พายุ “บัวลอย” จ่อเข้าทะเลจีนใต้ คาดทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่น

กรุงเทพฯ 26 ก.ย. – กรมอุตุนิยมวิทยา เผยพายุโซนร้อนกำลังแรง “บัวลอย” เตรียมเข้าสู่ทะเลจีนใต้ตอนกลางในช่วงค่ำวันนี้ และมีแนวโน้มทวีกำลังขึ้นเป็นไต้ฝุ่น ก่อนเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนปลายเดือนนี้ ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ จากอิทธิพลของร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรง นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อนกำลังแรง “บัวลอย” ขณะนี้มีศูนย์กลางอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนตัวเร็วประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในช่วงค่ำของวันนี้ (26 ก.ย.) ก่อนมุ่งสู่อ่าวตังเกี๋ยและเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 29–30 กันยายนนี้ ทั้งนี้ เส้นทางของพายุยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบจากภูมิประเทศของฟิลิปปินส์ รวมถึงมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมเวียดนาม จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับพยากรณ์อากาศในช่วงวันที่ 26–27 ก.ย. ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นจากร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในจังหวัดต่อไปนี้ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะบริเวณลาดเชิงเขา พื้นที่ลุ่มต่ำควรเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งจากฝนตกสะสม​ ส่วน​ชุมชน​เมืองระวัง​น้ำท่วม​ขัง​ ส่วนแนวโน้มช่วงวันที่ 28 ก.ย.–2 ต.ค. ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก […]

จุดถนนทรุดตัว ยังต้องเฝ้าระวัง แนะกันเขตรอบพื้นที่

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ย้ำเหตุถนนทรุดตัว หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ไม่ใช่หลุมยุบตามธรรมชาติ แต่เป็นการทรุดตัวจากกิจกรรมของมนุษย์ แนะกันเขตรอบพื้นที่ ตรวจสอบอาคารรอบข้าง–เตรียมพื้นที่อพยพ หากทรุดตัวต่อเนื่อง นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรณีได้ตรวจสอบกรณีถนนทรุดตัวบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิตทันทีที่ทราบเหตุ โดยพบว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากปัจจัยทางธรณีวิทยาหรือหลุมยุบธรรมชาติ แต่เกิดจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและสาธารณูปโภคใต้ดิน ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพธรณีวิทยาเป็นชั้นดินเหนียว (Bangkok Clay) หนาประมาณ 25 เมตร ถูกปิดทับด้วยชั้นดินถมซึ่งใช้เป็นฐานรากของถนน การถล่มของชั้นดิน มีขอบเขตจำกัดอยู่ตามแนวถนน ไม่ได้ลุกลามไปในลักษณะของหลุมยุบธรรมชาติ ซึ่งปกติมักจะมีรูปร่างเป็นวงกลม แต่ครั้งนี้กลับยุบตัวเป็นแนวเส้นบล็อกตามโครงสร้างถนน ขณะเดียวกันยังตรวจพบว่า จุดเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างอุโมงค์เชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งมีอุโมงค์ 2 ชั้นคือ ชั้นบนลึก 15 เมตรและชั้นล่างลึก 30 เมตร โดยอุโมงค์ชั้นบนมีรอยแตก ทำให้ดินด้านบนไหลลงสู่ช่องว่างภายในอุโมงค์ ส่งผลให้เกิดการทรุดตัว ประกอบกับท่อประปาขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เมตร ของการประปานครหลวงแตกหักจากแรงกดดันดินที่ทรุด น้ำจึงไหลเข้าไปชะล้างดินเพิ่มและทำให้การทรุดตัวขยายวงกว้าง อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีระบุว่า ลักษณะการทรุดตัวครั้งนี้รุนแรง แต่ไม่น่าจะขยายวงกว้างไปยังพื้นที่อื่น เนื่องจากโครงสร้างวิศวกรรมโดยรอบยังมีมาตรฐานรองรับ […]

