กรุงเทพฯ 13 พ.ค.- สหวิริยา คาดราคาเหล็กสูงช่วง 1-2 ปี ขยับตามตลาดโลก มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ จีน สหรัฐ เร่งอัดฉีดเงินฟื้นเศรษฐกิจ จากปัญหาโควิด-19
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยเกี่ยวกับ “สถานการณ์เหล็กโลก และสถานการณ์เหล็กในประเทศไทย” ว่าเมื่อหลายประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ เริ่มอัดฉีดเงินออกสู่ระบบ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสหรัฐทุ่มเงินสู่ระบบ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่จีน เร่งทุ่งเงินพัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้ภาคอสังหาฯ ร้อนแรงมาก ในปี 64 คาดว่าจีนมีความต้องการเหล็ก 1,100 ล้านตัน เพื่อใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับไทย โรงงานอุตสหากรรมมเหล็ก 31 แห่ง มีกำลังการผลิต 13.2 ล้านตัน มีความต้องการใช้ในประเทศ 14.5 ล้านตัน ปริมาณความต้องการจึงไม่สอดคล้องกับการผลิต ขณะนี้รัฐบาลเร่งรัดลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เพื่ออัดเงินออกสู่ระบบ กระตุ้นเศรษฐกิจ จึงมีความต้องการเหล็กเส้น เหล็กโครงสร้าง ใช้ในการก่อสร้าง จึงคาดว่าราคาเหล็กยังปรับสูงในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้ หลังจากราคาได้ปรับลดลงช่วงที่ผ่าน และส่งผลกระทบต่ออุตสหากรรมเหล็กในช่วงปัญหาโควิด-19 ในส่วนของ SSI ผู้ผลิตรายใหญ่ 1ใน 6 ของอุตสหากรรมเหล็ก กำหนดเป้าหมายการผลิตในปี 64 ประมาณ 1.2 ล้านตัน
ยอมรับว่า ราคาวัตถุดิบนำเข้าเริ่มปรับสูงขึ้นตามสินค้าอื่น เช่น เหล็ก ทองแดง ปุ๋ย ค่าระวางเรือ เนื่องจากทุกประเทศ เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการภาครัฐอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว ซึ่งได้คาดการณ์ต้นทุนเหล็กเอาไว้ช่วงที่ผ่าน แต่เมื่อต้นทุนได้เปลี่ยนแปลง รัฐบาลอาจต้องพิจารณาดูแลค่า K สำหรับการโครงการลงทุนก่อสร้างภาครัฐ ในส่วนของภาคก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ อาจไม่กระทบมากนัก เพราะเหล็กเป็นต้นทุนเพียงร้อยละ 5 ของการก่อสร้าง ต้นทุนหลักจะเป็นค่าแรง วัตถุดิบ วัสดุ อุปกรณ์อื่นๆ การก่อสร้างจึงต้องหันมาใช้นวัตกรรมใหม่ โดยใช้เทคโนโลยี การออกแบบการใช้เหล็ก เหนียว เบา คงทน แทนการใช้เหล็กเพื่อก่อสร้างรูปแบบเดิม เพื่อไม่ให้ราคาบ้านปรับสูงขึ้น.- สำนักข่าวไทย
