร้อมของพาณิภัคเพราะเท่าที่ได้คุยกัน ตัวน้องเทนนิสก็มีความมุ่งมั่นมาก ทีมงานต่างๆก็ไม่อยากไปสร้างความกดดัน หรือเพิ่มความเครียดให้น้อง เราอยากให้น้องลงแข่งขันด้วยความสบายใจที่สุด แต่สิ่งที่ทีมผมจะต้องเตรียมตัวคือการดูแลน้องที่สนามโดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินต่างๆ และ ทีมแพทย์ เพราะเทควันโดนักกีฬาจะไปแข่งขันที่สนามตลอดทั้งวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนเกือบ 4 ทุ่ม ไม่สามารถออกไปไหนได้ เพราะฉะนั้นผมจึงได้วางแผนจัดเตรียมคนส่งอาหารและสิ่งจำเป็นในการแข่งขันไปให้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน” “เรื่องการเข้าไปชมในสนามเนื่องจากโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้มีข้อจำกัดหลายอย่างนอกจากไม่มีผู้เข้าชมแล้ว จำนวนคนที่จะเข้าไปดูก็จำกัดอยู่เฉพาะคนที่เกี่ยวข้อง และบุคคลที่ได้เอดีการ์ดในระดับหัวหน้าทีมและวีไอพี ซึ่งต้องแจ้งขอเข้าสนามล่วงหน้าด้วยอย่างวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ นอกจากผมแล้ว ก็จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รวมถึงท่านเอกอัครราชทูตฯ และทีมงานอีก 2-3 คนเท่านั้น ส่วนนักกีฬาชนิดอื่นๆก็ไม่สามารถเข้าไปให้กำลังใจได้เลย ยกเว้นนักกีฬาเทควันโดเท่านั้น” “บิ๊กต้อม” ได้กล่าวเชิญชวนให้แฟนกีฬาชาวไทยช่วยส่งแรงใจเชียร์ และ ให้กำลังใจ พาณิภัค ในการลงสนามแข่งขันชิงเหรียญรางวัล จากกีฬาเทควันโดในวันที่24 กรกฎาคมนี้ให้สามารถคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์ให้วงการกีฬาไทยไปพร้อมๆกันด้วย-สำนักข่าวไทย

รมต.กีฬา ร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ติดขอบสนามเชียร์

22 ก.ค.64 – นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะ ในนามตัวแทนรัฐบาลไทย ออกเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์โตเกียว 2020 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ที่สนามกีฬาแห่งชาติ โตเกียว 2020 โอลิมปิกสเตเดียม   ทั้งนี้ หลังพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ก็จะเริ่มการชิงชัยเหรียญทองแรก ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมเป็นต้นไป ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็จะเดินทางไปเชียร์ 2 นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยได้แก่ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รุ่น 49 กก.หญิง และ “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี รุ่น 58 กก.ชาย ถึงขอบสนาม เพื่อเป็นกำลังใจในการลุ้นเหรียญทองแรกของทัพนักกีฬาไทยด้วย และ มวยสากล ที่มีโปรแกรมการแข่งขันในวันเดียวกัน นายพิพัฒน์ กล่าวว่า อยากให้นักกีฬาทุกคนมีความมั่นใจจากการที่ได้เก็บตัวฝึกซ้อมเป็นระยะเวลานาน โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนนักกีฬาอย่างดีที่สุด เพื่อให้นักกีฬาได้เข้าเเข่งขันในมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ครั้งนี้ จะต้องมีนักกีฬาไทยได้รับเหรียญทองอย่างแน่นอน  “ผมในฐานะตัวแทนภาครัฐ และคนไทยทั้งประเทศจะร่วมเป็นกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทยทำผลงานให้ดีที่สุด คว้าเหรียญรางวัลเพื่อสร้างความสุขและเป็นความภาคภูมิใจของคนทั้งชาติ”  กีฬาโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 เป็นการแข่งขัน ครั้งที่ 32 จะมีขึ้นที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2564 มีนักกีฬาไทยผ่านเข้าร่วมชิงชัย 41 คน รวม 15 สมาคม ใน 16 กีฬา ประกอบด้วย ยิงปืน, ยิงเป้าบิน, เรือใบ, เรือแคนู/คายัค, เรือกรรเชียง, วินด์เซิร์ฟ, เทเบิลเทนนิส, เทควันโด, แบดมินตัน, ขี่ม้า, จักรยาน, มวยสากลสมัครเล่น, ยูโด, กอล์ฟ, ว่ายน้ำ และกรีฑา-สำนักข่าวไทย

1 597 598 599 600 601 1,754
...