ค่าไฟฟ้างวดใหม่แตะ 5 บาท ดีเซลสัปดาห์นี้คง 35 บาท

กรุงเทพฯ 11 ก.ค.-ค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดใหม่ กกพ.จัดรับฟังความเห็น 3 ราคาเป็นครั้งแรก ต้นทุนกระฉูดส่งผลค่าไฟฟ้าเฉลี่ยนิวไฮเป็น 5 บาท/หน่วย ตามต้นทุน บาทอ่อนและ LNG ราคาพุ่ง ด้านกระทรวงพลังงานเตรียมแนวทางช่วยผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ราคาไม่ขยับขึ้น ด้าน กฟผ.แจงแบกรับค่าเอฟทีต่อไม่ไหว หลังช่วย 3 รอบ หนี้แตะแสนล้านบาท ส่วนดีเซลคงราคา 35 บาท สัปดาห์นี้ หนี้กองทุนน้ำมันเกิน 1.1 แสนล้านบาท


คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมจัดรับฟังความเห็นประชาชนเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติหรือเอฟทีงวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.65) โดยนับเป็นครั้งแรกของประเทศที่เปิดรับฟังให้ประชาชนร่วมคิดเห็นทางเลือกค่าไฟฟ้าเอฟที 3 ราคา จากเดิมที่จะมีการสรุปค่าเอฟทีเพียงราคาเดียว โดยทางเลือก 3 ราคานี้ แนวคิดหลักคือ คำนวณจากการประมาณการเฉพาะต้นทุนเชื้อเพลิงในงวดใหม่ และการใช้หนี้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะรัฐวิสาหกิจที่ได้ดำเนินตามนโยบายรัฐบาลในการช่วยรับภาระค่าเอฟที เพื่อลดผลประทบค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนตั้งแต่งวด ก.ย.-ธ.ค.64 จนถึงงวดปัจจุบัน (พ.ค.-ส.ค.65) เป็นวงเงินรวม 1 แสนล้านบาทแล้ว โดย กฟผ.แจ้งว่า มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าร่วมรับภาระค่าเอฟทีในงวดใหม่นี้ได้อีกแล้ว และขอความเห็นจาก กกพ. ว่าจะทยอยชำระหนี้อย่างไร

กกพ.จึงวางแผนจะทยอยคืนหนี้ เป็นเวลา 1-2 ปี ดังนั้น อัตราค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.65)ที่จะรับฟังความเห็นจากประชาชน จึงมี 3 ราคา ประกอบไปด้วย


1.การขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง ค่าเอฟทีเรียกเก็บจะอยู่ที่ 93.43 สตางค์/หน่วย ขึ้นจากงวดที่แล้ว (พ.ค.-ส.ค.65) 68.66 สตางค์/หน่วย

2.การขึ้นตามต้นทุนแท้จริง และมีการทยอยคืนเงินแก่ กฟผ. วงเงินเบื้องต้น 83,010 ล้านบาท เป็นเวลา 1 ปี (ทยอยปรับในค่าเอฟที 3 งวด งวดละ 45.70 สตางค์/หน่วย) ทำให้ค่าเอฟทีงวดนี้เรียกเก็บ 139.13 สตางค์/หน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดที่แล้ว (พ.ค.-ส.ค.65) 114.36 สตางค์/หน่วย

3.การขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง และทยอยคืนเงินแก่ กฟผ. วงเงินเบื้องต้น 83,010 ล้านบาท เป็นเวลา 2 ปี (ทยอยปรับในค่าเอฟที 6 งวด งวดละ 22.85 สตางค์/หน่วย) ทำให้ค่าเอฟทีงวดนี้เรียกเก็บ 116.28 สตางค์/หน่วย เพิ่มขึ้นจากงวดที่แล้ว (พ.ค.-ส.ค.65) 91.51 สตางค์/หน่วย


อย่างไรก็ตาม นโยบายของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน จะดูแลกลุ่มประชาชนให้เดือดร้อนน้อยที่สุด โดยระบุก่อนหน้านี้ว่า กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300-500 หน่วย/เดือน ค่าไฟฟ้าเอฟทีอาจจะไม่ปรับเพิ่มขึ้น โดย กกพ.มีการคำนวณเบื้องต้น กลุ่มนี้มีประมาณร้อยละ 25 ของผู้ใช้ไฟฟ้าโดยรวม หากคิดในอัตราที่ไม่ขึ้นค่าเอฟที สำหรับงวดที่ 3/65 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดที่ 2/65 ก็จะใช้วงเงินจากภาครัฐมาอุดหนุนราว 8 พันล้านบาท แต่ หากรัฐบาลจะมีนโยบายให้ค่าเอฟทีกลุ่มนี้ เทียบเท่ากับเอฟที งวด 1/65 วงเงินอุดหนุนก็จะมากกว่านี้