ทส.ย้ำถนนทรุดหน้า รพ.วชิรฯ ไม่เกี่ยวปัจจัยธรณีวิทยา

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – ปลัด ทส. ระบุผู้เชี่ยวชาญกรมทรัพยากรธรณี ตรวจสอบเหตุถนนบริเวณหน้า รพ.วชิรพยาบาล ทรุดตัว พบเป็นการยุบตัวตามแนวถนน สาเหตุมาจากการถล่มของชั้นดินถม จากปัจจัยท่อประปาแตกและฝนตกหนัก ร่วมกับการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน ไม่ใช่หลุมยุบจากธรรมชาติ นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมผู้เชี่ยวชาญกรมทรัพยากรธรณี ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุถนนทรุดตัว บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.13 น. ต่อมาเวลา 07.45 น. การยุบตัวขยายวงกว้าง ส่งผลให้เสาไฟฟ้าและรถยนต์บางส่วนตกลงไปในหลุม จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณดังกล่าวมีชั้นดินเดิมเป็นดินเหนียว (Bangkok Clay) หนาประมาณ 25 เมตร ถูกปิดทับด้วยชั้นดินถมที่ใช้เป็นฐานรากถนน การยุบตัวที่เกิดขึ้นมีลักษณะเป็นแนวเส้นบล็อกตามแนวถนน แตกต่างจากหลุมยุบทางธรรมชาติ ซึ่งมักเกิดเป็นวงกลม จึงสรุปได้เบื้องต้นว่า ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางธรณีวิทยา สำหรับสาเหตุสำคัญมาจากการถล่มของชั้นดินถม ซึ่งถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยหลายด้าน ได้แก่ ท่อประปาแตก และฝนตกหนัก ชะล้างดินถมจนเกิดโพรงใต้ดิน ร่วมกับการก่อสร้างแนวรถไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของดิน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณี ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อลดความตื่นตระหนก.-512-สำนักข่าวไทย

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ปรับเพิ่มระบายน้ำเขื่อนพระรามหก ท้ายน้ำแตะเกณฑ์วิกฤติ

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมชลประทานเตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนพระรามหก ระหว่างวันที่ 26–28 ก.ย.นี้ เพื่อรองรับน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ ที่เพิ่มอัตราระบายน้ำ เริ่ม 24 ก.ย. เป็นต้นไป คาดอาจกระทบชุมชนลุ่มต่ำท้ายเขื่อนใน จ.พระนครศรีอยุธยา ด้านเขื่อนเจ้าพระยาตรึงอัตราการระบาย โดยประสานเขื่อนใหญ่ตอนบนลดปริมาณน้ำไหลลงสู่ภาคกลาง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เร่งผลักดันน้ำในลุ่มน้ำชี พร้อมเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ กรมชลประทานเปิดเผยว่า ขณะนี้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำเก็บกักถึง 78% ของความจุ และยังคงมีน้ำไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง จึงได้ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 500 เป็น 650 ลูกบาศก์เมตร/วินาที โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ เพิ่มวันละ 50 ลบ.ม./วินาที เพื่อรักษาระดับน้ำในเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อรองรับน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ รวมทั้งน้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสักและฝนสะสม เขื่อนพระรามหกจึงเตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 550–700 ลบ.ม./วินาที ระหว่างวันที่ 26–28 ก.ย. 2568 ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักด้านท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้นอีก 1.80–2.00 เมตร โดยระดับนี้อยู่ในเกณฑ์วิกฤตและอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งได้แก่ ขณะเดียวกัน ที่เขื่อนเจ้าพระยาคงระบายน้ำในอัตรา 2,200 ลบ.ม./วินาที […]

สทนช. เตือน 11 ลำน้ำเสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง ช่วง 25–30 ก.ย. นี้

กรุงเทพฯ 23 ก.ย.- สทนช. ออกประกาศเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำระหว่างวันที่ 25–30 กันยายน ฝนตกเพิ่ม ฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ 11 ลำน้ำ เกิดภาวะน้ำเอ่อล้นตลิ่งหรือท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำได้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำครอบคลุมห้วงเวลา วันที่ 25–30 กันยายน 2568 โดยจากการประเมินร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานด้านน้ำ พบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ 11 ลำน้ำ เกิดภาวะน้ำเอ่อล้นตลิ่งหรือ ท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำได้ พื้นที่เสี่ยงตามลำน้ำต่างๆ มีดังนี้ ขณะนี้ได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามพื้นที่ที่มี ฝนตกสะสมเกิน 90 มม.ใน 24 ชม. อย่างใกล้ชิด ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ – ซ่อมแซมและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเตรียมพร้อมกำลังคน–เครื่องจักร–ระบบสื่อสาร–แผนอพยพ รวมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนล่วงหน้าแก่ชุมชนเสี่ยงลุ่มต่ำทุกแห่ง สทนช. ย้ำว่า ระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงฝนตกชุกและต้องระวังพายุที่อาจเข้าสู่ประเทศไทย คาดตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่างๆ จะคลี่คลายตามลำดับ แล้วเข้าสู่ฤดูหนาวต่อไป. 512-สำนักข่าวไทย

ลดระบายน้ำเขื่อนตอนบน หวังตรึงท้ายเจ้าพระยา

กรุงเทพฯ​ 22 ก.ย.​- สทนช. ผนึกทุกหน่วยงานเร่งบริหารน้ำโค้งสุดท้ายฤดู​ฝน สั่งปรับลดระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์ ​เพื่อ​ตรึง​การระบาย​ท้าย​เขื่อน​เจ้าพระยา​ ชี้ล่าสุด​จำเป็น​ต้องเพิ่มเขื่อนป่าสักฯ เพื่อ​บรรเทาผลกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำ​ ส่วนภาคอีสาน​ ประสานเพิ่ม​การระบาย​น้ำเขื่อน​อุบลรัตน์ นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านน้ำ ได้แก่ กรมอุตุนิยมวิทยา, สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.), กรมชลประทาน, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และผู้ทรงคุณวุฒิ ว่า จากการติดตามแนวโน้มฝนปลายเดือนกันยายน โดยเฉพาะจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “รากาซา (RAGASA)” ที่จะเคลื่อนตัวผ่านทะเลจีนใต้และเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 25–26 กันยายนนี้ ทำให้มรสุมที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นในภาคเหนือตอนล่างและตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ตอนบน โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำที่อัตรา 2,200 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนใน จ.ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี เพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลง ที่ประชุมจึงมีมติให้ ลดการระบายน้ำจากเขื่อนตอนบนได้แก่ […]

ทส. ประชุมภาคีขับเคลื่อนการรับมือ Climate Change 2025

กรุงเทพฯ 22 ก.ย.-ก.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เตรียมจัดประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 29-30 กันยายนนี้ เป็นการร่วมมือกับทุกภาคส่วนเร่งยกระดับผลักดันนโยบายด้านการปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสู่การปฏิบัติจริง ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานแถลงข่าวการจัดประชุม Thailand Climate Action Conference หรือ TCAC 2025 ภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิด ร่วมพลิกวิกฤตโลกเดือด (Inspiring Climate Solutions for All)” โดยมีดร.นภัส พันธ์พงษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซัสเทนอะบิลิตี้ เอ็กซ์โป จำกัด ดร.บุญทวี บุญให้ ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนางสาวกานต์รวี ศรีแสงทรัพย์ แกนนำเยาวชน โครงการ Local Conference of Youth Thailand เข้าร่วมแถลงข่าวด้วย ดร.พิรุณ เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อทรัพยากรธรรมชาติ เศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชน […]

