กรุงเทพฯ 17 ก.ย.- ไทยรุกตลาด ผู้ส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมว ก้าวเป็นอันดับที่ 2 ในปี 67 ของโลก ด้วยมูลค่า 2,677 ล้านเหรียญสหรัฐ จุดเด่นหลักคุณภาพและมาตรฐานสินค้าที่ดี
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปี 2567 ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมว เป็นอันดับที่ 2 ของโลก ด้วยมูลค่า 2,677.03 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 29% เทียบกับปีก่อน และมีสัดส่วน 10% ของมูลค่าส่งออกอาหารสุนัขและแมวของทั้งโลก ตามหลังเยอรมนี ที่ครองอันดับที่ 1 มาหลายปี โดยเยอรมนี ส่งออกเป็นมูลค่า 3,282.69 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วน 12.3% ของมูลค่าส่งออกรวมของโลก)
สำหรับประเทศผู้ส่งออกสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (มูลค่าการส่งออก 2,520.71 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 9.4%) โปแลนด์ (มูลค่าการส่งออก 2,408.40 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 9.0%) และฝรั่งเศส (มูลค่าการส่งออก 2,307.87 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 8.6%)

ทั้งนี้ ปี 67 ตลาดอาหารสุนัขและแมวทั่วโลกคึกคักเป็นอย่างมาก มูลค่าสูงถึง 26,466.28 ล้านเหรียญสหรัฐ ประเทศผู้นำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก คือ เยอรมนี มีมูลค่าการนำเข้า 2,435.16 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วน 9.2% ของมูลค่านำเข้ารวมของโลก) รองลงมา คือ สหรัฐฯ (มูลค่าการนำเข้า 2,215.51 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 8.4%) สหราชอาณาจักร (มูลค่าการนำเข้า 1,762.27 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 6.7%) โปแลนด์ (มูลค่าการนำเข้า 1,530.44 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 5.8%) และแคนาดา (มูลค่าการนำเข้า 1,379.63 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 5.2%)
สำหรับศักยภาพการแข่งขันของไทยในสินค้าอาหารสุนัขและแมว ขณะนี้ถือได้ว่ามีเสถียรภาพ และมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่อง และในหลากหลายตลาด เนื่องจากประเทศไทยมีจุดเด่น และมีภาพลักษณ์ที่ดีในด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้าอาหาร ซึ่งรวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยงด้วย โดยการส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมวของไทย ในปี 67 มีมูลค่า 2,677.03 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 29% า ขยายตัวดีทั้งในตลาดหลักที่ไทยมีสัดส่วนการส่งออกสูง อาทิ สหรัฐฯ (สัดส่วน 32.4% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย)
ในส่วนของการส่งออกไปสหรัฐฯ มีมูลค่า 868.40 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 47% ตลาดสำคัญรองลงมา ได้แก่ ญี่ปุ่น (มูลค่าการส่งออก 329.37 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 12.3% ขยายตัว 0%) ออสเตรเลีย (มูลค่าการส่งออก 167.21 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 6.2% ขยายตัว 45%) อิตาลี (มูลค่าการส่งออก 164.94 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 6.2% ขยายตัว 34%) และมาเลเซีย (มูลค่าการส่งออก 138.18 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 5.2% ขยายตัว 8%) ทั้งนี้ การส่งออกอาหารสุนัขและแมวจากไทยไป 5 ตลาดอันดับแรกดังกล่าว มีสัดส่วนรวมกันถึง 62.3% ของมูลค่าการส่งออกอาหารสุนัขและแมวจากไทยไปโลก


สำหรับตลาดสหภาพยุโรป (อียู) การส่งออกของไทยในปี 67 เทียบกับปี 66 ขยายตัว 47% ด้วยมูลค่า 349.58 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีตลาดสำคัญในแถบนี้ อาทิ อิตาลี (มูลค่าการส่งออก 164.94 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 34%) เยอรมนี (มูลค่าการส่งออก 105.24 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 71%) เบลเยียม (มูลค่าการส่งออก 35.51 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 92%) ฝรั่งเศส (มูลค่าการส่งออก 19.11 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 16%) และเนเธอร์แลนด์ (มูลค่าการส่งออก 10.30 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 20%)
ในส่วนของตลาดเอเชีย ได้แก่ ตลาดอาเซียน ยังเติบโตต่อเนื่อง อาทิ มาเลเซีย (มูลค่าการส่งออก 138.18 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 8%) ฟิลิปปินส์ (มูลค่าการส่งออก 111.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 13%) อินโดนีเซีย (มูลค่าการส่งออก 66.49 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 9%) เวียดนาม (มูลค่าการส่งออก 28.27 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3%) และสิงคโปร์ (มูลค่าการส่งออก 21.41 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15%)
ขณะที่ตลาดเอเชียตะวันออก เช่น ไต้หวัน (มูลค่าการส่งออก 95.89 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 18%) จีน (มูลค่าการส่งออก 44.30 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 18%) และเกาหลีใต้ (มูลค่าการส่งออก 37.60 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 18%) แม้สัดส่วนสินค้าไทยไปตลาดนี้ยังไม่สูงนัก แต่การส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมวของไทยก็ขยายตัวได้ดี สำหรับตลาดเอเชียใต้ มีอินเดีย (มูลค่าการส่งออก 79.31 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 26%) เป็นตลาดส่งออกสำคัญ. -511-สำนักข่าวไทย