กระบี่ 29 ม.ค.-จังหวัดกระบี่ ร่วมมือกับบริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดโรงไฟฟ้าขยะชุมชนต้นแบบพลังงานสะอาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 6 เมกะวัตต์ ด้านTPIPP ได้รับข่าวดีชนะการประมูลโรงไฟฟ้าขยะ อบจ.สงขลา
พันตำรวจโท หม่อมหลวง กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่าโรงไฟฟ้านี้ตอบโจทย์ยกระดับสู่เมืองท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม ตามแนวคิด KRABI Goes Green ต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นโมเดลแก้ปัญหากำจัดขยะชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมากระบี่มีขยะตกค้างมหาศาลที่รอกำจัด ในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ก็มีกว่า 800,000 ตันโรงไฟฟ้าขยะชุมชนจะแก้ไขปัญหาและจัดการขยะเก่าและใหม่ อย่างยั่งยืน โดยกระบี่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญอันดับ 4 ของประเทศ ภาวะปกติมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไม่ต่ำกว่า 6 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 120,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ปี 2563 แม้ต้องเผชิญผลกระทบโควิด- 19 ก็ยังมียอดนักท่องเที่ยวกว่า 1.5 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 9 แสนคน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 แสนคน รายได้ท่องเที่ยวหดเหลือ 29,000 ล้านบาท
“โรงไฟฟ้าขยะชุมชนแห่งนี้ ถือเป็นการพลิกวิกฤตขยะให้เป็นโอกาสในการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับชุมชน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปลอดภัยสะอาด สวยงามและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเหมาะสำหรับใช้เป็นโมเดลต้นแบบในการแก้ไขปัญหาขยะชุมชนในทุกพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั้งของประเทศและของโลกอย่างยั่งยืน”ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่กล่าว
นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ กล่าวว่า โรงไฟฟ้าขยะชุมชน ตั้งอยู่ภายในบริเวณศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลฯ ณ ตำบลไสไทย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ โดยให้กลุ่มบริษัท ACE เป็นผู้บริหารจัดการภายใต้อายุสัญญา 25 ปี วัตถุประสงค์สำคัญเพื่อบริหารกำจัดขยะทดแทนการฝังกลบในบ่อขยะแบบเดิมซึ่งเปิดใช้มากว่า 20 ปีส่งผลให้ขยะตกค้างรอกำจัดจำนวนมาก และเมื่อรวมกับขยะใหม่แต่ละวันไม่น้อยกว่า 200 ตัน หากปล่อยไว้นานยิ่งกระทบต่อปัญหาเรื่องพื้นที่ฝังกลบมีไม่เพียงพอและส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึงทำลายภูมิทัศน์อันสวยงามของจังหวัดกระบี่
ส่วนนวัตกรรมที่นำมาใช้ก็เป็นการกำจัดขยะที่ถูกวิธีแบบเบ็ดเสร็จสามารถเผาขยะทุกชนิดได้พร้อมๆ กัน เช่น กระดาษ พลาสติก ยาง ผ้า เศษอาหารจากขยะเก่าและขยะใหม่ของเทศบาลเมืองกระบี่ รองรับการนำขยะมากำจัดได้สูงสุดวันละ 450 ตัน ซึ่งมาจากเทศบาลในพื้นที่กระบี่ 14 แห่ง อบต.48 แห่ง
นาย ธีรวุฒิ ทรงเมตตา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเทคโนโลยีและนวัตกรรม ACE.กล่าวว่าโครงการนี้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD )ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2563 สร้างรายได้ให้ ACE ปีละประมาณ 220 ล้านบาท ซึ่งมาจากรายได้การจำหน่ายไฟฟ้าและรายได้ค่ากำจัดขยะ และขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาขยายงานทั้งในและต่างประเทศ โดยในไทยก็พร้อมจะร่วมกับชุมชนเกษตรกรเพื่อเสนอโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนตามที่รัฐบาลคาดว่าจะประกาศรับซื้อไตรมาส1/64 ราว150เมกะวัตต์ และยังเจรจากับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกหลายพื้นที่ที่จะร่วมมือจัดการขยะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมสร้างมูลค่าเพิ่มนำมาผลิตกระแสไฟฟ้า
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจาก อบจ.สงขลา ว่าจากการที่บริษัทฯได้ยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะสงขลาฯ กับทาง อบจ. เพื่อทำโรงไฟฟ้า พร้อมกับโรงกำจัดขยะที่ ตำบลเกาะแต้ว อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ทางบริษัทชนะการประมูล โครงการนี้
จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 20 ปี หลังจากเริ่มผลิต ราคาขายไฟฟ้าอยู่ที่ 5.78 บาทสำหรับ 8 ปีแรก และ 5.08 บาทสำหรับ 12 ปีหลัง ตามประกาศของกระทรวงพลังงานเนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้า VSPP (Very small power plant) นอกจากนั้นทางบริษัทฯ ยังได้รับค่ากำจัดขยะอีก 400 บาทต่อตัน ซึ่งทางเทศบาลได้ระบุว่าต้องส่งมอบขยะ 400-700 ตันต่อวัน โดยการประมูลเป็นแบบ BOO (build-operate-own) หลังจากครบสัญญา 20 ปี ทางคู่สัญญาสามารถต่อสัญญาได้อีก 5 ปีไปเรื่อยๆ ซึ่งราคาขายไฟฟ้าและค่ากำจัดต้องไปเจรจากันใหม่ในตอนนั้น โดยทางบริษัทฯ ประเมินว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท
ขั้นตอนต่อจากนี้คือการ ทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม Code of Practice หรือ COP ควบคู่ไปกับการเจรจาสัญญาสัมปทานบ่อขยะ หลังจากทั้งสองเรื่องเรียบร้อยก็จะเป็นการเจราจาขอเซ็นสัญญา Power Purchase Agreement หรือ PPA กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. ต่อไป นอกจากโรงไฟฟ้าขยะที่สงขลาแล้ว บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเตรียมตัวเข้าร่วมประมูลอีก 11 โครงการ รวม 135 เมกกะวัตต์ ซึ่ง TOR ของแต่ละโครงการจะทยอยออกมาในปีนี้และปีหน้า .- สำนักข่าวไทย