ทั้งนี้ ค่าไฟฟ้าเอฟที งวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 มีการเรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์/หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์/หน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้ากับค่าไฟฟ้าฐาน 3.76 บาท/หน่วย จะทำให้อัตราค่าไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 4 บาท/หน่วย (เพิ่มจากงวดก่อน (ม.ค.-เม.ย.65) ที่อัตราค่าไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 3.78 บาท/หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 5.82%) ดังนั้น ค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.65) เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานแล้ว คาดว่าจะสร้างสถิติสูงสุดที่ประมาณ 5 บาท/หน่วย

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ต้นทุนค่าเอฟทีที่แพงขึ้น มาทั้งจากปัจจัยเชื้อเพลิงราคาสูง และบาทอ่อนค่า โดยเชื้อเพลิงราคาสูงก็มาจากสถานการณ์ทั้งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยไม่เพียงพอ เกิดจากแหล่งเอราวัณผลิตได้ต่ำกว่าเป้าหมาย ทำให้ต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นำเข้าสูง จากเดิมสัดส่วนร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 35 ในขณะที่สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็มีผลทำให้แอลเอ็นจีราคาพุ่งอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก็ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ต้นทุนเชื้อเพลิงให้สูงขึ้น

ที่ผ่านมา กฟผ.ร่วมรับภาระค่าไฟฟ้ากับประชาชนตามแนวทางบริหารค่าไฟฟ้า ตั้งแต่งวด 3/64 (ก.ย.-ธ.ค.64) และร่วมรับภาระเรื่อยมาในงวด 1/65 (ม.ค.-เม.ย.) และงวด 2/65 (พ.ค.-ส.ค.) เป็นเงินรวมกับอัตราดอกเบี้ยที่กู้เสริมสภาพคล่อง แล้วราว 1 แสนล้านบาท กฟผ.จึงได้แจ้งต่อ กกพ.ไม่สามารถร่วมรับภาระในเอฟที งวด3/65 ได้อีก ส่วนการชำระคืนเงินแก่ กฟผ. ก็แล้วแต่ กกพ.พิจารณาว่าจะกำหนดช่วงเวลาคืน 1 ปี หรือ 2 ปี โดยที่ผ่านมา ทางกระทรวงพลังงาน และ กกพ. ต่างร่วมพิจารณากันว่า การให้ กฟผ.มาร่วมรับภาระก่อนและจ่ายคืนเงินให้ กฟผ.ภายหลัง จะเป็นการร่วมลดภาระค่าเอฟทีแก่ประชาชน ซึ่งเกิดในช่วงต้นทุนเชื้อเพลิงเริ่มแพงขึ้นในช่วงราคาพลังงานฟื้นตัวจากโควิด-19 ในงวด 3/64 แล้ว หลังจากนั้นคาดว่าเมื่อต้นทุนเชื้อเพลิงถูกลงแล้วจะมาทยอยชำระคืนแก่ กฟผ.ภายหลัง แต่เมื่อสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนเกิดขึ้น ราคาก็ไม่เป็นไปตามคาดการณ์แต่อย่างใด

“วงเงินช่วยเหลือเอฟที 1 แสนล้านบาท ก็มีผลต่อสภาพคล่องของ กฟผ. เช่น ทำให้ที่ผ่านมาไม่สามารถนำเข้าแอลเอ็นจีตามแผนงานได้ และมีผลกระทบด้านอื่นๆ แต่ยืนยันไม่กระทบต่อการลงทุนโรงไฟฟ้าและสายส่งเพื่อความมั่นคงพลังงานของประเทศ รวมทั้งไม่กระทบต่อเงินเดือนของพนักงานแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมา กฟผ.กู้เสริมสภาพคล่องไปแล้ว 2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มเครดิตไลน์ 3 หมื่นล้านบาท และจะกู้เพิ่มอีก 8.5 หมื่นล้านบาท โดย กฟผ.ก็อยากร่วมรับภาระค่าเอฟทีแก่ประชาชน แต่ก็คงไม่สามารถทำได้มากกว่านี้ ซึ่งต้องเข้าใจว่าเป็นสถานการณ์โลก และแนวทางของรัฐบาล คือ หากประชาชนร่วมประหยัดไฟฟ้ามากที่สุด ก็จะทำให้พึ่งพาแอลเอ็นจีนำเข้าน้อยที่สุด เป็นผลดีต่อค่าไฟฟ้าเอฟที” นายบุญญนิตย์ กล่าว

ด้านคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ซึ่งมี รมว.พลังงาน เป็นประธาน วันนี้ (11 ก.ค.) มีมติไม่เปลี่ยนแปลงราคาดีเซลรายสัปดาห์ คงอยู่ที่ประมาณ 35 บาท/ลิตร และยังคงขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมัน คงค่าการตลาดดีเซลไม่เกิน 1.40 บาท/ลิตร ในขณะที่การอุดหนุนทั้งดีเซลและก๊าซหุงต้ม ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 10 ก.ค.65 มีฐานะสุทธิติดลบ 110,917 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 72,534 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 38,383 ล้านบาท ซึ่งกองทุนอุดหนุนราคาดีเซลอยู่ที่ 3.06 บาท/ลิตร จากราคาจริงควรอยู่ที่ 38 บาท/ลิตร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]