กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – ส.อ.ท.ชี้อินโดนีเซียถูกเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐ 19% ทำให้ถูกเปรียบเทียบ เพราะไทยได้ดุลการค้าสหรัฐมากกว่าอินโดนีเซียถึง 2.5 เท่า ระบุทีมไทยแลนด์เหนื่อย แต่เชื่อเจรจาได้ เชื่อผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ทำงานกับรัฐ-เอกชนได้ เสนอดูแลซอฟต์โลน-เอสเอ็มอี
นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณี ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกมาระบุว่าบรรลุการเจรจากับอินโดนีเซีย โดยสินค้าจากอินโดนีเซียจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 19% ขณะที่สินค้าส่งออกของสหรัฐฯ จะไม่ถูกเก็บภาษีนั้น โดยระบุว่า หากเป็นไปได้อยากให้อัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐเก็บจากไทยอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่ง หรือประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ยกเว้น ลาว และเมียนมา ซึ่งล่าสุดการที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้ากับอินโดนีเซียที่ 19% โดย 47 กลุ่มอุตสาหกรรมสมาชิก ส.อ.ท. ได้มีการประชุมกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยินดีให้ลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐเหลือ 0% แต่มีเพียงบางกลุ่มอุตสาหกรรมยังมีความจำเป็นต้องเก็บภาษี เพราะหากเป็น 0% จะสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งได้ให้ข้อมูลทั้งหมดกับหน่วยงานภาครัฐเรียบร้อยแล้ว ขึ้นอยู่กับทีมไทยแลนด์ในการตัดสินใจและจัดลำดับความสำคัญในการเจรจา โดยมองว่ายังไม่จำเป็นต้องเทหมดหน้าตักอย่างเวียดนามหรืออินโดนีเซียที่ลดภาษีนำเข้าเป็น 0%
สำหรับสินค้าที่สามารถลดภาษีได้ เช่น กลุ่มยา เพราะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคไทย ขณะที่กลุ่มเคมี เป็นกลุ่มสินค้าที่มีการลงทุนสูงและยังอยู่ระหว่างการปรับตัวหากมีการลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ทันทีจะยังไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ทั้งนี้ เชื่อว่าข้อเสนอดังกล่าวถือเป็นเครื่องมือในการช่วยเจรจาไม่ใช่อุปสรรค
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีความกังวลว่าในอนาคตอาจมีโอกาสถูกให้ลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ทุกรายการ อย่างอินโดนีเซียและเวียดนาม เนื่องจากมองว่า อินโดนีเซียที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาน้อยกว่าไทย 2.5 เท่า ยังยอมลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ทุกรายการ อย่างไรก็ตามอย่างต้องรอความชัดเจนจากฝั่งอินโดนีเซียว่าจะมีการชี้แจงข้อมูลตรงกับสหรัฐหรือไม่
“กรณีอินโดถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 19% จากสหรัฐทำให้เกิดการเปรียบเทียบและจะทำให้ทีมเจรจาเหนื่อยมากขึ้นเนื่องจากไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐมากกว่าอินโดนีเซียถึง 2.5 เท่า แต่เชื่อว่าทีมเจรจาของไทยเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมีทักษะเชื่อว่าจะสามารถคุยกันด้วยเหตุผลได้ แม้จะหนักใจแต่เชื่อว่าทีมไทยแลนด์ทำได้” นายนาวา กล่าว
นายนาวา ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงการสรรหาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ว่าไม่ขอออกความเห็นเรื่องตัวบุคคล แต่เชื่อว่า กระทรวงการคลัง และ ธปท. จะคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนได้ดี โดยในภาคอุตสาหกรรมอยากให้อำนวยความสะดวกเรื่องซอฟต์โลน และดูแลเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เช่น พักชำระหนี้ชั่วคราว มองว่าหากสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่อง แล้วไม่ได้นำมาใช้ก็น่าเสียดาย ซึ่งเชื่อว่ามีระบบตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกสำหรับลูกหนี้ที่มีความซื่อสัตย์. -516-สำนักข่าวไทย
