“จุลพันธ์” เตรียมเสนอเงินดิจิทัล

กรุงเทพฯ 7 ก.พ. – “จุลพันธ์” เตรียมเสนอคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ โอนเงินดิจิทัล ไตรมาส 2 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท หวังดันจีดีพีปี 68 โตร้อยละ 3.5

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา “ECONOMIC Drives 2025” ว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จีดีพีไทยเติบโตเพียงร้อยละ 2 นับว่ายังต่ำกว่าศักยภาพเศรษฐกิจของไทย การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ คลังคาดการณ์จีดีพีในปี 68 ร้อยละ 3.5 คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ 38.5 ล้านคน การส่งออกโตร้อยละ 4.4 ตั้งเป้าหมายผลักดันเงินลงทุนในปีนี้ร้อยละ 80 โดยรัฐบาลอยากเห็นเติบโตตามศักยภาพร้อยละ 5 หลังออกหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนการโอนเงินดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่นบาท หลังได้โอนมาแล้ว 2 เฟส ผ่านกลุ่มเปราะบาง ผู้พิการเฟสแรก 1.45 แสนล้านบาท เฟส 2 โอนเงินผู้สูงอายุ 3 หมื่นล้านบาท หลังการประชุมอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ มีข้อสรุปเบื้องต้น จากนั้นเตรียมเสนอคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาโอนเงินดิจิทัลไตรมาส 2 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท จากผู้ลงทะเบียน 36 ล้านคนผ่านแอปทางรัฐเอาไว้แล้ว

“ได้หารือกับธนาคาร และนอนแบงก์ ตอบรับการเชื่อมต่อระบบกับ ”แอปทางรัฐ“ ในการใช้เงินของประชาชน โดยลดเงื่อนไขบางอย่าง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึง และนำเงินไปใช้ง่ายขึ้น จากเดิมกำหนดให้เป็นการใช้ดิจิทัลเพียงอย่างเดียว เพื่อให้เกิดหมุนเวียนเศรษฐกิจ รัฐบาลยังเดินหน้าอีก 20 มาตรการเดิม และเพิ่มอีก 10 โครงการใหม่ ทั้ง “บ้านเพื่อคนไทย” การเร่งรัดลงทุน ขณะนี้บีโอไอส่งเสริมการลงทุนสูงสุดในรอบ 10 ปี วงเงิน 1.3 ล้านล้านบาท จึงเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจในปีนี้“ นายจุลพันธ์ กล่าว

สำหรับกรณี ทรัมป์ 2.0 มองว่า เป็นการโยนมาตรการเก็บภาษีนำเข้า เพื่อนำมาเจรจาต่อรอง ขณะนี้รัฐบาลเดินทางเยือนจีน กระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน ส่วนอีกด้านหนึ่งรัฐบาล ยังเจรจากับสหรัฐ ด้วยอีกด้านหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงพึ่งพากับประเทศใดประเทศหนึ่ง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยน่าจะคลี่คลายลง รัฐบาลยังเดินหน้าเจรจาการค้าเสรี FTA กับประเทศต่าง ๆ ในช่วง 1 ปี จะบรรลุเจรจากับยุโรปได้ชัดเจน การผลักดันลงทุนจากต่างชาติในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต การเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในปีนี้ ดึงนักท่องเที่ยว 5 หมื่น-แสนคน

คลังได้หารือกับเอดีบี เป็นพันธมิตรองรับการออกกรีนบอนด์ของไทย เพื่อให้กับแบงก์รัฐระดมทุนด้วยต้นทุนการเงินต่ำกว่าร้อยละ 2 นับว่าเป็นต้นทุนถูกลง การขับเคลื่อนนวัตกรรมสมัยใหม่ รัฐบาลยังต้องการผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟความเร็วสูง เชื่อมการลงทุนในกับแลนด์บริดจ์ทางใต้ เพื่อขยับขึ้นเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัล

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลขับเคลื่อนหลายมาตรการให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นโครงการเดิมของรัฐบาลที่ผ่านมา หรือโครงการใหม่ของรัฐบาลปัจจุบัน เพื่อทำให้ทุกมาตรการ ถูกขับเคลื่อนออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยลดปัญหาความขัดแย้ง เพราะปัญหาที่เผชิญทั้งภายในและภายนอกหนักมาก จึงขอความร่วมมือกับทุกฝ่าย ดูแลกลุ่มเปราะบางที่มีปัญหา ผู้มีรายได้น้อย

นายสันติธาร เสถียรไทย ที่ปรึกษาด้าน Futures Economic สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ยุคต่อไปมหาอำนาจเศรษฐกิจโลก จะกลายเป็น จีน ตามด้วยอินเดีย อินโดนิเซีย นับว่า เป็นกลุ่มประเทศอยู่ในเอเชียน เป็นศูนย์กลางอำนาจใหม่ มหาอำนาจเดิมอย่างสหรัฐได้ถดถอยลง แม้ว่าสหรัฐไม่ตั้งกำแพงภาษีกับไทย แต่จะโดนหางเลขอย่างแน่นอน เมื่อจีนผลิตส่วนเกินต้องระบายไปทั่วโลก ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ต้องระบายสินค้ามายังอาเซียนแน่นอน การแข่งขันจึงเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ การโยกย้ายลงทุนออกจากจีน มายังอาเซียนมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของไทย ยอมรับไทยยังไม่ใช่พระเอก เพราะยังมีสิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนิเซีย ไทยจึงต้องปรับตัวรองรับโอกาสดังกล่าว.-515 -สำนักข่าวไทย