บจ.ไทยครองแชมป์ “ASEAN CG Scorecard ปี 2567”

กรุงเทพฯ 25 ก.ค.- บริษัทจดทะเบียนไทยครองแชมป์ “ASEAN CG Scorecard ปี 2567” ทำคะแนนเฉลี่ยมากที่สุด ตามเกณฑ์การประเมินใหม่ ชูศักยภาพการเป็นกิจการที่ดี รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2568 Minority Shareholders Watch Group (MSWG) องค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับดูแลกิจการของประเทศมาเลเซีย และเป็นหนึ่งในองค์กรผู้ทำการประเมินในนามของประเทศมาเลเซีย (Domestic Ranking Body) ได้จัดงานประกาศผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในอาเซียน (ASEAN Corporate Governance Scorecard หรือ ASEAN CG Scorecard) สำหรับปี 2567 ขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank หรือ ADB) เพื่อชื่นชมบริษัทจดทะเบียนในอาเซียนที่มีการนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Environment, Social and Governance หรือ ESG) มาใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งของบริษัทและรวมตลอดถึงห่วงโซ่คุณค่า (value chain) โดยเป็นการประเมินครั้งแรกตามเกณฑ์ ASEAN CG Scorecard ใหม่ ที่มีการปรับปรุงเมื่อปี 2566 ให้สอดคล้องกับ G20/OECD Principles of Corporate Governance 2023 ซึ่งจัดทำโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Cooperation and Development หรือ OECD)

รางวัล ASEAN CG Scorecard ปี 2567 แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
(1) รางวัล ASEAN Asset Class PLCs มอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่ทำคะแนนได้ตั้งแต่ 97.50 คะแนนขึ้นไป (ร้อยละ 75 ของคะแนนเต็ม 130 คะแนน) ซึ่งมีทั้งสิ้น 250 บริษัท โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนไทย 74 บริษัท ซึ่งมากที่สุดในอาเซียน
(2) รางวัล ASEAN Top 50 PLCs มอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีคะแนนสูงสุด 50 อันดับแรกของอาเซียน โดยบริษัทจดทะเบียนไทยมีจำนวน 16 บริษัท มาเลเซีย 17 บริษัท สิงคโปร์ 8 บริษัท ฟิลิปปินส์ 5 บริษัท และอินโดนีเซีย 4 บริษัท
(3) รางวัล Country Top 5 PLCs มอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีคะแนนสูงสุด 5 อันดับแรกของแต่ละประเทศ โดยบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีคะแนนสูงสุด 5 อันดับแรก (เรียงตามตัวอักษรย่อภาษาอังกฤษของชื่อบริษัทจดทะเบียน) ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP)
ทั้งนี้ จากผลคะแนนทั้งหมดพบว่า ในปี 2567 บริษัทจดทะเบียนไทยสามารถทำคะแนนเฉลี่ย 103.83 คะแนน ซึ่งมากที่สุดในอาเซียน โดยเพิ่มขึ้นจาก 102.27 คะแนน จากรอบการประเมินครั้งก่อนเมื่อปี 2564


นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่าก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนไทย ให้ความสำคัญกับการทำงานบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนยกระดับการกำกับดูแลกิจการให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการประกอบธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนส่งเสริมให้มีการนำนวัตกรรมมาปรับใช้อย่างเหมาะสมกับบริบทธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ รวมทั้งสร้างคุณค่าให้แก่บริษัทและตลอดห่วงโซ่คุณค่าอย่างยั่งยืน

ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ปรับปรุงแบบรายงานการเปิดเผยข้อมูลเป็นแบบ 56-1 One Report ซึ่งเริ่มใช้บังคับในปี 2565 ทำให้บริษัทจดทะเบียนไทยมีการเตรียมความพร้อมในการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน และรองรับการประเมิน ASEAN CG Scorecard ปี 2567 ตามหลักเกณฑ์ใหม่ที่เพิ่มเติมเรื่องการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืนและเริ่มใช้ประเมินเป็นครั้งแรก จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่บริษัทจดทะเบียนไทยได้รับรางวัล ASEAN Asset Class มากที่สุดในอาเซียน และสามารถทำคะแนนเฉลี่ยสูงถึง 103.83 คะแนน ซึ่งมากที่สุดในอาเซียนเช่นกัน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่กิจการอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ก.ล.ต. จะพัฒนาเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนไทยให้สอดรับกับมาตรฐานสากลสำหรับการรายงานข้อมูลด้านความยั่งยืน ซึ่งรวมถึง IFRS S1 และ S2 จัดทำโดยคณะกรรมการมาตรฐานความยั่งยืนระหว่างประเทศ (The International Sustainability Standards Board หรือ ISSB) เพื่อเสริมสร้างให้ตลาดทุนไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างต่อเนื่องต่อไป

นายกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) ในฐานะ ผู้เชี่ยวชาญด้าน CG ของประเทศไทย และเป็นหนึ่งในองค์กรผู้ทำการประเมินในนามของประเทศไทย กล่าวว่า ผลการประเมิน ACGS ปี 2567 สะท้อนถึงการยกระดับอย่างต่อเนื่องของแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการในบริษัทจดทะเบียนไทย โดยเฉพาะในประเด็น ESG ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลก บริษัทไทยจำนวนมากเริ่มก้าวข้ามไปสู่การดำเนินงานและกำกับดูแลที่เน้นการสร้างคุณค่าในระยะยาว และให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น


จุดเด่นของการประเมินในปีนี้ ได้แก่ การพัฒนาของบริษัทไทยในด้าน ESG ดังนี้

  • บริษัทจดทะเบียนจำนวนมากขึ้นเริ่มจัดทำรายงานความยั่งยืนตามกรอบมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น Global Reporting Initiative (GRI) และเริ่มมีการปรับใช้แนวทางของ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD)
  • มีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยเปิดรับความคิดเห็นในประเด็นด้านความยั่งยืน และนำไปปรับใช้ในกลยุทธ์ของบริษัท
  • บริษัทต่าง ๆ เริ่มนำข้อมูลด้าน ESG และการประเมินความเสี่ยง มาใช้ในการตัดสินใจของคณะกรรมการ และเชื่อมโยงกับระบบบริหารความเสี่ยงขององค์กรมากขึ้น

“การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือทั้งจากผู้นำองค์กรและหน่วยงานกำกับดูแล Thai IOD มีความภูมิใจที่ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ ก.ล.ต. ในการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนไทยให้ยกระดับการกำกับดูแลกิจการ เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน และขับเคลื่อนไปสู่มาตรฐานที่สอดคล้องกับภูมิภาคและระดับสากล” นายกุลเวช กล่าว

ทั้งนี้ ASEAN CG Scorecard เป็นโครงการที่ริเริ่มโดย ACMF เมื่อปี 2555 จากการสนับสนุนของ ก.ล.ต. ในอาเซียน เพื่อทำการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน 6 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ซึ่งมีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุด 100 อันดับแรก ณ วันที่ 31 พฤษภาคม (ประเมินทุก ๆ 2 ปี) การประเมินระดับประเทศใช้เกณฑ์ที่พัฒนามาจากหลักเกณฑ์ OECD โดยประเมินจากข้อมูลที่บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยต่อสาธารณะ และมีกระบวนการตรวจสอบคะแนนจากประเทศอื่น (Peer review) เพื่อให้มั่นใจว่าทุกประเทศมีมาตรฐานการประเมินสอดคล้องกัน สำหรับ ASEAN CG Scorecard
ปี 2567 ประเมินจากการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2566 ทั้งนี้ Thai IOD ได้รับการพิจารณาจาก ก.ล.ต. ให้เป็น CG Expert และองค์กรผู้ทำการประเมินในนามของประเทศไทย (Domestic Ranking Body).-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]