เขื่อนป่าสักฯ ปรับเพิ่มระบายน้ำอีกครั้ง คาดท้ายเขื่อนล้นตลิ่งที่ลุ่มต่ำ

ลพบุรี 22 ก.ย. – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เตรียมทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำขึ้นเป็นลำดับ เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน หลังมีแนวโน้มน้ำไหลเข้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดระดับน้ำแม่น้ำป่าสักอาจเพิ่มขึ้น 1.50 – 1.80 เมตรและส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำหลายจุด ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงการระบาย แต่เฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุน้ำเหนือที่จังหวัดนครสวรรค์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ออกหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แจ้งเตือนประชาชนถึงความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำจากมีปริมาณน้ำในอ่าง 743 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 77ของความจุอ่างฯ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อน 662 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 57 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยยังคงมีน้ำไหลเข้าอย่างต่อเนื่องจากพื้นที่ด้านเหนือเขื่อนและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเพื่อควบคุมระดับน้ำในเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม กรมชลประทานจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิม 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 650 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยทยอยเพิ่มวันละ 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2568 เป็นต้นไป การปรับเพิ่มการระบายน้ำดังกล่าว คาดว่า จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 1.50 – 1.80 เมตร ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำบางจุดเช่น ขณะเดียวกันยังคงอัตราการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทที่ 2,200 […]

จับตาปลาย ก.ย. พายุถี่ขึ้น ลุ้นเคลื่อนเข้าไทย

กรุงเทพฯ 21 ก.ย.- กรมอุตุฯ เผยแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นช่วงปลายเดือน ก.ย. ทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ขณะที่พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้มีแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 26–27 กันยายน มีโอกาสเกิดพายุลูกใหม่เพิ่มอีก แม้ขณะนี้ยังไม่มีทิศทางชัดเจนว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยหรือไม่ แต่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปัจจุบัน พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) ยังคงเคลื่อนตัวอยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อสภาพอากาศในประเทศ ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขณะเดียวกันมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยก็มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น และบางแห่งมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 21–27 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น แม่ฮ่องสอน […]

พายุดีเปรสชันทวีกำลังเป็นโซนร้อน “มิแทก” ส่งผลไทยฝนเพิ่ม

กรุงเทพฯ​ 19 ก.ย.​-กรมอุตุฯ เผย​พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “มิแทก” (MITAG) แล้วบ่าย​วานนี้ แม้ไม่เคลื่อนเข้าไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบทางอ้อม ตอนกลางประเทศ​ฝนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังพายุอีกลูกช่วงปลายเดือนนี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้​พายุโซนร้อน “มิแทก” มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งทางตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ในวันนี้​(19 กันยายน) แม้พายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งผลทางอ้อม ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 19–26 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น […]

เตือน 3 ลุ่มน้ำใหญ่รับฝนตกหนัก 52 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – สทนช.เตรียมประชุมทุกหน่วยงานพรุ่งนี้ รับมือฝนตกหนักใน 3 ลุ่มน้ำใหญ่ “เจ้าพระยา ชี-มูล และโขงฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ” เฝ้าระวัง 52 จังหวัด เสี่ยงน้ำหลาก–น้ำล้นตลิ่ง–ดินถล่ม 18–24 ก.ย.68 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศฉบับที่แจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง และน้ำล้นตลิ่งในช่วงวันที่ 18 – 24 กันยายน 2568 โดยเฉพาะ 3 ลุ่มน้ำใหญ่ ได้แก่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำชี-มูล และลุ่มน้ำโขงฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม-รับมือสถานการณ์ฝนตกหนักที่อาจส่งผลกระทบต่อ 52 จังหวัดทั่วประเทศ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ร่วมกันระหว่าง สทนช., กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำฯ, กรมทรัพยากรน้ำ, กรมทรัพยากรธรณี, กรมชลประทาน กฟผ. และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยพบว่ามีความเสี่ยงหลายลักษณะทั้ง “น้ำหลาก – […]

1 2 3 4 127
...