กรุงเทพฯ 24 ส.ค.-ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เห็นด้วยกับแผนแคมเปญ “100 วันรัฐบาลเศรษฐา 1” โดยเฉพาะแก้ปัญหาด้านปากท้องประชาชนรวมถึงเกษตรกรและแผนต้นภาคธุรกิจ แต่ติงแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทขอให้ศึกษาด้านกฎหมายให้ดีและควรมีแผนประเมินใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงไหม พร้อมแนะพรรคร่วมทีมเศรษฐกิจจะต้องทำงานมีเป้าหมายเดียวกันให้มากที่สุด
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวถึงเผยนโยบายเศรษฐกิจเร่งด่วน เพื่อไทย ประกาศทำทันที หลังจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้รัฐแคมเปญ “100 วันเศรษฐา” ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาททุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ใช้ภายในรัศมี 4 กิโลเมตรตามทะเบียนบ้าน ใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท การลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ ทันที หรือแนวทางพักหนี้ ทั้งต้นและดอกเบี้ยเกษตรกร 3 ปี พักหนี้ธุรกิจเฉพาะที่เดือดร้อนจากโควิด เป็นเวลา 3 ปี เพื่อลดรายจ่ายให้ประชาชนเร่งด่วนนั้น โดยภาพรวมมองว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเร่งดำเนินการเป็นการด่วน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวในช่วงเวลาที่เหลือปีนี้ไปถึงต้นไปหน้า
อย่างไรก็ตาม การประกาศใช้แนวทางดังกล่าวของรัฐบาลชุดใหม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะปัญหาด้านปากท้องของประชาชนควบคู่ไปกับการลดค่าน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซเพื่อช่วยเหลือประชาชนและกลุ่มผู้ผลิตสินค้าทั้งระบบที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น จึงถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการทันที โดยภาคเอกชนส่วนใหญ่ก็เห็นตรงกันที่รัฐบาลชุดใหม่ควรดำเนินการ
นอกจากนี้ รัฐบาลชุดใหม่จะต้องวางแผนและนโยบายเชิงรุก เชิงรับที่ชัดเจนของการแก้ไขปัญหาเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมาสร้างความมั่นใจให้กับนักธุรกิจทั่วโลกได้กลับเข้ามาลงทุนในไทยผ่านโครงการต่างๆ ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องเร่งอีกด้านที่สำคัญ คือ การแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่คาดว่าจะเกิดความรุนแรงในปีหน้า ประกอบกับจะต้องเร่งแก้ไขปัญหาภาคการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่องมาหลายเดือนโดยผ่านการขยายตลาดและหาตลาดใหม่พร้อมลดต้นทุนให้กับภาคการผลิตเพื่อการส่งออก
“แนวทางการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาททุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปนั้น ในหลักการไม่ขัดข้อง แต่จะต้องศึกษาในด้านกฎหมายทุกด้านให้ดีก่อน โดยเฉพาะควรมีการประเมินของโครงการนี้เมื่อใช้ไปแล้วมีผลต่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรในช่วง 3-6 เดือนแล้วใช้ไปแล้วเกิดความคุ้มค่าแค่ไหน และมีการป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลของการใช้จ่ายโครงการนี้เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบว่าเป็นโครงการที่ได้ผลคุ้มค่าเพียงใด”นายชัยชาญกล่าว
นอกจากนี้ ในความคิดเห็นของภาคเอกชนต่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจนั้น เห็นว่าอยากให้รัฐบาลชุดใหม่โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจจะต้องทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน หากเป็นพรรคเดียวกันที่ดูแลเศรษฐกิจจะเป็นผลดีต่อการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ แต่หากไม่สามารถเป็นพรรคเดียวกันทุกคนที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจจะต้องทำการเป็นทีมเดียวกันเพื่อให้นโยบายด้านเศรษฐกิจสามารถแก้ไขให้ทุกเรื่องประสบความสำเร็จได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย
